ปส.พบการส่งยาเสพติดทางพัสดุมากขึ้น

กทม.2เม.ย.-ปส.จับขบวนการค้ายาเสพติด 9 คดี ผู้ต้องหา 18 คน ของกลางยาบ้า 8,462,000 เม็ด ไอซ์ 850 กิโลกรัม, เฮโรอีน  45 กิโลกรัม และโคเคอีน 10 กิโลกรัม พบเริ่มมีการลอบขนส่งทางโลจิติกส์มากขึ้น ทั้ง ไปรษณีย์ และฝากบุคคลอื่นที่โดยสารเครื่องบินมา

พลตำรวจโทมนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด หรือ ปส. ระบุว่า พบว่าเริ่มมีการลอบขนส่งยาเสพติดทางโลจิติกส์มากขึ้น อาทิ การขนส่งทางไปรษณีย์ และการฝากบุคคลอื่นที่โดยสารเครื่องบินมา


ส่วนทางเรือพบมีการซุกซ่อนมาในตัวเรือ จากการตรวจค้นพบเจ้าหน้าที่ ลูกเรือ ซุกซ่อนของกลางในเครื่องจักร โดยยังไม่พบว่าเชื่อมโยงกับเจ้าของเรือ ซึ่งได้ประสานกับต่างประเทศจับตาการนำเข้าส่ง-ออก เพื่อป้องการการลักลอบขนยาเสพติด

 โดยผลงานตำรวจ บก.ปส.3 ประกอบก้วย การจับนายสมศักดิ์ รักชาติ พร้อมพวกรวม 3 คน ของกลางเฮโรอีน 17 กิโลกรัม รถกระบะ 2 คัน ที่ตู้ยามแม่มะ ต.ศรีดอนมูล อ.เชียงแสน จ.เชียงราย หลังสืบทราบว่าเครือข่ายยาเสพติดนายสมศักดิ์ ลอบนำยาเสพติดจากชายแดนเข้ามาซุกซ่อนที่บ้านพัก ก่อนส่งลูกค้าทางพัสดุ กระทั่งพบกลุ่มผู้ต้องหานำพัสดุไปส่งที่บริษัทรับส่งพัสดุใน อ.เชียงแสน จึงแสดงตัวตรวจค้น พบเฮโรอีนซ่อนในซองขนมขบเคี้ยวในกล่องพัสดุ จึงจับกุมดำเนินคดี


การจับกุมนายชลอ แซ่ยั้ง อายุ 26 ปี พร้อมไอซ์หนัก 3 กิโลกรัม ข้อหาพยายามส่งออกไอซ์เพื่อจำหน่าย และครอบครองไอซ์เพื่อจำหน่าย ที่บริษัทรับ-ส่งพัสดุระหว่างประเทศ จ.สมุทรปราการ หลังตรวจพบวัตถุต้องสงสัยในกระเป๋าสัมภาระของนายชลอ ผู้โดยสารสายการบินระหว่างประเทศ เมื่อตรวจค้นพบไอซ์ ซุกซ่อนมาในกระป๋องข้าวโอ๊ตปรุงสำเร็จ ปะปนมากับเสื้อผ้า จึงจับกุมดำเนินดดี ส่วนนางอรพัส เลิศวรทวี อายุ 66 ปี ถูกจับกุมพร้อมโคเคน 10 กิโลกรัม ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ หลังลอบนำของกลางเข้ามาขณะเดินทางกลับจากบราซิล โดยซุกซ่อนของกลางในผนังกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าผ้าของที่ระลึก ปกหนังสือและในเสื้อกันหนาว

นอกจากนี้ ยังยึดเฮโรอีน 37 กิโลกรัม ซ่อนในซองกาแฟสำเร็จรูป ได้ที่บริษัทรับส่งพัสดุระหว่างประเทศ ใน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ที่เตรียมส่งออกไปยังประเทศออสเตรเลีย จึงยึดไว้เป็นของกลาง ก่อนหาตัวผู้ส่งมาดำเนินคดี

ส่วนผลงานตำรวจ บก.ปส.4 คือการจับกุมนายคมสัน ดวงมั่น อายุ 34 ปี พร้อมพวก 1 คน ของกลางไอซ์ 347 กิโลกรัม รถบรรทุก 6 ล้อ ข้อหาร่วมกันมีไอซ์ไว้ครอบครองเพื่อขายและเสพเมทแอมเฟตามีนโดยผิดกฎหมาย ที่ด่านตรวจพาหนะชุมพร ถ.เพชรเกษม ต.หงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร หลังตำรวจสืบทราบว่าจะมีการลอบขนยาเสพติดจากภาคกลางไปยังภาคใต้ โดยใช้รถบรรทุก 6 ล้อ เจ้าหน้าที่จึงตั้งด่านสกัด เมื่อพบรถตามที่รับแจ้งจึงเรียกให้หยุด ก่อนเข้าตรวจค้น พบว่ายาเสพติดถูกซุกซ่อนตามอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้าน กระจายตามตัวรถ จึงจับกุมดำเนินคดี


ผลงานตำรวจ บก.ปส.4 กุมนายอยุรักษ์ ภักดีรุจีรัตน์ อายุ 34 ปี พร้อมยาบ้า 6.2 หมื่นเม็ด ที่ป่าละเมาะริมถนนเพชรเกษม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หลังพบว่านายอนุรักษ์ มั่วสุมเสพยาเสพติด แล้วถูกจับกุมพร้อมไอซ์ 10 กรัม ก่อนได้รับการประกันตัวในชั้นศาล แต่เจ้าตัวยังคงยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก กระทั่งพบว่านายอนุรักษ์ เตรียมนำยาเสพติดไปซุกซ่อนที่ป่าละเมาะ จึงสะกดรอยตามกระทั่งพบผู้ต้องหาขับรถไปหยิบถุงสีดำวางในป่าละเมาะ จึงแสดงตัวตรวจค้นจับกุม

ตำรวจ บก.ปส.4 จับกุมนายนิอาดี ยะโก๊ะ อายุ 35 ปี พร้อมพวกรวม 5 คน และของกลางยาบ้า 4 แสนเม็ด ไอซ์ 500 กิโลกรัม รถบรรทุก 22 ล้อ รถกระบะ และรถเก๋ง แจ้งข้อหาร่วมกันมียาบ้า,ไอซ์ ไว้ครอบครองเพื่อขาย จับกุมได้ที่ด่านตรวจพาหนะชุมพร ถ.เพชรเกษม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ต่อเนื่องห้องพักในโรงแรม จ.ชุมพร หลังสืบทราบว่าจะมีขบวนการขนยาเสพติดลงไปยังภาคใต้ เดินทางออกจาก จ.เพชรบูรณ์ ไปส่งที่ จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ทราบกลุ่มจึงสะกดรอยตามจนพบรถต้องสงสัย 3 คัน ขับตามกันเป็นขบวน กระทั่งพบด่านตรวจมีรถในขบวนคันเดียวที่ผ่านเข้าไป ส่วนที่เหลือจอดรอข้างนอก เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจค้นรถคันที่ขับเข้าด่าน ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่คนขับแสดงอาการมีพิรุธ กระนั้นเจ้าหน้าที่ก็ปล่อยรถไปเพื่อสะกดรอยตามก่อนพบว่าผู้ขับไปเข้าพักที่โรงแรม ส่วนเจ้าหน้าที่อีกชุดได้ตรวจพบยาเสพติดดังกล่าวบนรถบรรทุก เจ้าหน้าที่จึงสอบสวนขยายผลแล้วจับกุมผู้ร่วมขบวนการดังกล่าว

คดีสุดท้ายเป็นการจับกุมนายณรงค์ คงแง่ง อายุ 29 ปี พร้อมพวกรวม 4 คน และของกลางยาบ้า 8 ล้านเม็ด รถบรรทุก 2 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน ปืนพกสั้น 1 กระบอก กระสุนขนาด 9 มม.10 นัด ทองรูปพรรณ 2 บาท เงินสด 2.5 แสนบาท แจ้งข้อหาร่วมกับพวกที่หนี มียาบ้าไว้ครอบครองเพื่อขาย จับกุมได้หน้าปั๊มน้ำมัน อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ต่อเนื่อง สวนปาล์มบ้านพักหมู่ 8 อ.ลำทับ จ.กระบี่ หลังสืบทราบว่ามีผู้ลอบนำยาเสพติดจากภาคกลางผ่านถนนสายอยุธยา สุพรรณบุรี นครปฐม ไปส่งให้ลูกค้าที่ จ.กระบี่ จึงวางแผนสกัดกั้นจับกุมได้ดังกล่าว และคดีสุดท้ายจับกุม ส.อ.ธัญญะ ทวีค่ำคูณ อายุ 33 ปี พร้อมเฮโรอีน 4 กิโลกรัม ในข้อหาครอบครองเฮโรอีนไว้ขายและพยายามส่งออกนอกราชอาณาจัก จับกุมได้ที่ศาลาริมทางหน้า รพ.กุดจับ จ.อุดรธานี หลังได้รับแจ้งจากพนักงานบริษัทขนส่งเอกชนว่ามีพัสดุต้องสงสัย มีผู้มาส่งใช้ชื่อบนบัตรประชาชนว่านายอานนท์ บางศิริ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบเฮโรอีน 4 กิโลกรัม อยู่ในถุงผงปรุงรส เมื่อสืบสวนต่อมาทราบว่าผู้ส่งคือ ส.อ.ธัญญะ จึงรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับ แต่คนร้ายไหวตัวหนีทัน ระหว่างหลบหนี เจ้าตัวมารอแฟนสาวที่ รพ.กุดจับ ชุดจับกุมจึงเข้าจับกุมดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย