กรุงเทพฯ 20 ม.ค.-เปิดนาทีวิสามัญหนุ่มขี้ยาคลั่งก่อเหตุฆ่าแม่ตัวเอง ก่อนเผาบ้านวอด เจ้าหน้าที่เกลี้ยกล่อมไม่สำเร็จ ถูกวิสามัญดับ ด้านญาติเผยเคยแจ้งความหลายครั้ง แต่ตำรวจไม่ดำเนินคดี
อาสาสมัครดับเพลิงที่ร่วมกันเข้าไประงับเหตุหลังได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านภายในซอยบางพรม 54 แขวงบางพรม เขตตลิ่งชัน ไลฟ์เฟซบุ๊ก ก่อนพบว่าภายในบ้านมีชายคลุ้มคลั่งถือมีดยาว ทำให้การระงับเหตุเพลิงไหม้นั้นเป็นไปด้วยความยากและอันตราย ชายในคลิป คือ นายนนทชัย การเคารพ อายุ 35 ปี เกิดคลุ้มคลั่ง เผาบ้านพักของตัวเอง และใช้มีดดาบยาวประมาณ 1 เมตร เฉือนร่างนางสุรางค์รัตน์ จ้อยเจือ มารดา อายุประมาณ 62 ปี เสียชีวิต เจ้าหน้าที่จึงพยายามเจรจาเกลี้ยกล่อม แต่ไม่เป็นผล นายนนทชัย พยายามใช้มีด ข่มขู่จะทำร้าย เจ้าหน้าที่จึงฉีดน้ำแรงดันสูงที่เตรียมมาสำหรับดับไฟใส่คนร้าย จากนั้นคนร้ายก็ปีนกำแพงข้างบ้านหนีออกมา และพุ่งเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเสาธง จึงถูกตำรวจจราจรวิสามัญฆาตกรรม บริเวณเชิงสะพานข้ามคลองลัดวัดใหม่ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วานนี้ (19 ม.ค.)
นางสาวศิริรัตน์ จ้อยเจือ ลูกพี่ลูกน้องคนร้าย เล่าว่า ผู้ตายประกอบอาชีพวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง เสพยามาหลายปี และติดคุกมาตลอด เมื่อออกมาก็เสพยา และมักมีอาการคลุ้มคลั่ง จะทำร้ายร่างกายคนในบ้านมานับ 10 ครั้ง เมื่อครอบครัวไปแจ้งความที่ สน.บางเสาธง ก็ไม่เคยถูกจับ จนมาเช้าวานนี้ (19 ม.ค.) ประมาณ 06.00 น. ก็คลุ้มคลั่งอีกครั้ง โดยถือมีดไล่ทำร้ายคนตามถนน ครอบครัวจึงแจ้งตำรวจ เมื่อสายตรวจมาถึง ก็มีการพูดคุยกันก่อนที่สายตรวจจะกลับไป เพราะอ้างว่าไม่ใช่เหตุซึ่งหน้าและอ้างว่านายนนทชัยแกล้งบ้า หลังจากนั้นไม่ถึง 5 นาที นายนนทชัยก็เผาบ้านตนเอง เมื่อชาวบ้านไปดูก็พบร่างของนางสุรางค์รัตน์ ถูกลากออกมาเสียชีวิตบริเวณบ้านแล้ว จึงพยายามดับไฟแต่ถูกนายนนทชัย ข่มขู่ ไม่ให้ดับไฟ และถูกวิสามัญฯ ในที่สุด
น.ส.สิรินทร์ลักษณ์ จ้อยเจือ น้าสาวผู้ก่อเหตุ ยืนยันจะเอาเรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปล่อยปละละเลยไม่เข้าระงับเหตุ หรือนำตัวผู้ก่อเหตุไปดำเนินคดีหรือสงบสติอารมณ์ เพราะที่ผ่านมามีการแจ้งความลักษณะนี้แล้วนับ 10 ครั้ง แต่ไม่เคยมีความคืบหน้า ขณะที่ญาติพี่น้องก็ไม่กล้าเข้าไปช่วยเหลือ ผู้ก่อเหตุใช้มีดขู่จะทำร้าย จนสุดท้ายกลายเป็นเรื่องเศร้า ผู้ก่อเหตุเมายาคลั่งฆ่าแม่ของตัวเองเสียชีวิต
นายนพดล กรานเคารพ พี่ชายคนร้าย เชื่อว่าการคลุ้มคลั่งในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากการเสพยาเสพติด แต่เกิดจากอาการทางจิต เพราะน้องชายมีอาการสองบุคคลิกตั้งแต่ประสบอุบัติเหตุผ่าตัดทางสมอง หลังจากนั้นก็มีอารมณ์รุนแรง เริ่มมีปัญหากับญาติ จนกระทั่งถูกญาติเรียกมาจับกุมเมื่อ 2 วันก่อน จึงอาจเป็นแรงกระตุ้นให้ทำร้ายแม่ และเผาบ้านครั้งนี้ เพราะอาจน้อยใจที่แม่ปกป้องไม่ได้ ทำให้ถูกจับส่งตำรวจ
ด้านพลตำรวจโทภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเปิดเผยว่า หลังรับแจ้งชายคลุ้มคลั่งเผาบ้านพัก ตำรวจรีบเข้าไประงับเหตุพบมารดาผู้ก่อเหตุนอนอยู่ ขณะที่คนร้ายถืออาวุธมีดวิ่งเข้าใส่ ตำรวจบอกให้วางอาวุธ แต่คนร้ายวางอาวุธได้พักเดียว ก็หยิบมีดขึ้นมาใหม่ ตำรวจจึงยิงปืนเตือนหลายนัด เมื่อจวนตัวเพราะคนร้ายวิ่งเข้าหาตัว จึงตัดสินใจวิสามัญ เพื่อไม่ให้คนร้ายไปทำร้ายคนอื่น และเป็นเหตุจำเป็นซึ่งหน้า
อย่างไรก็ตาม ต้องมีการแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับตำรวจที่วิสามัญไปก่อนตามกฎหมาย ส่วนสาเหตุการก่อเหตุอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน แต่เบื้องต้นพบประวัติเคยก่อเหตุชิงทรัพย์โดยมีอาวุธเมื่อปี 2548 พื้นที่ สน.ตลิ่งชัน และพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2559 ส่วนประวัติยาเสพติดอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และในที่เกิดเหตุยังไม่พบยาเสพติด
ส่วนกรณีที่ญาติ ร้องเรียนว่าเคยแจ้งตำรวจไว้หลายครั้งแต่ไม่มาระงับเหตุ ดำเนินการจับกุม หรือพาตัวส่งโรงพยาบาลโรคประสาท จนกลายเป็นเหตุสลดใจว่า จะตรวจสอบเรื่องดังกล่าว หากพบว่ามีการปล่อยปละละเลย ก็จะดำเนินการเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้อง พร้อมกำชับการปฏิบัติหน้าที่ให้เข้มงวดมากขึ้น ส่วนการพาตัวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลนั้นเป็นเรื่องที่ญาติต้องยินยอมด้วย.-สำนักข่าวไทย