กรุงเทพฯ 26 ก.พ. – ศาลสั่งปรับ “ครอบครัวหัวร้อน” 2,500 บาท ดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ หลังถูกตำรวจเรียกตรวจรถป้ายแดงบรรทุกคนงานมาเต็มคัน ฝ่ายสามีอ้างตำรวจพูดจาไม่ดีใส่ ยอมรับเครียด โดนแจ้ง 3 ข้อหา
นี่เป็นภาพเหตุการณ์ขณะครอบครัวหัวร้อน มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายหลายคน ยืนโต้เถียงกับตำรวจอย่างดุเดือด ชี้หน้าด่าตำรวจ ยศร้อยตำรวจเอก ที่สวมเครื่องแบบเต็มยศ อยู่ริมถนน เหตุเกิดในพื้นที่ สน.ดินแดง กรุงเทพฯ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังครอบครัวหัวร้อนขับรถกระบะบรรทุกคนงานมาเต็มคัน ตำรวจจึงเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจตามปกติ พบว่คนขับไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ส่วนรถกระบะก็เป็นรถที่ไม่ได้จดทะเบียนย่างถูกต้อง ขณะที่ในคลิปมีหลายช่วงที่ผู้หญิงพยายามถามตำรวจว่าทำไม่ร้องเพลงชาติไม่ได้
นางสาวหทัยรัตน์ วัย 38 ปี หญิงที่ปรากฏในคลิป และเป็นภรรยาของชายเสื้อลายขวาง ยอมรับว่าทำผิดกฎหมาย ถูกแจ้งข้อหาตนก็ยินยอมน้อมรับผิด แต่ยอมรับว่าเครียด อยากให้ชาวโซเชียลเข้าใจว่าภาพที่เห็นในคลิปไม่ได้เป็นภาพทั้งหมด ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีเหตุในตัวของมัน อย่าเพิ่งตัดสินว่าใครผิด พร้อมเล่าว่า หลังตำรวจเรียกก็ถามประโยคแรกว่าเป็นต่างด้าวหรือเปล่า ลูกน้องตนที่อยู่กระบะหลังก็ร้องเพลงชาติไทย ยืนยันไม่ได้มีเจตนายั่วยุหรือก่อกวน แต่กลับถูกตำรวจพูดจาไม่ดีใส่ และหาว่าประชด ทั้งนี้ ยอมรับว่าสามีตัวเองอาจจะอารมณ์ร้อนเกินไป ซึ่งตัวเขาเองก็รู้ เพราะหลังเกิดเหตุขณะขับรถมาโรงพัก สามีก็เปรยว่าไม่น่าหัวร้อนกันเลย ก่อนหน้านี้ตนและสามียังคุยกันว่าอาจจะต้องพาสามีไปรักษา บำบัด หรือเข้าคอร์สธรรมะอบรม เพื่อให้ใจเย็นลง
ขณะที่ฝ่ายสามีคือ นายพะยอม อายุ 33 ปี ชายที่ขับรถดังกล่าว ถูกควบคุมไว้ที่ห้องขังบริวณชั้นสอง สน.ดินแดง ก่อนตำรวจคุมตัวมาฝากขังที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ
ด้าน พ.ต.ท.โรมรัญ ศรีเรือง สารวัตรจราจร สน.ดินแดง เล่าว่า ขณะปฏิบัติหน้าที่บริเวณแยกประชาสงเคราะห์ ถ.ดินแดง ขาเข้า มุ่งหน้าทางด่วนดินแดง เมื่อเย็นวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา พบรถกระบะมาสด้าป้ายแดง บรรทุกคนมาจำนวนมาก ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ได้เรียกมาตรวจสอบ เบื้องต้นคนขับคือ ผู้ต้องหา ไม่มีใบอนุญตขับขี่ในฐานะคนขับรถ พร้อมกับด่าทอเจ้าหน้าที่ด้วยคำหยาบคาย ขณะเดียวกันครอบครัวของชายคนดังกล่าวรุมถ่ายคลิปการปฏิบัติงาน ก่อนที่ตำรวจะชี้แจงให้ทราบถึงรายละเอียดตามที่ปรากฏในภาพ พร้อมกับเชิญตัวมาที่ สน.ดินแดง เพื่อดำเนินคดีในข้อหานำรถที่ไม่ได้จดทะเบียนมาใช้ในทาง ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ และดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ รวม 3 ข้อหา ซึ่ง 2 ข้อหาแรกได้ดำเนินการเปรียบเทียบปรับเรียบร้อยแล้ว
ระหว่างการจับกุม กลุ่มของผู้ถูกกล่าวหาบอกให้เจ้าหน้าที่รับโทรศัพท์ โดยกล่าวอ้างว่าปลายสายเป็นทนายความขอเจรจากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แลกกับการที่จะไม่ให้ดำเนินคดี โดยผู้ถูกกล่าวหาพร้อมจะขอโทษและรับผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะหากถูกดำเนินคดีจะถูกเพิ่มโทษ เนื่องจากกลุ่มผู้ถูกกล่าวหามีพฤติกรรมหัวร้อนกับตำรวจมาแล้วหลายพื้นที่
โดยเฉพาะในปี 2561 เกิดเหตุการณ์มีปากเสียงและชกต่อยกับตำรวจที่ สภ.มาบตาพุด จ.ระยอง จนถูกดำเนินคดีเป็นข่าวโด่งดัง รวมทั้งในพื้นที่ สภ.ปราสาท จ.สุรินทร์ และ สภ.บางศรี จ.นนทบุรี และยังมีคดีกับประชาชนในพื้นที่อื่นๆ จนเป็นคดีความรวม 4 คดี
ต่อมาเวลา 15.00 น. ศาลแขวงพระนครเหนือตัดสินลงโทษนายพะยอม ในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่ เป็นโทษปรับจำนวนเงิน 2,500 บาท และปล่อยตัวกลับโดยไม่มีเงื่อนไข.-สำนักข่าวไทย