ไทม์ไลน์ซ้อนแผนดัดหลัง “ลุงพล” ล่อมอบตัวแล้วจับสับกุญแจมือ

2 มิ.ย. – ยืดเยื้อนับปี การดำเนินคดีอาญาคดีน้องชมพู่ วันนี้เริ่มนับหนึ่งแล้ว เพราะในที่สุด “ลุงพล” ผู้ต้องสงสัยหมายเลข 1 ในคดีนี้ ถูกตำรวจซ้อนแผน-ดัดหลัง ทำทีเปิดโอกาสให้ลุงพลเข้ามามอบตัวที่ สตช. แต่พอปรากฏตัวก็เข้าชาร์จจับกุมใส่กุญแจมือทันที พร้อมแจ้ง 3 ข้อหา ก่อนส่งตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์กลับไปดำเนินคดีที่ สภ.กกตูม จ.มุกดาหาร


ตั้งแต่ประมาณ 06.00 น. ตำรวจเข้าปิดล้อมบ้านเลขที่ 79 หมู่ 2 ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ซึ่งเป็นบ้านพักของนายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมุกดาหารในคดีการเสียชีวิต “น้องชมพู่” หลานสาวอายุ 3 ขวบ เหตุเกิดเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม 2563 บนภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้านไม่ไกลนัก พอไปถึงตำรวจได้พยายามเรียก “ลุงพล” ให้ออกมาจากบ้านโดยมีผู้ใหญ่บ้านกกกอก ช่วยเรียกลุงพลให้ออกมา พร้อมทั้งโทรศัพท์ติดต่อ แต่ไม่มีเสียงตอบรับใด กระทั่งตำรวจส่วนหนึ่งเดินไปทางหลังบ้าน พร้อมกับเจรจากันประมาณ 10 นาที ก่อนจะเดินมาบริเวณด้านหน้าของบ้านและได้มีคนเปิดประตูบ้านให้ท่ามกลางกระแสข่าวว่า “ลุงพล” ไม่ได้อยู่ในบ้านแล้ว รวมทั้งนางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” ภรรยา ก็ไม่อยู่ด้วย มีเพียงนายชาญ หลาบโพธิ์ หรือ “ตาชาญ” อายุ 67 ปี พ่อของ “ป้าแต๋น” อยู่ในที่เกิดเหตุ พร้อมบอกว่าจะไปรับหลาน จากนั้นตำรวจได้เข้าไปตรวจค้นภายในบ้านพัก ใช้เวลาประมาณ 10 นาที จึงพบว่า “ลุงพล” หลบหนีไปจริง

อย่างไรก็ตาม ระหว่างปฏิบัติตำรวจได้คุมตัวนายธนากร ทนันไธสง หรือ “อ๋อ” ยูทูบเบอร์คนสนิทของ “ลุงพล” ในข้อหาขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นคดีค้างเก่ากรณีที่ไปขวางทางตำรวจในวันที่ “ลุงพล” และ “ป้าแต๋น” เข้าเครื่องจับเท็จเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา


ขณะที่แม่ของ “น้องชมพู่” ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่าหลังทราบว่า “ลุงพล” ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดี ส่วนสาเหตุที่ในอดีตได้เคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่าสงสัย “ลุงพล” เนื่องจากได้พยายามทำอะไรหลายๆ อย่าง แต่ “ลุงพล” ไม่ยอมฟัง และการให้ข่าวของ “ลุงพล” มีลักษณะพูดกลับไปกลับมา อย่างไรก็ตาม อยากบอกกับ “น้องชมพู่” ว่าลูกได้รับความยุติธรรมแล้ว พ่อกับแม่ทำให้สังคมรู้ว่าเราไม่ได้ทำร้ายลูก เราไม่ฆ่าลูก

สำหรับ “ลุงพล” ถูกศาลจังหวัดมุกดาหารออกหมายจับเมื่อวานนี้ 1 มิถุนายน 3 ข้อหา ประกอบด้วย พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร, ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกิน 9 ปีเพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย และกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป

หลักฐานสำคัญที่นำไปสู่การออกหมายจับครั้งนี้ เป็นหลักฐานบริเวณจุดพบศพ “น้องชมพู่” ที่มีทั้งกางเกง รองเท้า และเส้นขน 3 เส้น ซึ่งตรวจดีเอ็นเอด้วยวิธีพิเศษ เพราะไม่พบรากขน ทำให้การตรวจครั้งแรกพบเพียงเชื่อมโยงกับเพศหญิง ซึ่งระบุได้ว่าเป็นญาติทางสายเลือดฝั่งแม่เด็ก ซึ่งอาจเป็นไปได้ทั้งเส้นขนของ “น้องชมพู่” หรือ แม่ พี่สาว ป้า น้า ยาย แต่การตรวจด้วยวิธีพิเศษพบความเข้ากันได้มากที่สุดกับ “ป้าแต๋น” ภรรยาของ “ลุงพล” ทำให้เส้นขนกลายเป็นหลักฐานสำคัญควบคู่ไปกับหลักฐานอีกชิ้น ซึ่งเป็นเส้นผมที่ตกอยู่ในรถของ “ลุงพล” โดยเส้นผมดังกล่าวเป็นเส้นผมกลุ่มเดียวกับเส้นผม 36 เส้นของ “น้องชมพู่” ที่ถูกตัดด้วยมีด ความยาวเส้นละประมาณ 1 เซนติเมตร และถูกพบบริเวณจุดพบศพของน้องชมพู่


นอกจากนี้ยังมีเส้นผมของคนใกล้ชิดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ทั้งที่คนใกล้ชิดไม่ได้ขึ้นไปบนเขาภูเหล็กไฟ นอกจากนี้การเข้าเครื่องจับเท็จของ “ลุงพล” ก็มีพิรุธ ประกอบกับคำให้การของพยานแวดล้อม ทุกอย่างขมวดรวมบ่งชี้ไปได้ว่าคดีนี้ “ลุงพล” เท่านั้นที่จะพาตัวน้องชมพู่ขึ้นไปบนภูเหล็กไฟ

จากนั้น ประมาณ 10.00 น. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ เดินทางมาถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีสื่อมวลชนห้อมล้อมเพื่อสอบถามว่าลุงพล จะมามอบตัวกับ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จริงหรือไม่ นายษิทธา เปิดเผยว่า หลังจากลุงพลถูกออกหมายจับก็มีความพยายามจะนำลุงพลเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน โดยเลือกที่จะมอบตัวกับ พล.ต.อ.สุวัฒน์ เพราะถือว่าเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดี แม้คดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่จะเกิดขึ้นที่ จ.มุกดาหาร ขอยืนยันว่าไม่มีการเจรจาหรือต่อรองเรื่องการขอประกันตัวตามที่มีข่าว และว่าลุงพลพยายามจะเข้าเข้ามอบตัวแต่ตำรวจไม่รับมอบตัว พร้อมระบุว่ายังไม่ได้พบกับลุงพล เนื่องจากได้นัดมาเจอลุงพลที่เดินทางมาจากมุกดาหาร ให้มาเจอกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

และในช่วงที่ชุลมุนอยู่กับทนายษิทรา อยู่ด้านหน้าอาคาร 1 ที่ทำงานของ ผบ.ตร. ปรากฏว่า นายไชย์พล หรือลุงพล พร้อมด้วยป้าแต๋น ภรรยา ได้เดินมาจากด้านหลังของอาคาร 1 แล้วเข้าพบตำรวจบริเวณโถงกลาง ชั้น 1 โดยลุงพลสวมเสื้อยืดสีขาว มีผ้าพันคอลายพื้นบ้านสีน้ำเงิน ใส่กางเกงยีน ส่วนป้าแต๋น สวมเสื้อคลุมสีแดง สวมกางเกงยีน และสะพานกระเป๋าเป้ ตำรวจได้เชิญตัวเข้าไปพูดคุยภายในห้องโถง มีทนายตั้มเข้าไปสมทบ และ พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รองผู้บังคับการ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เป็นผู้อ่านหมายจับให้ลุงพลฟัง และทนายตั้มร่วมฟัง ก่อนใส่กุญแจมือและนำตัวส่งให้พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เพื่อลงบันทึกประจำวัน งานนี้ “ลุงพล” จึงไม่มีโอกาสได้มอบตัวกับท่าน ผบ.ตร. ตามที่ประสานงานไว้ หรือเท่ากับลุงพลถูกจับกลางสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั่นเอง

จากนั้น พล.ต.อ.สุวัฒ์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ลงมาให้สัมภาษณ์นักข่าวที่ชั้น 1 ว่าคดีนี้ทำตามพยานหลักฐาน เมื่อรวบรวมพยานหลักฐานรัดกุมรอบด้าน ก็ขออนุมัติศศาลออกหมายจับ เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม พยานหลักฐานคดีนี้มีการพูดถึงกันมากมาย แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ถ้าไม่มีพยานหลักฐานก็ไม่สามารถจะตั้งข้อหาใครได้

ส่วนที่นายไชย์พล พยายามจะมามอบตัวกับตน จะทำอะไรก็ทำ แต่เมื่อตำรวจไปเจอตัวแล้วก็ต้องจับกุม ส่วนการจะให้ประกันตัวหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนจะพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมายตำรวจมีเวลา 48 ชั่วโมง หลังจากนั้นหากจำเป็นต้องสอบสวนต่อ หรือถ้าจะยื่นประกันตัวก็ยื่นต่อพนักงานสอบสวนซึ่งจะใช้ดุลยพินิจในการพิจารณา คดีนี้เจ้าหน้าที่มั่นใจในการทำงาน ส่วนคนอื่นจะคิดยังไงก็เป็นสิทธิ์ เราทำตามพยานหลักฐาน ถ้ามีมากกว่านี้เราก็จะทำ

ณ เวลานี้มีพยานหลักฐานที่ขอหมายจับผู้ต้องหาได้ 1 คน ถ้ามีมากกว่านี้ก็จะดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน คดีนี้ก็เหมือนคดีอื่น ๆ ปิดได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ทำได้ก็ดีใจ ถ้าเทียบกับการแข่งขันฟุตบอลโลกตอนนี้ก็เข้ารอบสุดท้าย ต้องสู้กันอีกยาว หากยังไม่มีการตัดสิน ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผบ.ตร. อยากฝากอะไรไปถึงครอบครัวน้องชมพู่บ้าง พล.ต.อ.สุวัฒน์ ตอบว่าตำรวจเคยรับปากไว้ว่าจะทำให้ดีที่สุด เราก็ทำตามสัญญา แต่ว่ามันยังไม่จบ คดีนี้เป็นคดีฆาตกรรมทั่วไป แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีประชาชนติดตามเสพติดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ อาจเป็นเพราะภูมิคุ้มกันเรื่องโซเชียลไม่เพียงพอ ขอให้ใช้วิจารณญาณในการเสพสื่อ ถ้าหยุดติดตามคดีนี้สัก 2 สัปดาห์ สุขภาพจิตจะดีขึ้น

ต่อมาเวลาประมาณ 13.00 น. ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้ควบคุมตัวนายไชยพล ขึ้นรถจาก สน.ปทุมวัน เพื่อเดินทางไปยังกองบินตำรวจ ท่าแร้ง ย่านรามอินทรา เพื่อขึ้นเฮลิคอปเตอร์เดินทางไปที่ สภ.กกตูม จ.มุกดาหาร โดยมีป้าแต๋น และทนายษิทรา ขึ้นรถออกจาก สน.ปทุมวัน ไปพร้อมกันด้วย โดยไม่มีการตอบคำถามสื่อมวลชนแต่อย่างใด แม้ผู้สื่อข่าวจะพยายามสอบถามหลายประเด็น

เบื้องต้น พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า นายไชย์พลให้การปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา และไม่ขอให้การในชั้นสอบสวนที่ สน.ปทุมวัน อ้างว่าจะไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนที่ สภ.กกตูม พอไปถึงที่กองบินตำรวจ ฮ.ก็ยกตัวพาลุงพล ป้าแต๋น และทนายตั้ม มุ่งหน้าไปยังมุกดาหาร โดยลุงพลถูกพันธนาการและมีตำรวจปะกบใกล้ชิดตลอดการเดินทาง. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รวบแล้วมือเผารถ “ศิริโชค” ญาติเผยจิตไม่ปกติ

6 ก.ค. – จับได้แล้ว มือวางเพลิงรถยนต์ “ศิริโชค” ตำรวจเค้นสอบ ยอมรับก่อเหตุจริง ญาติเผยจิตไม่ปกติ พูดคนเดียวมาหลายเดือน ด้าน “ศิริโชค” ไม่เชื่อลงมือเองจากอาการทางจิต น่าจะมีคนสั่งการอยู่เบื้องหลัง กล้องวงจรปิดจับภาพนายเบียร์ อายุ 29 ปี ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาในซอยบ้านพักของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.เขต 7 สงขลา 4 สมัย พรรคประชาธิปัตย์ ช่วงตี 3 คืนวานนี้ (5 ก.ค.) ต.ฉาง อ.นาทวี จ.สงขลา และไปคุยกับคนเฝ้าบ้านนายศิริโชค ที่ประตูหน้าบ้าน ก่อนขี่รถออกไป จากนั้นช่วงเวลา 03.45 น. นายเบียร์ขี่รถย้อนกลับเข้าไปในซอยบ้านของนายศิริโชคอีกครั้ง ก่อนจะมีข่าวรถยนต์ GWM HAVAL H6 PHEV หรือปลั๊กอิน-ไฮบริด กึ่งไฟฟ้ากึ่งน้ำมัน เกิดเพลิงไหม้เสียหายหมดทั้งคัน ซึ่งขณะนั้น ยังไม่มั่นใจว่าเกิดจาะระบบรถยนต์ขัดข้อง หรือสาเหตุอย่างอื่น จนเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเป็นที่แน่ชัดว่า นายเบียร์เป็นคนก่อเหตุวางเพลิงรถยนต์ของนายศิริโชค […]

“โรม” ควง “เท้ง” ลงพื้นที่สระแก้ว ดูชายแดนไทย-กัมพูชา

สระแก้ว 6 ก.ค. – “โรม” ควง “เท้ง” ลงพื้นที่สระแก้ว ดูชายแดนไทย-กัมพูชา “สอบสวนกลาง-ดีเอสไอ-หน่วยงานปกครอง” ลงด้วยเพียบ สงสัยฝั่งตรงข้ามเป็นฐานสแกมเมอร์-คอลเซ็นเตอร์ หรือไม่ แย้มมีข้อมูลทุนใหญ่เป็นหลังบ้านผู้มีอำนาจกัมพูชา เจอแน่ปิดห้องคุยพรุ่งนี้ แนะสร้างเสาเซ็นเซอร์ตรวจจับชายแดน หมาแมวตรวจได้หมด หากลักลอบเข้า ด้าน “ชุติพงศ์” โวย เขมรไม่ทำรั้ว-รับผิดชอบ ปล่อยผ่านคนลักลอบเข้าออก นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร​ ลงพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว​ ร่วมกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ​ สภาผู้แทนราษฎร​ เพื่อดูการแก้ไขปัญหาความมั่นคงและการบริหารกิจการชายแดนไทย-กัมพูชา​ โดยมีหน่วยงานความมั่นคง​ นายอำเภอ​ กรมการปกครอง รวมถึงเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ลงพื้นที่ด้วย จุดแรกมาที่บริเวณด้านหลังห้างสรรพสินค้า​อรัญประเทศ​ โดย พ.อ.เมธี คำเต็ม ผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา รายงาน​ว่า​ จุดนี้​เป็นพื้นที่​ที่การข่าวแจ้งว่า​ใช้เป็นช่องทางลักลอบข้ามไปฝั่งกัมพูชา​ เป้าหมายไปทำงานหรือเล่นการพนัน​ ปัจจุบันได้ซีลพื้นที่ตรงนี้แล้ว แต่ก็มีการลักลอบเข้าออกตลอด แม้จะมีสถานการณ์ไทย-กัมพูชา […]

“บิ๊กเต่า” ขอเวลาตรวจสอบให้ชัด คลี่ปมพัวพันสีกา ก.

6 ก.ค.- “บิ๊กเต่า” เผยคำให้การสีกา ก. เป็นประโยชน์ อาจโยงไปถึงการทุจริต แต่ขอเวลาตรวจสอบให้ชัด เตรียมประชุมคณะทำงานสัปดาห์หน้า เรียกผู้เกี่ยวข้องสอบเพิ่มเติม ยืนยันหากพบใครเอี่ยวพร้อมดำเนินคดี 12.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยถึงกรณีการเรียกตัวสีกาอักษรย่อ ก. มาสอบปากคำ ว่า หลังจากนำตัวสีกา ก. มาสอบ ก็ได้ข้อมูลในแนวทางที่ดีและมีประโยชน์ อาจนำไปสู่เรื่องที่อาจเอี่ยวกับการทุจริต แต่ก็จะต้องมีการตรวจสอบให้ละเอียด เพราะทุกอย่างต้องชัดเจน เนื่องจากคำให้การอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีหลักฐานอื่นประกอบด้วย จากคำให้การของสีกา ก. ว่า มีการเล่นพนันออนไลน์ แล้วเงินที่ใช้เล่นเป็นเงินส่วนไหน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า “ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ แต่เขามีการเล่นพนันจริง” ตอนนี้มีการตั้งคณะทำงานตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว โดยมี ปปป. เป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบ เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวพันหลายพื้นที่ ส่วนเรื่องบัญชีวัด ทางบก.ปปป. ก็มีอำนาจสามารถตรวจสอบได้เลย ประมาณวันจันทร์-อังคารที่จะถึงนี้ จะมีการประชุมถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ผู้สื่อข่าวถามว่า สีกา ก. เคยทำให้พระสึกมาแล้วถึง 2 รูป จริงหรือไม่ […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย