สอท.แจงข้อหาเอาผิด แฉครูหื่น แชทหานักเรียนฯ

กทม.7 เม.ย.- โฆษก สอท.แจงข้อกฏหมายกรณีสื่อสังคมออนไลน์“แฉครูหื่น แชทหานักเรียนล่อให้ไปหาถามรับงานไหม จ้าง 3,500 มาเต้นให้ดู”


พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กล่าวกรณีสื่อสังคมออนไลน์นำเสนอข่าวกรณี “แฉครูหื่น แชทหานักเรียนล่อให้ไปหาถามรับงานไหม จ้าง 3,500 มาเต้นให้ดู” ว่า เกิดจากมีนักเรียนสาว ออกมาแฉพฤติกรรมของครูคนหนึ่งที่มีลักษณะในการคุยแชทเชิงหลอกล่อให้นักเรียนไปหา โดยในบทสนทนามีการบอกว่า ถ้าไม่มาหาครูจะติดศูนย์ ส่งผลกระทบต่อผลการเรียน นักเรียนก็ขอพาเพื่อนไปด้วย แต่ครูกลับบอกว่าไม่ได้ และพยายามบอกให้นักเรียนมาคนเดียว ห้ามบอกใคร จากนั้นมีการส่งข้อความในลักษณะคุกคาม อย่างเช่น ชอบเอว, รับงานไหม เต้นให้ดูเฉยๆ ให้ 3,500 บาท จนนักเรียนคนดังกล่าวเหลืออด ส่งข้อความในลักษณะด่าทอตอบกลับไป และโพสต์เรื่องดังกล่าวลงบนสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากถึงความเหมาะสม, จรรยาบรรณความเป็นครู  และในเรื่องของข้อกฎหมาย

ซึ่งในการชักชวนดังกล่าวนั้น อาจจะเป็นการกระทำความผิดฐาน กระทำด้วยประการใดๆต่อผู้อื่น อันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือกระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ และเป็นการกระทำอันมีลักษณะส่อไปในทางที่จะล่วงเกินทางเพศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในฐานความผิดดังกล่าว เป็นความผิดส่วนตัว ผู้เสียหายจะต้องมาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ตามขั้นตอนของกฎหมาย


และว่า หากหลังจากได้รับข้อความชักชวนดังกล่าวแล้วนักเรียนไปที่บ้านครูคนดังกล่าวจริง จะเข้าข่ายความผิดอีกหลายข้อหา เช่น หากผู้เสียหายอายุต่ำกว่า 15 ปี อาจเข้าข่ายความผิดฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยปราศจากเหตุอันสมควร ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000 ถึง 300,000 บาท หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

หากกรณีผู้เสียหายอายุระหว่าง 15-18 ปี อาจเข้าข่ายความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปจากบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจ มีโทษจำคุก 2-10 ปี ปรับ 40,000-200,000 บาทหรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น

โฆษก บช.สอท.ฝากเตือนไปยังบุคคลที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์หรือแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อกระทำในลักษณะดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย ตำรวจจะเร่งปราบปรามและเอาผิดกับผู้ก่อเหตุอย่างต่อเนื่องและจริงจัง หากพบเห็นเบาะแส สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลข 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทรัมป์” เดินทางถึงกรุงวอชิงตัน เตรียมเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ เดินทางถึงสนามบินในกรุงวอชิงตันแล้วในวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ้น เพื่อเตรียมตัวเข้าพิธีสาบานตน

พ่อหวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม ลูกชายคนเล็กถูก “ติ๊ก ชีโร” ขับรถชน

พ่อหวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังสูญเสียลูก 2 คน ถูก “ติ๊ก ชีโร” ขับรถชนตกสะพาน ย่านสายไหม กรุงเทพฯ เหตุเกิดเมื่อ 10 ต.ค.67

รถน้ำมันระเบิดไนจีเรียหลังพลิกคว่ำ เสียชีวิต 77 ราย

รถบรรทุกน้ำมันระเบิดหลังจากพลิกคว่ำในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไนจีเรีย คร่าชีวิตชาวบ้านอย่างน้อย 77 คนที่กำลังเอาถังมารองน้ำมันที่รั่วไหลจากรถบรรทุก

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ร่วมประชุม World Economic Forum ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

นายกรัฐมนตรีมีกำหนดเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum ประจำปี 2568 เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และตอกย้ำให้นักลงทุนและภาคเอกชนเชื่อมั่นใน “โอกาสของประเทศไทย” ตามแคมเปญ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง”

วันแรก กทม.ขอประชาชน Work From Home

หลังวันแรก กทม. ขอความร่วมมือประชาชน Work From Home พบว่าการจราจรบางจุดคล่องตัว รถลดลง แต่หลายจุดรถยังหนาแน่น โดยการประกาศขอความร่วมมือของ กทม. หลังค่าฝุ่น PM 2.5 ตลอดสัปดาห์เป็นสีส้ม ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาคส่วนต่างๆ จำนวนมาก

ยื่นดีเอสไอรับคดีแตงโมเป็นคดีพิเศษ ขีดเส้น 1 เดือน

“อาจารย์ปานเทพ-บอสณวัฒน์” พาตัวแทนมิสแกรนด์ 2025 ทั้ง 77 จังหวัด ยื่นดีเอสไอขอรับคดีแตงโมตกเรือเป็นคดีพิเศษ ขีดเส้น 1 เดือน

คนร้ายอุกอาจยิงระเบิด M79 ใส่ สภ.กะพ้อ จ.ปัตตานี 2 ลูก

คนร้ายอุกอาจยิงระเบิด M79 ใส่ สภ.กะพ้อ จ.ปัตตานี จำนวน 2 ลูก โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ด้าน รอง ผบก.ภ.จว.ปัตตานี กำชับเจ้าหน้าที่เร่งรวบรวมพยานหลักฐานและตรวจสอบกล้องวงจรปิด พร้อมวางมาตรการคุมเข้มในพื้นที่