ตร.คู่กรณีขอโทษ “หมิว” รับเข้าห้องน้ำผิด-ไม่มีเจตนาแอบถ่าย

กรุงเทพฯ 22 มี.ค. – “หมิว สิริลภัส” นักแสดงสาว เข้าพบพูดคุยกับตำรวจคู่กรณี หลังแอบตามเข้าห้องน้ำในปั๊มน้ำมันย่านรัชดาภิเษก โดยตำรวจได้ขอโทษและยืนยันปวดท้องหนักมาก แถมพักผ่อนน้อยจนเบลอ ไม่ทันดูห้องน้ำ ด้าน “หมิว” ไม่ปักใจเชื่อ และไม่รับคำขอโทษ ขอดูพยานหลักฐานอื่นๆ ประกอบ ขณะนี้ดำเนินคดีได้เพียงข้อหาทำให้ตกใจกลัว


นางสาวสิริลภัส กองตระการ หรือหมิว ดาราสาว เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน หลังมีการนัดหมายให้มาพบพูดคุยกับคู่กรณี เป็นตำรวจชั้นประทวน ยศ ส.ต.ท. สังกัด สน.ทุ่งมหาเมฆ หลังก่อนหน้านี้ได้แจ้งความดำเนินคดี หลังถูกชายตามถึงในห้องน้ำของปั๊มน้ำมันริมถนนรัชดาภิเษก โดยเชื่อว่าชายคนดังกล่าวได้แอบถ่ายขณะทำกิจธุระในห้องน้ำ ก่อนขึ้นรถเก๋งตำรวจหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ต่อมาพบว่าชายคนดังกล่าว เป็นตำรวจจริง

หมิวเปิดเผยกับสื่อก่อนเข้าไปพบกับคู่กรณีว่า วันนี้ได้นำหลักฐานเป็นภาพถ่ายสถานที่เกิดเหตุ พร้อมคลิปวิดีโอจุดเกิดเหตุในช่วงเวลากลางวัน และถ่ายภาพสภาพของห้องน้ำชั่วคราวภายในปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุ ซึ่งพบว่าห้องน้ำแยกกันระหว่างห้องน้ำชายและห้องน้ำหญิงอย่างชัดเจน มาเป็นหลักฐานมอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าคำให้การของคู่กรณีว่าสับสนระหว่างห้องน้ำ ชายหญิง ทำให้เข้าผิด ฟังไม่ขึ้น จากนั้นได้เข้าไปพูดคุยกับ ส.ต.ท. คู่กรณี ในห้องของ ผกก. สน.พหลโยธิน โดยไม่อนุญาติให้สื่อเข้าไปสังเกตการณ์ ใช้เวลาประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง


จากนั้นหมิวเปิดเผยหลังพูดคุยกับตำรวจคู่กรณี บอกว่าตัวเองปวดท้องหนักมาก และพักผ่อนน้อยจนเบลอ ไม่ทันได้ดูห้องน้ำ ไม่มีใครสั่งให้ติดตามแน่นอน แต่ตนเองติดโซเชียลมากจึงเล่นโทรศัพท์มือถือ ยืนยันว่าไม่เห็นคู่กรณียกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่าย แต่เห็นเขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากันพอดี ซึ่งคู่กรณีได้ขอโทษแล้ว แต่ยังไม่รับคำขอโทษ หรือปักใจเชื่อ ต้องรอดูหลักฐานอื่นประกอบก่อน เช่น หากรถตำรวจคันที่มาจอดข้างกันเป็นรถตำรวจจริงๆ ก็คงจะมีเจตนาที่จะขับตามตนมาหรือไม่ ขณะนี้จะยังไม่ตัดสินว่าใครผิดจนกว่าคดีจะถึงที่สุด เบื้องต้นได้คุยกับตำรวจแล้ว พบว่าไม่เข้าข่ายความผิดตามคดีอาญา ฐานคุกคามหรืออนาจาร เป็นเพียงความผิดลหุโทษ ฐานทำให้ตกใจกลัว ทั้งนี้ จากการพูดคุยกับคู่กรณีเชื่อว่าเขาเองไม่น่าจะเป็นคนตั้งใจที่จะทำอนาจารใดๆ เพียงแค่สงสัยว่าเหตุใดคนที่ปวดท้องหนักมาก แต่เมื่อเข้าห้องน้ำกลับไม่รีบทำธุระ เพราะถามคู่กรณีไปก็ตอบไม่ได้

ด้านตำรวจนายดังกล่าว เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุเข้าเวรทำงานตั้งแต่ช่วงตี 5 ครึ่ง จนถึง 5 ทุ่ม ก่อนหน้านั้นต้องรับผิดชอบงานจราจร และไปดูแลการชุมนุม อีกทั้งมีการทำงานลากยาวติดสะสมแบบนี้มาหลายวันแล้ว จึงทำให้เกินความเบลอ และพลาดเดินเข้าห้องน้ำผู้หญิง ทั้งนี้ การมายัง สน.พหลโยธิน ในวันนี้ ต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าในวันนั้นไม่ได้มีเจตนาจะตามไปถ่ายคลิป หรือตามไปก่อเหตุอนาจารอะไร อีกทั้งเหตุที่มีการขับรถหลบหนีออกจากปั๊มโดยไม่อธิบายหรือชี้แจงอะไร เพราะเห็นหมิวถือมีดและส่งเสียงดัง จึงเกิดความกลัว อย่างไรก็ตาม ได้มีการขอโทษ พร้อมรับผิดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางอาญาหรือทางวินัย

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นางสาวสิริลภัส หรือหมิว นำหลักฐานภาพถ่ายสถานที่เกิดเหตุ พร้อมคลิปวิดีโอ แถลงชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชน กรณีถูกชายคนหนึ่งเดินตามเข้าไปห้องน้ำในปั๊มน้ำมันย่านรัชดาภิเษก โดยสงสัยว่าจะตามเข้าไปถ่ายภาพขณะทำธุระในห้องน้ำ ก่อนวิ่งขึ้นรถตำรวจหลบหนีไปนั้น


หมิวบอกว่า เหตุเกิดขึ้นคืนวันที่ 6 มีนาคม หลังไปส่งเพื่อนที่ย่านรัชดาฯ ซอย 8 และจะไปต่อที่ซอยรัชดาภิเษก 32 เพื่อคุยธุระเรื่องเพลง ระหว่างทางแวะเข้าห้องน้ำปั๊มน้ำมัน เห็นรถคู่กรณีขับมาจอดเทียบ แต่ไม่ยอมลงจากรถจนผิดสังเกต จึงหยิบมีดปอกผลไม้พกติดตัวเข้าห้องน้ำ ต่อมาหลังเข้าห้องน้ำได้สักพัก มีคนเดินตามเข้ามาในห้องน้ำที่อยู่ติดกัน ด้วยความที่ไม่ไว้วางใจแต่แรก จึงไม่ทำธุระ ยืนรออยู่บนชักโครก พยายามฟังว่าอีกฝ่ายเข้ามาทำธุระตามปกติหรือไม่ แต่ไม่ได้ยินเสียงถอดกางเกง หรือเห็นว่าจะทำธุระใด เวลาผ่านไปราว 3 นาที ก่อนที่อีกฝ่ายจะสังเกตมองมาที่ตน จากนั้นตนจึงเริ่มโวยวายและเหตุการณ์ต่างๆ ก็เป็นไปตามที่ปรากฏในคลิปวิดีโอ จากนั้นวันรุ่งขึ้นก็เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.พหลโยธิน และทำใจอยู่นานกว่าจะตัดสินใจโพสต์เตือนภัยเรื่องนี้ลงในโซเชียลมีเดีย และค่อนข้างมั่นใจว่าตั้งแต่คู่กรณีเดินเข้าห้องน้ำ จนถึงออกจากห้องน้ำ ไม่ได้ถ่ายคลิปของตนไว้ เพราะตนระมัดระวังตัวและสังเกตพฤติกรรมคู่กรณีตลอด หากนำมือถือไปตรวจสอบคิดว่าไม่น่าจะพบภาพอะไร หลังเกิดเรื่องได้ให้คนสนิทไปถ่ายภาพลักษณะห้องน้ำช่วงกลางวัน เพื่อนำมาเปรียบเทียบว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเข้าใจผิดหรือไม่ ซึ่งมองว่าเป็นไปได้ยาก เพราะห้องน้ำมีป้ายแสดงสัญลักษณ์ชัดเจน ส่วนเรื่องที่ตนต้องพกมีดเข้าไปในห้องน้ำ ยอมรับว่าตนพกไว้ป้องกันตัว ซึ่งพกมาตลอดตั้งแต่ขับรถแรกๆ เนื่องจากมักไปไหนเพียงลำพัง อีกทั้งมีดที่พกก็เป็นเพียงมีดปอกผลไม้เท่านั้น

ส่วนเรื่องการดำเนินคดี แม้จะไม่มีการถ่ายภาพลามกอนาจาร แต่มองว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล อาจเข้าข่ายเป็นการคุกคามทางเพศ ซึ่งจะขอให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และเท่าที่ได้รับการประสานข้อมูลจากผู้บังคับบัญชาของตำรวจนายดังกล่าว ก็ระบุว่าพร้อมจะอำนวยความสะดวกเรื่องการดำเนินคดี.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย