กทม. 2 เม.ย. -ตำรวจ ปคบ. ร่วมกับ อย.รวบตัวอดีตเจ้าหน้าที่สาธารณสุขคาคลินิกเถื่อน หลังพบลักลอบเปิดรักษาคนไข้ด้วยยาชุดมายาวนาน และมีคดีถูกกล่าวหาฉีดยาให้เด็ก 3 ขวบ ทำให้มีผลข้างเคียงจนเสียชีวิต
พลตำรวจโทเพิ่มพูน ชิดชอบ ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ ปคบ. และคณะกรรมการอาหารและยา แถลงผลจับกุมนาย กฤษณ์ แก้วมณี อดีตผู้อำนวยโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลนาโพธิ์ อายุ 61 ปี หลังลับลอบขายยาให้ประชาชนโดยไม่ได้รับอนุญาตผ่านทางออนไลน์ จนถูกตำรวจ ปคบ. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยว เข้าจับกุมได้ที่คลินิกแห่งหนึ่งในตำบลนาโพธิ์ อำเภอบุญฑริก จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมยึดของกลางเป็นยาอันตราย ยาที่ห้ามขายโดยผู้ที่ไม่ใช่เภสัชกรได้ 123 รายการ
สืบเนื่องมาจากมีคดีที่ตาและยายของเด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่ถูกนายกฤษณ์ฉีดยาให้ และเสียชีวิตในเวลาต่อมาเมื่อปี 2555 แต่คดีไม่คืบหน้านานถึง 9 ปี และยังคงมีพฤติการณ์ลักลอบรักษาคนไข้อยู่เป็นประจำ ตำรวจ ปคบ. จึงลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่านายกฤษณ์มีพฤติกรรมตามที่ถูกร้องเรียนจริง คือ นายกฤษณ์ ไม่ใช่แพทย์ ไม่ใช่เภสัชกร เป็นเพียงอดีตเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ไม่มีสิทธิ์ในการรักษา และไม่มีใบอนุญาตจำหน่ายยา แต่ก็ยังอาศัยบ้านพักเปิดเป็นคลินิค และให้การรักษา รวมถึงจ่ายยาให้กับผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีการจัดยาชุดอย่างผิดกฎหมาย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเภสัชกรรม ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิได้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมมาประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม โดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต, ความผิดตาม พ.ร.บ.ยา ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต ขายยาบรรจุเสร็จหลายขนานโดยจัดเป็นชุดในคราวเดียวกัน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับคดีน้องเด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่ไม่คืบหน้ามายาวนานกว่า 9 ปี ล่าสุดตำรวจ สภ.นาโพธิ์ ได้นำสำนวนส่งให้อัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3 เพื่อดำเนินคดีกับนายกฤษ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามกฎหมาย และประกอบโรคศิลป์โดยไม่ได้รับอนุญาต
ขณะที่นางทักษิณา แก้วมณี ภรรยาของนายกฤษ ตำรวจก็ส่งสำนวนให้อัยการจังหวัดเดชอุดมไปแล้วเมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมาในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ควบคุมดูแล ปล่อยให้ผู้มิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพทำการประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลของตน.-สำนักข่าวไทย