“สันธนะ-เสี่ยโป้”แจงปมเสื้อชมพู จี้ “บิณฑ์”เผยรายละเอียด

กรุงเทพฯ 14 ธ.ค.-“สันธนะ” ควง “เสี่ยโป้” แจงประเด็นเงินบริจาค 2 ล้านในโครงการเสื้อชมพู พร้อมจี้ “บิณฑ์” ชี้แจงรายละเอียดหากบริสุทธิ์ใจ พร้อมเตรียมแจ้งความกองปราบ หลังพบมีพฤติกรรมหมิ่นเหม่แอบอ้างตราสัญลักษณ์


เมื่อวานนี้ (13 ธ.ค.) นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับตำรวจสันติบาล และนายอภิรักษ์ ชัชอานนท์ หรือ “เสี่ยโป้” ร่วมกันแถลงข่าวกรณีโครงการเสื้อสีชมพู หลังจากที่นายสันธนะ เข้าร้องเรียนสำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบพฤติกรรมของดารานักแสดงที่มาขอรับบริจาคเงิน 2 ล้านบาทจาก “เสี่ยโป้” ซึ่งภายหลังนายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ได้ออกมาชี้แจงต่อกรณีดังกล่าวเพราะเป็นบุคคลที่ถูกพาดพิง โดยก่อนเริ่มการแถลงข่าว มีการต่อสายโทรศัพท์ไปหานายบิณฑ์ หลังเชิญให้มาร่วมแถลงข่าว แต่ไม่รับสาย และได้โชว์บันทึกการโทร ซึ่งปรากฏในบันทึกวันที่ 25 พฤศจิกายน ซึ่งพบว่ามีสายโทรออก-โทรกลับเข้ามา

นายอภิรักษ์ หรือ “เสี่ยโป้” เล่าว่ามีการนัดพูดคุยเรื่องเงิน 20 ล้านจริง เพื่อขอให้ช่วยคนที่ไม่มีค่าเดินทางมาร่วมกิจกรรมแสดงความจงรักภักดี โดยใครไม่มีเงินให้มาเอากับตน เมื่อผ่านไปครึ่งเดือน นายบิณฑ์โทรมานัดเจอพูดคุยกันเรื่องเสื้อสีชมพู โดยบิณฑ์ได้พาคนที่ชื่อ “นิรันดร์” มาด้วย และนายบิณฑ์ขอเงินบริจาค 10 ล้านซื้อเสื้อชมพู เพราะไม่อยากให้ใส่เสื้อเหลือง ซึ่งเป็นสีการเมืองไปแล้ว ตนเองเห็นว่าอุดมการณ์ตรงกัน จึงยินดีบริจาค 10 ล้านบาท แต่เนื่องจากยังโดนคดีและติดปัญหาเงินโอนจากต่างประเทศ จึงโทรไปยืมเงิน “ซ้อ” ได้มา 2 ล้านบาท และวันที่จะโอนเงินเดินทางไปกระบี่ แต่นายบิณฑ์ บอกว่าต้องโอนในวันนั้นไม่เช่นนั้นจะเสียเครดิต จึงให้ลูกน้องโทรไปหา “ซ้อ” ปรากฏว่า “ซ้อ” ให้โทรหานายสันธนะ ซึ่งรับดำเนินการเรื่องดังกล่าว พร้อมยืนยันอุดมการณ์ตน คือ ทำบุญ ช่วยเหลือ แต่หากมีอะไรแอบแฝงไม่ใช่ตนเองแน่นอน และการบริจาคเป็นการเสื้อสีชมพู เสียเงินจริง ไม่มีการฟอกเงินใดๆ พร้อมทั้งฝากบอกนายบิณฑ์ ถ้าไม่อะไรปิดบัง หรือ แอบแฝง ต้องยอมให้ตรวจสอบเพื่อจะได้ไม่มีปัญหา


ด้านนายสันธนะ ระบุว่าหลังจากเข้ามารับผิดชอบเรื่องนี้ พยายามโทรหานายบิณฑ์ เพื่อพูดคุยเรื่องเงิน 2 ล้านบาท และในรายละเอียดที่พูดคุยกันมีการอ้างถึง รพ.ศิริราช โดยบิณฑ์ ไม่สามารถชี้แจงได้ จึงยังไม่โอนเงินให้และจะขอตรวจสอบก่อน ขณะเดียวกันได้ตรวจสอบไปยัง รพ.ศิริราช พบว่ามีการจัดทำโครงการนี้จริง แต่ได้รับคำชี้แจงว่านายบิณฑ์ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการนี้ หากจะมีการบริจาคสามารถโอนเงินผ่านบัญชีศิริราชมูลนิธิได้ และจากการสอบถามกับ “นายนิรันดร์” มีการแอบอ้างว่าได้รับอนุญาตตราสัญลักษณ์แต่เพียงผู้เดียว ทั้งนี้ โครงการเสื้อสีชมพูของ รพ.ศิริราช เป็นผู้จัดทำ 240,000 ตัว ไม่ใช่ 300,000 ตัวตามที่มีการกล่าวอ้าง

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (14 ธ.ค.) เวลา 10.30 น. นายสันธนะ จะไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายบิณฑ์ ที่กองบังคับการปราบปราม และขอให้นายบิณฑ์ เดินทางไปด้วยเช่นกัน ยืนยันการออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง หรือ ขัดแย้งกับนายบิณฑ์ แต่กรณีดังกล่าวมีความหมิ่นเหม่กับการแอบอ้างเรื่องการผูกขาดตราสัญลักษณ์ได้แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง