2 สาวพีอาร์เสพยาเกินขนาด ช็อกดับ 1 สาหัส 1

กรุงเทพฯ 11 ม.ค. – สองสาวพีอาร์เสพยาเกินขนาด ช็อกดับคาห้องพักภายในอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น ย่านวัดทุ่งดอน เขตสาทร จำนวน 1 ราย อาการสาหัสอีก 1 ราย


เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา เวลา 23.00 น. ร.ต.อ.ประกอบ สุวรรณสุโข รอง สว.(สอบสวน) สน.วัดพระยาไกร ได้รับรายงานว่ามีคนเสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุ 1 ราย และหมดสติภายในบ้านพัก อีก 1 ราย จุดเกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น ซอยจันทน์ 31 แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กรุงเทพมหานคร บนชั้น 2 พบหญิง 1 ราย นอนเสียชีวิตอยู่บนโซฟา สวมใส่เสื้อกีฬาสีขาว กางเกงขาสั้นสีแดง ทราบชื่อ น.ส.สุทธิณี เมตตาจิตต์ อายุ 24 ปี และบนพื้นข้างๆ โซฟา พบหญิง 1 ราย สวมใส่เสื้อกีฬาสีแดง กางเกงกีฬาสีแดง นอนหมดสติ หายใจรวยริน ชีพจรเต้นอ่อน

เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊งเล่าว่า ที่เกิดเหตุพบมีคนหมดสติเป็นหญิง 2 ราย รายหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่บนโซฟา ไม่มีชีพจรแล้ว ส่วนอีกรายนอนราบกับพื้น ห่างกันประมาณ 2 ก้าว ยังมีชีพจร แต่เต้นอ่อนมาก จึงปั๊มหัวใจและเร่งนำส่งโรงพยาบาลเลิศสิน


ญาติผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นรุ่นน้อง บอกเล่าว่า ผู้ตายเป็นรุ่นพี่ตน มากับเพื่อนอีกประมาณ 3 คน คนชื่อโบ้พามาบ้านนี้ แล้วนั่งเล่นกันอยู่ จนผู้ตายมีอาการอาเจียน น้ำลายฟูมปาก แต่พยายามเช็ดแล้วเอาน้ำอะไรไม่รู้กรอกปากแล้วให้นอนต่อ จนมีเลือดออกปาก ปากเขียวม่วง แต่ไม่ได้พาไปส่งโรงพยาบาล แต่ก็ปลุกคนชื่อพลอยให้มาดูเพื่อน แต่ก็ไม่ได้แจ้งใคร ให้นอนต่อ จนกระทั่งคนชื่อน้ำมาเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ถึงได้รู้ว่าพี่มายตายแล้ว สอบถามจากคนชื่อน้ำบอกว่ามานั่งกินเบียร์ตั้งแต่เช้าแล้ว แล้วก็เสพยากัน 3 อย่าง มีเป็นแป้ง ยาอี ยาเค เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่สรุปสาเหตุการเสียชีวิต ต้องส่งมอบให้กู้ภัยนำส่งสถาบันนิติเวช รพ.จุฬาฯ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงอีกครั้ง

ส่วนอีก 1 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วัดพระยาไกร ได้รับรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตภายในซอยอยู่ดี 11 เหตุเกิดภายในบ้านไม้ 2 ชั้น เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร ภายในห้องนอนชั้นล่างพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ลักษณะนอนบนที่นอนครึ่งตัว ช่วงขาห้อยอยู่ข้างเตียง เหมือนนั่งบนเตียงห้อยขาแล้วเอนหลังนอนไปบนที่นอน ทราบชื่อต่อมาคือ นายธงชัย ฮกซุ่นเฮง อายุ 34 ปี ประกอบอาชีพเป็นพนักงานส่งหมึกพิมพ์ที่บริษัทแห่งหนึ่ง

สอบถามจากนายพิเชษฐ์ ฮกซุ่นเฮง อายุ 30 ปี น้องชายของผู้ตาย บอกว่า ตนเป็นน้องชายของผู้ตาย ตนมีครอบครัวแล้วจึงแยกออกไปอยู่ข้างนอก แล้วแม่โทรมาบอกตอนประมาณเที่ยงคืนครึ่งว่าพี่ชายตายแล้วนะ จึงรีบกลับมาดู ปกติพี่ชายเป็นคนดีนะ ไม่ใช่คนเกเร พี่ชายมีครอบครัวแล้ว มีลูกสาวอายุประมาณ 3 ขวบ แต่แยกกันอยู่ ถามจากคนที่บ้านว่าเกิดอะไรขึ้น ที่บ้านบอกแต่เพียงว่าไปกินเหล้ากับเพื่อนข้างนอก กลับเข้ามาก็เข้าห้องนอน มาเจอก็เสียชีวิตแล้ว


เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เก็บบันทึกภาพและรวบรวมพยานแวดล้อมไว้เป็นหลักฐาน ส่วนทางแพทย์นิติเวชยังไม่สรุปสาเหตุการเสียชีวิตได้ ต้องมอบให้กู้ภัยนำส่งสถาบันนิติเวช รพ.จุฬาฯ เพื่อสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงอีกครั้ง

ก่อนหน้าหน้านี้ก็มีสาวโคโยตี้ชวนแฟนหนุ่มอัพเคตามีนเกินขนาด บนห้องเช่าถนนเจริญราษฎร์ ฝ่ายหญิงตาย ฝ่ายชายร่อแร่ โดยทั้งคู่ที่จมูกและปากยังมีคราบผงสีขาวติดอยู่ โดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่ สน.วัดพระยาไกร เกิดอยู่ในบ้านเช่า ถนนเจริญราษฎร์ 7 แยก 4 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ โดยผู้เสียชีวิตอยู่ในสภาพจมูกและปากมีคราบผงสีขาวติดอยู่เช่นกัน ในห้องยังมีซองพลาสติกใสขนาดเล็กบรรจุผงคล้ายเคตามีน และหลอดดูดนมแบบข้องอ ตกอยู่อย่างละ 1 ชิ้น จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

จากเหตุกลุ่มวัยรุ่นเสียชีวิตปริศนาหลายคนในคืนเดียว ล่าสุดเมื่อเวลา 02.50 น.ที่ผ่านมา มูลนิธิร่วมกตัญญู พร้อมตำรวจ สน.สุทธิสาร ได้รับแจ้งพบมีผู้เสียชีวิต คือนางสาวละลิตา เทินสะเกษ อายุ 19 ปี เสียชีวิตในบ้านพักซอยรัชดา 18 ลักษณะเสียชีวิตขณะกำลังนอนหลับบนเตียงนอน ไม่มีร่องรอยการต่อสู้

จากการสอบถามแฟนหนุ่มของผู้เสียชีวิต ทราบว่าแฟนสาวนั่งแท็กซี่มาหาที่บ้าน เมื่อเวลา 08.00 น. หลังกลับจากการทำงานเด็กเสิร์ฟในร้านสุรา แห่งหนึ่งย่านพระราม 3 โดยแฟนสาวมีลักษณะคล้ายเมาสุราอย่างหนัก แต่ไม่ได้กลิ่นสุรามากนัก ซึ่งตนเองได้พูดคุยกับแฟนสาวตอน 15.00 น. ไม่กี่คำก่อนจะนอนต่อ และมีเพื่อนโทรมาหาตอน 02.00 น. จึงทราบว่าแฟนสาวเสียชีวิตแล้วหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะนำศพไปไว้โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อชันสูตรพลิกศพหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังข้อเท็จจริง​ปมทุ่นระเบิดช่องบก

กองทัพบก 22 ก.ค.- ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร​ 47 ประเทศ​ รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​-กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ พบ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​วางใหม่​ โดยมีหลายชาติ สนใจรับฟังขณะ​ พลจัตวา​ ฮอม​ คิม ผู้ช่วยทูตทหารดัมพูชา ร่วมด้วย กองบัญชาการ​กองทัพ​บก​ เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย​ รับฟังการชี้แจงสถานการณ์​ชายแดนไทย​-กัมพูชา​ ถึงข้อเท็จจริงกรณีไทยโดนรุกล้ำอธิปไตย​ และมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​ ทำให้ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย​ และมีการตรวจสอบว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่​ ที่วางในเขตไทย​ ซึ่งขัดต่ออนุสัญญา​ออตตาวา​ ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศภาคี​ที่ให้สัตยาบัน​​ บรรดาทูต​ทหาร​ ทยอยเดินทางมายังห้อง ศรีสิทธิสงคราม​ ภายในกองทัพบก ตั้งแต่เวลา​ 13.20 น.​ อาทิทูตทหารจากเวียดนาม เมียนมา อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อังกฤษ บูรไน ออสเตเรีย สหรัฐอเมริกา อินโดนิเซีย จีน กัมพูชา เยอรมันนี แคนนาดา […]

พายุวิภากระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านอาหารถล่ม

จันทบุรี 22 ก.ค. – พายุกระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านข้าวมันไก่ถล่ม กระแทกหลังแม่เจ้าของร้านได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่ภูเก็ตพายุถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต หลังคาร้านข้าวมันไก่ บริเวณตลาดศิริการ อ.เมือง จ.จันทบุรี ถูกพายุพัดร่วงลงมาทั้งแผง ท่ามกลางความตื่นตระหนกของลูกค้าและพนักงานในร้าน เหตุดังกล่าวเกิดช่วงเที่ยงพอดี จึงมีลูกค้ามานั่งกินข้าวเต็มร้าน กระทั่งมีฝนเทลงมา ทางร้านและลูกค้าจึงช่วยกันขนย้ายโต๊ะเก้าอี้เข้าข้างในเพื่อหลบฝน ก่อนพายุจะซัดเข้ามาอย่างรุนแรง จนหลังคาถล่ม เบื้องต้นไม่มีลูกค้าได้รับบาดเจ็บ มีเพียงแม่เจ้าของร้านข้าวมันไก่อีกร้าน ที่อยู่ติดกัน ถูกหลังคากระแทกหลังได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลแล้ว พนักงานร้านข้าวมันไก่ บอกว่า ปกติบริเวณนี้มีฝนตกบ่อย หลังคาแข็งแรงดี ไม่ได้ชำรุดอะไร แต่วันนี้ ลมแรงมาก มาแบบวูบเดียว พัดหลังคาลอยขึ้นก่อนพังลงมา ทั้งนี้ลมพายุได้พัดหลังคาของตึกที่อยู่ในละแวกร้านข้าวมันไก่พังเสียหายจำนวน 15 คูหา เบื้องต้นกำลังทหารและตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบ พร้อมให้การช่วยเหลือ ขนย้ายเศษซากหลังคาเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว พายุโซนร้อนวิภาถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต ที่หน้าหาดเกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ หอบข้าวของวิ่งหนีลมพายุ จังหวะนั้นต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกลมพัดโค่นลงมา ในคลิปจะได้ยินเสียงคนพูดว่า “เห็นไหม คน ๆ อยู่ใต้นั้น” หลังเหตุการณ์สงบ […]

รถบรรทุกพุ่งชน จยย.พ่วงข้างรับส่ง นร. ตาย 3 เจ็บ 6

พระนครศรีอยุธยา 22 ก.ค. – สลด รถบรรทุก 6 ล้อ พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 6 คน เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 6 ล้อ ทะเบียนพระนครศรีอยุธยา พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน โรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ ก่อนตกลงไปในร่องน้ำ บนถนนชนบทเลียบคลองระพีพัฒน์ หมู่ 5 ตำบลวังน้อย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอัดกับรั้วบ้านจนรถพังยับ มีผู้ติดอยู่ในรถ 2 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนออกมา แต่ผู้โดยสารเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคนขับบาดเจ็บสาหัส ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง สภาพรถเสียหายยับเยิน คนบนรถ 7 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ 6 คน ผู้ปกครอง 1 คน บาดเจ็บทั้งหมด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังน้อย และมีนักเรียน 2 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ จุดกิตติวังน้อย […]

โฆษก ทบ. เผยนานาชาติเข้าใจไทยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด

กองทัพบก 22 ก.ค.- โฆษก ทบ. เผยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด นานาชาติเข้าใจไทย ขณะผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชานั่งนิ่งไม่โต้แย้ง – ให้กองทัพภาคที่ 2 ประเมินสถานการณ์หลังคนไทยนัดรวมตัวปราสาทตาเมือนธม ปลายเดือนนี้ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการเชิญผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​- กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นการรับฟังและมีคำถามบ้าง ถือว่าน้อย เนื่องจากทุกท่านอาจจะได้รับข่าวสารจากช่องทางอื่นมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่พยายามบอกกล่าวและชี้แจงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในเรื่องข้อเท็จจริง พลตรีวินธัย เปิดเผยว่า ทูตทหารของกัมพูชา ไม่ได้ชี้แจงหรือมีคำถามอะไร คำถามส่วนใหญ่มาจากท่านอื่นมากกว่า ที่ถามเรื่องของความมั่นใจและยืนยันใช่หรือไม่ ซึ่งทางเรา ก็ให้เหตุผลไป และจะให้เอกสารชี้แจง ส่วนท่าทีของประเทศมหาอำนาจ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งการเชิญมาในวันนี้เราก็ทำตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก คือทำให้เป็นทางการ ส่วนการหารือได้ชี้แจงเรื่องของการละเมิด บูรณภาพดินแดน และเอ็มโอยู 2543 และอนุสัญญาออตตาวา ด้วยหรือไม่ พลตรีวินธัย ระบุว่า มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว และได้อธิบายตามหลักอนุสัญญา ที่ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิก และเล่าถึงกลไกการแก้ไขปัญหา […]

ข่าวแนะนำ

เปิดแผน “จักรพงษ์ภูวนารถ” ป้องกันประเทศจากภัยคุกคาม

กทม. 24 ก.ค.-เปิดแผน “จักรพงษ์ภูวนารถ” ป้องกันประเทศจากภัยคุกคามฝ่ายตรงข้าม โฆษก ทบ. ชี้ชัดเจนแล้ว กัมพูชา เป็นฝ่ายที่บีบบังคับเรา ซัดเราคงไม่ปล่อยให้ใครเอาเปรียบ หรือลอบทำร้าย จากนี้จำเป็นต้องทำในสิ่งที่พยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด ลั่นขณะนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้! ขอให้พี่น้องคนไทย เชื่อมั่นในศักยภาพของกองทัพไทย พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุถึงแผนจักรพงษ์ภูวนารถ ที่เราเปิดปฏิบัติการ ว่าคือ แผนป้องกันประเทศ ที่กำหนดหน้าที่ของแต่ละหน่วย และกำลังทางทหาร และให้เตรียมความพร้อม เมื่อมีคำสั่ง เป็นแผนที่ได้ถูกกลั่นกรอง โดยประเมินจากสถานการณ์ และสภาพแวดล้อมในกิจการป้องกันประเทศ ในกรอบของกองทัพบก ที่ผ่านมา ในศึกเขาพระวิหาร ที่ใช้แผนนี้ ปัจจุบันขีดความสามารถกำลังรบเราเป็นอย่างไร โฆษก ทบ. ระบุพัฒนามาตามลำดับ และพิจารณาให้เหมาะสมกับภัยคุกคาม และขีดความสามารถของฝ่ายตรงข้าม ป้องกันภัยคุกคามจากฝ่ายตรงข้าม ส่วนแผนหลักๆ เป็นการป้องกัน หรือรุกคืบ โฆษก ทบ. ระบุ อาจจะพูดไม่ได้ แต่โดยปกติ อันดับแรกต้องครอบคลุมอธิปไตยของเราก่อน ส่วนเป็นการซีลชายแดนหรือไม่ โฆษก ทบ. ระบุพูดง่ายๆ แผนนี้ […]

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

รพ.น่าน อพยพผู้ป่วยด่วน น้ำทะลักท่วมแผนกฉุกเฉิน

น่าน 24 ก.ค.-รพ.น่าน อพยพผู้ป่วยด่วน กลางดึกที่ผ่านมา น้ำทะลักท่วมแผนกฉุกเฉิน จิตอาสา-ทหารเร่งช่วยกลางวิกฤตน้ำหลาก 23 กรกฎาคม 2568 เวลา 20.30 น. โรงพยาบาลน่าน ประกาศเคลื่อนย้ายผู้ป่วยด่วนจากแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน หลังเกิดน้ำท่วมฉับพลันจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง ทำให้น้ำไหลหลากทะลักเข้าสู่พื้นที่ชั้นกลางของโรงพยาบาล โดยเฉพาะบริเวณแผนกฉุกเฉิน ซึ่งเป็นพื้นที่รับผู้ป่วยหนักและผู้ป่วยที่ต้องได้รับการดูแลเร่งด่วน โดยที่ นพ.ณัฐธร ดาราพงศ์สถาพร รองผู้อำนวยการด้านโครงสร้างสิ่งแวดล้อมและพลังงาน กล่าวว่า โรงพยาบาลน่านในขณะนี้มีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉินเป็นการเร่งด่วน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยชีวิต เช่น เครื่องช่วยหายใจ และเครื่องฟอกไต มีการจัดย้ายไปยังแผนกอื่นๆ ที่ปลอดภัยกว่า นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลยังได้ขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานภายนอก ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก จิตอาสา ทหารมณฑลทหารบกที่ 38, มูลนิธิเพชรเกษม, ปภ.จังหวัดน่าน และหน่วยกู้ภัยในพื้นที่ เข้าร่วมเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงตั้งแนวกั้นน้ำเพิ่มเติมเพื่อสกัดไม่ให้น้ำไหลเข้าสู่ห้องไอซียูและห้องผ่าตัด ถนนวรวิชัยหน้าโรงพยาบาลน่าน ถูกน้ำท่วมขังสูงกว่า 30–50 เซนติเมตร ทำให้รถพยาบาลไม่สามารถเข้าถึงตัวอาคารได้สะดวก เจ้าหน้าที่ต้องใช้เปลหามเดินลุยน้ำเป็นระยะทางกว่า 100 เมตร เพื่อรับส่งผู้ป่วยในบางกรณี ขณะนี้ทางโรงพยาบาลน่าน ขอให้ประชาชนที่เจ็บป่วยไม่รุนแรงเดินทางไปยังสถานพยาบาลอื่น ๆ แทน […]

น้ำท่วมตัวเมืองน่าน-เขตเศรษฐกิจขยายวงกว้าง

น่าน 23 ก.ค. – ตอนนี้น้ำท่วมตัวเมืองน่าน รวมทั้งเขตเศรษฐกิจ ยังเพิ่มสูงขึ้นและแผ่ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ หลังระดับน้ำท่วมสูงเกิน 9 เมตร และทะลักเข้าท่วม .-สำนักข่าวไทย