กรุงเทพฯ 15 มี.ค. – สาวเมียนมาเครียดสามีตกงานจากพิษโควิด-19 ทำร้ายร่างกายลูกสาววัย 5 ขวบ เขียวช้ำ ตาบวมปูด ก่อนหอบลูกสาวคนเล็กวัย 6 เดือน หนีไป ด้านสามีอยากให้ตำรวจช่วยติดตามภรรยาและลูกสาวคนเล็กกลับคืนมา เนื่องจากเกรงว่าภรรยาจะคิดสั้นและทำอะไรรุนแรง
เมื่อเวลา 22.30 น. วานนี้ (14 มี.ค.) ตำรวจ สน.ราษฎร์บูรณะ รับแจ้งเด็กหญิงวัย 5 ขวบ ถูกทำร้ายร่างกาย ภายในแมนชั่นแห่งหนึ่ง ถนนประชาอุทิศ ซอย 27 แขวงและเขตราษฎร์บูรณะ กทม. จึงรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง 3 ชั้น แบ่งเป็นห้องให้เช่า ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บชื่อเป็นเด็กหญิงอายุ 5 ขวบ สัญชาติเมียนมา ชาวบ้านพาออกจากห้องพักไปปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ร้านขายของชำใกล้ๆ กัน อาการแรกพบเด็กหญิง 5 ขวบ อยู่ในอาการหวาดผวา มีรอยช้ำทั้งตัว โดยเฉพาะบริเวณตาทั้งสองข้างบวมปูดปิดจนเกือบสนิท เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยจึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ อย่างเร่งด่วน
จากการสอบถามพ่อเด็กซึ่งเป็นชาวเมียนมา ให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้ตนเป็นพนักงานประจำอยู่ที่บริษัทสกรีนเสื้อแห่งหนึ่งย่านทุ่งครุ อาศัยอยู่ในแมนชั่นกับภรรยา อายุ 28 ปี มีลูกสาวด้วยกัน 2 คน คนโตชื่อก็คือเด็กหญิงอายุ 5 ขวบ ส่วนคนเล็กชื่ออายุ 6 เดือน กระทั่งเมื่อ 2 วันก่อน ตนต้องออกจากงานเพราะวิกฤติโควิด แต่ยังของานเล็กๆ น้อยๆ ประเภทแพ็กเสื้อใส่ถุง จากเถ้าแก่โรงงานสกรีนเสื้อที่ตนเคยทำ มานั่งทำกับภรรยาที่ห้องพักเพื่อหาเงินประทังชีวิตแบบรายวัน ทำให้ภรรยาเกิดความเครียด เริ่มทำร้ายลูกด้วยการตีบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นรุนแรง ซึ่งตนก็ห้ามปราม และปรับความเข้าใจไปแล้ว
กระทั่งช่วงเย็นตนออกไปละหมาดที่สุเหร่า เมื่อกลับมาที่แมนชั่นพบว่าลูกสาววัย 5 ขวบ ถูกภรรยาทำร้ายจนเป็นแบบนี้ ส่วนลูกสาววัย 6 เดือน ภรรยาพาหนีไปด้วย โดยไม่รู้ชะตากรรม ตอนนี้ตนเป็นห่วงลูกคนเล็กมาก ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร อยากให้ตำรวจช่วยติดตามภรรยาและลูกสาวคนเล็กกลับคืนมาด้วย เนื่องจากเกรงว่าจะคิดสั้น ทำอะไรรุนแรงมากไปกว่านี้
ด้านเจ้าของร้านขายของชำ เล่าว่า ตนเห็นว่าเด็กคนนี้มีร่องรอยเขียวช้ำอยู่บ่อยๆ เคยถามเด็กว่าไปโดนอะไรมา แต่เด็กไม่เคยบอกว่าโดนแม่ทำร้าย และจากการสังเกตพฤติกรรมของเด็กคนนี้บอกเลยว่าเป็นเด็กดี มีความขยันมาก แม้จะมีอายุเพียง 5 ขวบ ก็ซักผ้าเอง ทำงานบ้านเองได้แล้ว และคอยเลี้ยงน้องวัย 6 เดือน อยู่ตลอดเวลา ไม่เคยปล่อยให้น้องอยู่คนเดียวลำพัง ไม่น่าเชื่อว่าแม่ของน้องจะเป็นคนโหดร้ายแบบนี้
ขณะที่ตำรวจรับเรื่องเอาไว้แล้ว และกำลังเร่งติดตามหาหญิงคนดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับลูกสาวคนเล็กวัย 6 เดือน ที่พาหลบหนีไปด้วย เบื้องต้นคาดว่าน่าจะไปไม่ได้ไกล ส่วนเรื่องของคดียังไม่สรุปและยังไม่ได้แจ้งข้อหาใดๆ ต้องรอติดตามตัวแม่เด็กมาสอบสวน เพื่อพิจารณาแจ้งข้อหาตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวต่อไป.-สำนักข่าวไทย