รู้จัก “เสี่ยโป้” ผู้ต้องหาคดีพนันออนไลน์-ฟอกเงิน

กรุงเทพฯ 4 ก.พ. – เปิดประวัติ “เสี่ยโป้” ผู้ต้องหาเครือข่ายพนันออนไลน์และฟอกเงิน หลังถูกชุดหนุมานกองปราบฯ บุกจู่โจมจับกุมพร้อมพวกอีก 11 คน ในบ้านพักย่านเพชรเกษม วันนี้


“เสี่ยโป้” มีชื่อจริงว่า อภิรักษ์ ชัชอานนท์ เริ่มเป็นที่พูดถึงบนโลกโซเชียล จากช่วงที่เกิดคดีสะเทือนขวัญ “เปรี้ยวฆ่าหั่นศพ” เนื่องจากเขาออกมาเปิดเผยแชทข้อความว่า เคยคุยกับคนร้ายที่ตำรวจกำลังตามหาตัว แต่ก่อนหน้าคดีนั้น เขาก็โด่งดังและเป็นเน็ตไอดอลมาก่อน เพราะบนโลกโซเชียลมีผู้ติดตามมากกว่า 1 ล้านคนเลยทีเดียว ชื่อของเขาเป็นที่พูดถึงมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยเป็นเรื่องชักชวนคนเล่นพนันออนไลน์ การใช้ชีวิตที่โลดโผนมากมาย และถูกตั้งข้อสังเกตมาตลอดว่า ทำไมอายุน้อย แต่มีเงินจำนวนมากมาย “เสี่ยโป้” เคยบอกว่า ตัวเขานั้นทำธุรกิจต่างประเทศ รวมถึงถือหุ้นเปิดกาสิโนอยู่ ธุรกิจที่อาจดูผิดกฎหมายในไทย แต่เป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายในต่างประเทศ และยังมีธุรกิจอาหารเสริมสำหรับผู้ชาย ซึ่งเป็นธุรกิจที่ทำเงินมากอีกด้วย

“เสี่ยโป้” มักแสดงตัวว่ามีเงินทองมากมาย และถูกมองว่าเป็นแบดบอย แต่เขาก็บอกเสมอว่า ชอบบริจาคเงินให้ผู้ยากไร้ ซึ่งเขามองว่าเป็นการทำบุญและตอบแทนสังคมทางหนึ่งด้วย


“เสี่ยโป้” ชื่อจริงว่า นายอภิรักษ์ ชัชชานนท์ เกิดวันที่ 6 พฤษภาคม 2535 ฐานะทางบ้านถือว่า “ดีมาก” พ่อแม่เป็นเจ้าของโรงงานผลิตเสื้อรายใหญ่ ส่งขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ สมบัติของครอบครัวแต่เดิมมีอยู่แล้วในระดับร้อยล้านบาท โดยครอบครัวนี้มีลูกชาย 3 คน “เสี่ยโป้” เป็นคนกลาง

“เสี่ยโป้” เริ่มตั้งแก๊งเล็กๆ ของตัวเองอยู่ในย่านเพชรเกษม ด้วยความที่มีฐานะดี ทำให้มีเด็กวัยรุ่นมารวมตัวกันเป็นลูกน้องของเขาจำนวนมาก และมีเรื่องทะเลาะวิวาทบ่อยครั้ง เขาเคยบอกว่า มีลูกน้องประมาณ 40-50 คน โดย “เสี่ยโป้” ตั้งตัวเป็นผู้คุ้มครอง

อายุ 18 ปี “เสี่ยโป้” เปิดบ่อนพนันของตัวเองเป็นครั้งแรก ขณะที่ตัวเขาเองก็ติดการพนันอย่างหนัก หอบเอาเงินที่ได้จากบ่อนตัวเองไปเล่นที่บ่อนอื่น จนมีหนี้สินจำนวนมาก เมื่อเงินขาดมือ จึงเริ่มเข้าสู่วงการยาเสพติด


“ผมเคยยุ่งกับยาเสพติดพักหนึ่ง คนเป็นหัวหน้าก็ต้องมีเงินเลี้ยงลูกน้อง ก็เลยต้องขายยา หาเงิน การมียาเสพติด ทำให้ลูกน้องอยู่กับเรา เราก็เอายาให้เขาทั้งเสพและขาย”

คลุกคลีอยู่ในธุรกิจสีเทาอย่างต่อเนื่อง สร้างชื่อในวงการนักเลงอยู่แถวฝั่งธนฯ แต่สาเหตุที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักมากขึ้นในประเทศ คือ การทะเลาะกับนักเลงคนอื่น ซึ่งได้แก่ “แอล โอรส” กับ “เน วัดดาว”

“เสี่ยโป้” กลายเป็นไอดอลของกลุ่มเด็กๆ ที่อยากเป็นนักเลง ครั้งหนึ่งเขานำเงิน 1 ล้านบาท นำแบงก์พันมาวางเรียงกันแล้วถ่ายรูป

เมื่อเริ่มมีชื่อเสียงในวงกว้าง “เสี่ยโป้” ยืนยันว่า เขาเลิกขายยาเสพติดแล้ว แต่ยังอยู่ในวงการพนัน โดยเฉพาะพนันออนไลน์ นอกจากนั้นก็ขายของออนไลน์ไปด้วย ทำรายได้ไปพร้อมกัน ของที่ “เสี่ยโป้” ขาย เช่น ครีมยี่ห้อไฮโดรเซลล์ อาหารเสริมยี่ห้อ OMG สำหรับใช้เพิ่มขนาดอวัยวะเพศชาย

ความนิยมของ “เสี่ยโป้” เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนในเฟซบุ๊กมีผู้ติดตามระดับหลักล้าน นั่นทำให้ยอดขายสินค้าของเขา ทั้งครีมทาหน้า และอาหารเสริม ขายดีตามไปด้วย นอกจากนั้นเขายังรับรายได้อีกหลายทาง ทั้งจากโต๊ะพนันบอล โดยเคยเป็นคนให้ทีเด็ดฟันธงบอลแต่ละคู่มาแล้ว รวมถึงเขายังไปเปิดบ่อนพนันในต่างประเทศ แล้วเชิญชวนคนไทยให้ไปเล่นในบ่อนของเขาทางออนไลน์

“เสี่ยโป้” เคยบอกว่า มีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 40-50 ล้านบาท โดยครั้งหนึ่งมีลูกเพจไปแซว “เสี่ยโป้” ในเฟซบุ๊กว่า เป็นเศรษฐีกำมะลอ ทำให้ “เสี่ยโป้” โมโห หยิบเงินหลายล้านมากองบนโต๊ะ แล้วพูดว่า “เงินกูนี่ถมบ้านมึงได้เลย เงินกูทับพ่อมึงตายได้เลย”

จุดที่ทำให้ “เสี่ยโป้” เป็นที่ชื่นชอบของคนกลุ่มหนึ่ง เพราะความรวยของเขานั่นเอง “เสี่ยโป้” จะมีกิจกรรมแจกเงินจริงในโลกออนไลน์อยู่เสมอ อยู่ๆ ก็แจกเงิน 500 หรือ 1,000 บาท ให้กับคนที่มาฟังไลฟ์สด ซึ่งทำให้เวลาที่เขาไลฟ์เมื่อไหร่ จะมีคนมาดูไลฟ์พร้อมกันระดับหลักหมื่น

ดราม่าที่ทำให้ “เสี่ยโป้” เป็นที่รู้จักในระดับประเทศ มีอยู่ 3 เรื่อง

เรื่องแรกคือ คดีเปรี้ยวหั่นศพ โดย “เสี่ยโป้” กับ “เปรี้ยว” นั้นแอบกิ๊กกันในช่วงสั้นๆ ประมาณ 1 เดือน โดยทั้งคู่ส่งภาพโป๊แลกกันไปมา จนถึงวันที่ “เปรี้ยว” ทำการฆาตกรรม ณ วันนั้นยังแชทคุยกับ “เสี่ยโป้” อยู่เลย แต่จากการสืบสวนของตำรวจพบว่า “เสี่ยโป้” ไม่เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม แค่แชทกับผู้ต้องหาเฉยๆ

เรื่องที่ 2 คือ ดราม่ากับ “กานต์ วิภากร” ภรรยาของ “เสก โลโซ” โดยในช่วงหนึ่งที่กานต์กับเสกเลิกกัน ได้ไปคบหากับเสี่ยโป้ โดยทางฝั่งกานต์ อายุมากกว่าเสี่ยโป้ถึง 19 ปี เสี่ยโป้ขอกู้เงินกานต์ 50 ล้านบาท เพื่อเอาไปเล่นพนัน โดยบอกกานต์ว่า ถ้าได้กำไรจะเอามาแบ่งให้กานต์ แต่ปรากฏว่า เงินก้อน 50 ล้านบาท เสี่ยโป้เล่นเสียทั้งหมด และขอไกล่เกลี่ยหนี้ แต่สุดท้ายกานต์ไม่ยอม แถมยังด่าเสี่ยโป้ว่าเล่นเสียแบบจัดฉากไว้แล้ว และส่งฟ้องศาลให้เสี่ยโป้ใช้หนี้ พร้อมดอกเบี้ยอีก 10 ล้านบาท รวมเป็น 60 ล้านบาท พร้อมออกสื่อประจานเสี่ยโป้ทุกรูปแบบ

และเรื่องที่ 3 คือ วันที่ 1 พฤษภาคม 2563 “คณะก้าวหน้า” จัดกิจกรรมคอนเสิร์ตระดมทุน ในชื่องาน #MAYDAYMAYDAY เพื่อหาเงินช่วยเหลือประชาชนที่ลำบากจากโควิด-19 ปรากฏว่า มีแฟนคลับจำนวนมากแชทไปหา “เสี่ยโป้” ว่าให้ร่วมบริจาคด้วย ซึ่ง “เสี่ยโป้” ด้วยความรำคาญจึงบริจาคไปแบบประชด ด้วยจำนวนเงิน 1 บาท

“เสี่ยโป้” ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดเกี่ยวกับการพนันผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของเครือข่าย โดยร่วมกับพวก 31 คน ซึ่งมีพฤติการณ์ร่วมกันประกาศ โฆษณา ชักชวน และร่วมกันจัดให้บุคคลทั่วไปเข้าเล่นการพนันผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เว็บไซต์พนันออนไลน์ www.lagalaxy1.com, www.Gpbvegas.com, www.lagalaxy88.com, www.lagalaxy911.com, www.lagalaxy6.com และ www.lagalaxy168.com โดย “เสี่ยโป้” จะทำหน้าที่ในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ชักชวน ให้คำแนะนำ ผ่านบัญชีเฟซบุ๊กของตนเอง บัญชีเฟซบุ๊กของภรรยา และบัญชีเฟซบุ๊กของเว็บไซต์พนันออนไลน์อื่นๆ โดยมีพฤติกรรมชี้นำให้ประชาชนเข้าไปเล่นการพนันผ่านเว็บไซต์พนันออนไลน์ที่ “เสี่ยโป้” เป็นผู้เกี่ยวข้อง หรือเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย

จากการตรวจสอบยังพบอีกว่า กลุ่มของผู้ต้องหาได้สมคบคิดกันในการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านบัญชีธนาคารที่เปิดรองรับไว้จำนวนหลายบัญชี ในลักษณะเป็นบัญชี “รับแทง” / บัญชี “รับจ่าย” / บัญชี “แถว 2” และ บัญชี “พัก” เพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของเงินที่ได้จากการกระทำความผิด นอกจากนี้ ทางกลุ่มผู้ต้องหายังได้นำเงินจากการกระทำความผิดไปดำเนินการในกิจการอื่นๆ เพื่ออำพรางลักษณะที่แท้จริงของการได้มาซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดร่วมกันฟอกเงินอีกด้วย

สำหรับบทสรุปของ “เสี่ยโป้ อานนท์” ปัจจุบันอายุ 28 ปี เขายังคงอยู่ในแวดวงของการพนันออนไลน์ และประกอบธุรกิจส่วนตัว ขายเครื่องสำอางนำเข้าจากเกาหลีเช่นเดิม ขณะที่ยอดผู้ติดตามในเฟซบุ๊ก เพิ่มสูงขึ้นเป็น 1.6 ล้านคนแล้ว กระทั่งตำรวจบุกจับในวันนี้. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ระงับเดินทางเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม-บ้านผักกาด ชั่วคราว

จันทบุรี 7 มิ.ย. – หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ออกหนังสือราชการ ระงับนักท่องเที่ยวไทย-กัมพูชา เดินทางผ่านเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม – บ้านผักกาด ชั่วคราว ยกเว้นแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในไทย ผู้สื่อข่าว รายงานว่า นาวาเอกนพโรจน์ สิริปริยพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ลงนามในหนังสือราชการด่วนที่สุด แจ้งไปยังผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี เรื่อง ขอระงับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวกัมพูชา เดินทางผ่านเข้า – ออก ณ จุดผ่านแดนถาวรฯ โดยอ้างอิงตามประกาศให้ใช้กฎอัยการศึก ในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เฉพาะอำเภอขลุง อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว และตามมาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร มีอำนาจ เหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน เกี่ยวกับการยุทธ์ การระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อย และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฏิบัติตามความต้องการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร เนื่องจากปัจจุบันมีสถานการณ์อันเป็นภัยคุกคามจากประเทศกัมพูชา และอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และประชาชนชาวกัมพูชา อาศัยอำนาจตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 ขอให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง […]

มอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา – สุรนารี คุมจุดผ่านแดนไทย–กัมพูชา

กองทัพบก 7 มิ.ย. – ทบ.ออกคำสั่งมอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา และ ผบ.กองกำลังสุรนารี ควบคุมจุดผ่านแดนแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ตามมติ สมช. พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ลงนามในคำสั่งกำหนดอำนาจให้ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี มีอำนาจในการควบคุมการเปิด–ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา โดยสามารถพิจารณากำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่จำเป็น ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตามลำดับขั้นความเข้มงวดในแต่ละพื้นที่ การดำเนินการดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากมติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ซึ่งมอบหมายให้กองทัพบกเป็นหน่วยหลักในการควบคุมการเปิด–ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภท เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามข้อกำหนดของกองทัพบกอย่างเคร่งครัด การออกมาตรการดังกล่าวสอดคล้องกับสถานการณ์ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายกัมพูชารุกล้ำชายแดนไทยหลายครั้ง พร้อมแสดงท่าทียั่วยุอย่างเปิดเผย แม้ไทยจะใช้สันติวิธีและพยายามเจรจา แต่กัมพูชายังเสริมกำลังและจัดตั้งฐานทหารใกล้ชายแดน แสดงถึงความไม่ร่วมมือและเป็นภัยต่ออธิปไตยและความมั่นคงของไทย ทำให้ไทยจำเป็นต้องดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อรักษาผลประโยชน์และความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามแนวชายแดน สำหรับรายละเอียดทั้งหมดในคำสั่งดังกล่าวสามารถติดตามได้ผ่านช่องทางการสื่อสารทางการของกองทัพบกที่เว็บไซต์ www.rta.mi.th เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากทางราชการ -313-สำนักข่าวไทย

ปปง. ร่วมสอบกรณีพบเงินต้องสงสัยถูกทิ้ง 12 ล้าน

7 มิ.ย.- ปปง. ร่วมตรวจสอบกรณีพบเงินสด 12 ล้าน วางทิ้งในกล่องข้างถังขยะคอนโดเมืองทองฯ ชี้ผู้อ้างเป็นเจ้าของเงินต้องชี้แจงรายละเอียดที่มาให้ได้ จากกรณีที่พลเมืองดี พบธนบัตรเงินสด 12 ล้านบาท ในกล่องพลาสติกสีเทา บริเวณคอนโดเมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และซองจดหมายเกี่ยวกับสำนักงาน กสทช. ซึ่งปรากฏชื่อในเอกสารดังกล่าว คือ นายทวีวัฒน์ และนายทวีวัฒน์ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนแล้วระบุเป็นเจ้าของเงิน 12 ล้านดังกล่าว นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. ในฐานะโฆษก ปปง. กล่าวถึงเหตุที่เกิดขึ้นว่า ขั้นตอนตามปกติหากพบเหตุสงสัย พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดย ปปง. ได้ประสานการทำงานร่วมกับตำรวจอยู่แล้ว ซึ่งต้องสอบสวนคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของเงิน กับผู้เกี่ยวข้องทุกส่วน ทั้งธนาคาร และส่วนงานที่ผู้ที่อ้างเป็นเจ้าของเงินระบุถึง สุดท้ายเจ้าของต้องชี้แจงในรายละเอียดว่าเงินดังกล่าวได้มาอย่างไร ถ้าพนักงานสอบสวนรวบรวมว่า เกี่ยวข้องกับความผิดมูลฐานกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในข้อใด หรือทรัพย์ดังกล่าวอาจเกี่ยวกับการกระทำผิดตามกฎหมายฟอกเงินที่ปัจจุบันมี 28 มูลฐานความผิด การจะมีการประสานส่งเรื่องให้ ปปง. ตรวจสอบตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ ปปง. […]

“อนุทิน” ย้ำไม่ย้ายกระทรวง ยึดข้อตกลงเดิม​ นายกฯ ให้ความมั่นใจแล้ว

สุวรรณภูมิ​ 7 มิ.ย.-“อนุทิน” ลั่นไม่มีอะไรต้องตกลงแล้ว ทุกอย่างจบตั้งแต่กินช็อกมินต์ หลังกระพือยึดเก้าอี้ มท.1 ชี้ “ภูมิใจไทย” ไม่ได้เดินไปขอร่วมรัฐบาล ย้ำชัดไม่ย้ายกระทรวงยึดข้อตกลงเดิม ระบุนายกฯ ก็ให้ความมั่นใจแล้ว ยอมรับกินข้าว รวมไทยสร้างชาติ แล้ว แต่คุยปมพลังงาน ยันไม่ต้องจับมือต่อรอง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ กรณีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยโดยยืนยันว่ายังไม่มีการพูดคุยใดๆ ซึ่งเรื่องการปรับ ครม. หากมีการถามมายังพรรคภูมิใจไทย พรรคก็ยืนยันว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไร เพราะได้คุยในเบื้องต้นภายในพรรคแล้วว่ารัฐมนตรีทุกคนยังทำงานได้อย่างเต็มที่ กระทรวงที่กำกับดูแลในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร เมื่อถามว่า กระแสข่าวการเขย่าเก้าอี้แบบนี้แสดงให้เห็นว่ามีความต้องการกระทรวงมหาดไทยคืนใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่มองว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร มันเขย่าไม่ได้ นี่เป็นรัฐบาลผสม และเป็นข้อตกลงที่เราหารือกันตั้งแต่เราตั้งรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน 2 ปีแล้ว และมายังรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รูปแบบนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ตรงนี้ไม่ใช่ว่าเป็นของใคร แต่เป็นข้อตกลงและเป็นรัฐบาลผสม ซึ่งทุกคนก็ทำงานอย่างเต็มที่ ที่มีข่าวบอกว่าคนนี้ทำงานดีหรือไม่ดี […]