กทม.18 พ.ค.- ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัย “โรแมนซสแกม แนะ 5 ข้อสำคัญ เก็บข้อมูลส่วนตัว, ไม่คุยกับคนแปลกหน้า, ไม่ไว้ใจคนง่าย
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. และ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอเรียนประชาสัมพันธ์แนวทางการป้องกันการตกเป็นผู้เสีบหายกรณีมีการนำเสนอข่าว “รวบผัวเมียแสร้งรักออนไลน์ ตุ๋น ขรก. วัยเกษียณสูญ 10 ล้าน” ดังนี้
การจับกุมดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2564 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) ได้เข้าจับกุมผู้ต้องหา 2 รายเป็นหญิงไทย อายุ 29 ปีและชายชาวไนจีเรีย อายุ 36 ปี ที่บ้านพักใน จ.สระบุรี ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองรายนั้นได้ร่วมกระทำความผิดในลักษณะโรแมนซ์สแกม (Romance Scam) มีผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นข้าราชการวัยเกษียณทั้งชายและหญิง ซึ่งการกระทำความผิดดังกล่าวนั้นมีมูลค่าความเสียหายรวมนับสิบล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้นำตัวส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีคามกฎหมายต่อไป
รอง โฆษก ตร. และ โฆษก บช.สอท. ขอเรียนว่า โรแมนซ์สแกมนั้นเป็นหนึ่งในภัยออนไลน์ที่ยังคงพบเห็นได้ในปัจจุบันโดยมีการพัฒนารูปแบบและเทคนิคที่ใช้ในการล่อลวงให้ผู้เสียหายหลงเชื่อในความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล โดยผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อสังคมออนไลน์ที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย เช่น Facebook หรือ Instagram หรือผ่าน chat application ต่างๆ เช่น Line Application โดยเหล่ามิจฉาชีพจะหาช่องทางไปพูดคุยทำความรู้จักกับผู้เสียหาย จนสนิทสนมและมีความสัมพันธ์ถึงขั้นคบหาดูใจกัน หลังจากเกิดความไว้วางใจแล้ว เหล่ามิจฉาชีพก็จะออกอุบายว่าจะส่งของหรือทรัพย์สินไปให้ แต่สิ่งของนั้นมาจากต่างประเทศ การจะส่งไปให้ต้องเสียภาษีนำเข้าพัสดุก่อน จึงจะส่งพัสดุไปยังบ้านของผู้เสียหายได้ จากนั้นเหล่ามิจฉาชีพก็จะให้ผู้เสียหายโอนเงินที่อ้างว่าเป็นค่าภาษีนำเข้าพัสดุนี้ ไปยังบัญชีซึ่งเป็นบัญชีที่จ้างเปิดมาอีกทีหนึ่ง เมื่อผู้เสียหายโอนเงินมาแล้ว เหล่ามิจฉาชีพก็จะกดเงินออกในทันที จากนั้นเหล่ามิจฉาชีพก็จะเลิกติดต่อไปยังผู้เสียหายและหลบหนีไป
รองโฆษก ตร. และ โฆษก บช.สอท. จึงขอฝากเตือนภัยและประชาสัมพันธ์แนวทางการป้องกันหลีกเลี่ยงการฉ้อโกงในรูปแบบโรแมนซ์สแกม ดังนี้
1) ควรเก็บรักษาข้อมูลส่วนตัว ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ โดยเฉพาะบนโลกไซเบอร์ อันจะนํามาซึ่งความเสี่ยงในการตกเป็นเป้าหมายของเหล่ามิจฉาชีพ
2)ควรหลีกเลี่ยงการพูดคุยกับบุคคลแปลกหน้าบนโลกออนไลน์ หรือหากจะพูดคุยก็ควรตรวจสอบข้อมูลหรือรูปภาพของบุคคลที่คุยด้วยทุกครั้ง ว่านำภาพบุคคลใดมาแอบอ้างหรือไม่ มีตัวตนจริงหรือไม่
3) ไม่ควรไว้ใจหรือเชื่อใจบุคคลอื่นง่ายๆ โดยเฉพาะคนที่เพิ่งรู้จักกันทางสื่อสังคมออนไลน์
4) หากพบพฤติกรรมในลักษณะ เช่น เมื่อพูดคุยกันไปสักพัก จะมีการใช้คำหวาน พูดให้ความหวัง และอยากจะส่งของมาให้ โดยจะอ้างว่าเป็นเงินสด หรือสิ่งของมีค่าต่างๆ แต่คุณต้องจ่ายค่าธรรมเนียมและภาษี ให้สันนิษฐานได้ว่าอาจถูกหลอก ควรตรวจสอบข้อมูลของบุคคลดังกล่าวให้ดี เพื่อที่จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ
5)พึงระลึกไว้เสมอว่า อะไรที่ดีเกินไป เร็วเกินไป มักจะลงเอยไม่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นโดยง่ายผ่านสื่อสังคมออนไลน์และขอให้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุทาหรณ์ ควรระมัดระวังในเรื่องการมีความสัมพันธ์ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์หรือ Chat Application ในรูปแบบต่างๆ หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย