กทม.13 ธ.ค.- รอง ผบช.น. สั่งแบ่งคดี “เคนมผง” เป็น 2 ส่วน คดีในพื้นที่ สน. สุทธิสาร รอผลนิติเวชรามาธิบดี แล็บยังไม่ชี้ชัดว่าผู้เสียชีวิตจะเชื่อมโยงคดีในพื้นที่สน.พระยาไกร หรือสายไหม
พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เรียกประชุมตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.สุทธิสาร เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ละลิตา เทินสะเกษ อายุ 19 ปี สาวเสิร์ฟร้านอาหารย่านพระราม 3 ซึ่งเสียชีวิตในลักษณะเดียวกันกับผู้เสพยาเสพติดสูตรเคนมผง ในพื้นที่ สน.วัดพระยาไกร พร้อมกล่าวว่า ได้จัดแบ่งการสืบสวนสอบสวนออกเป็น 2 ส่วน คือ คดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ สน.วัดพระยาไกร และเหตุที่ต่อเนื่องกัน อีกส่วนคือในพื้นที่ สน.สายไหม ต่อเนื่องเข้าเขตปทุมธานี
สืบสวนสอบสวนเบื้องต้นยังไม่สรุปว่าเหตุในพื้นที่สนสุทธิสารจะเกี่ยวข้องต่อเนื่องกันกับในพื้นที่ สน.วัดพระยาไกรหรือสนสายไหม เพราะขณะนี้ชุดสืบสวนสอบสวนของ สน.สุทธิสาร ยังรอผลการชันสูตรศพของ น.ส.ลลิตา จากโรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบหาสารประกอบหรือสารเสพติดที่อยู่ในร่างกายของผู้เสียชีวิตอีกครั้ง ซึ่งในที่เกิดเหตุและบนศพของผู้ตายไม่พบสารเสพติดหลงเหลืออยู่ จึงทำให้การสืบสวนสอบสวนและสรุปผลความเชื่อมโยงของทั้ง 2 คดียังไม่สามารถกระทำได้ในขณะนี้จนกว่าผลต่างๆ จะออกแล้วทั้งหมด
ขณะที่แนวทางการสืบสวน จะแยกแต่ละคดีออกจากกันไม่เจาะจงหาความเชื่อมโยงหรือที่มาของเคนมผงแต่ละคดีเพื่อป้องกันความไขว้เขวทางคดี
ขณะที่มีรายงานว่า เคนมผง ในพื้นย่านสายไหม เป็นยาเสพติดที่นำมาจากพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง โดยมีการผสมส่วนประกอบมาตั้งแต่ต้นทาง ส่วน เคนมผง ในพื้นที่ย่านวัดพระยาไกร มีกลุ่มผู้ค้ารายย่อยนำมาผสมส่วนประกอบก่อนจำหน่ายให้กลุ่มผู้เสพ
ทั้งนี้ สถานการณ์ในภาพรวมของการค้ายาเค ระยะหลังมีราคาสูง จึงเกิดการผสมส่วนประกอบให้มีปริมาณมากขึ้น . – สำนักข่าวไทย