กทม. 11 ธ.ค. – ผู้เสียหายถูกแฮกบัญชีธนาคารชื่อดัง แห่แจ้งตำรวจ สน.เพชรเกษม เผยมิจฉาชีพส่งข้อความ พร้อมลิงก์หลอกให้อัปเดทข้อมูล สุดท้ายสูญเงินหมดบัญชี รวมเสียหายหลักล้านบาท
นายธนวัฒน์ แสงเพชร ผู้เสียหายที่ถูกแฮกข้อมูลเงินในบัญชีธนาคาร ไปติดตามความคืบหน้าคดี หลังแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม ไว้เมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมาว่าถูกคนร้ายแฮกเงินบัญชีเงินเดือนไป 20,000 บาท โดยสงสัยว่าน่าจะเกิดจากการกดลิงก์ที่มากับ SMS ที่อ้างว่าเป็นของธนาคารที่ตนเองใช้งานอยู่ ให้เข้าไปอัปเดทข้อมูล
นายธนวัฒน์ บอกว่า ก่อนจะได้รับ SMS ดังกล่าว ได้ติดต่อไปยังธนาคาร เพื่ออัปเดทที่อยู่ปัจจุบันให้ตรงกัน จากนั้นประมาณ 3 ชั่วโมง ก็มี SMS ระบุชื่อผู้ส่งแค่คำว่า “Info” ซึ่งมีข้อความว่า เป็นประกาศจากธนาคารให้อัปเดทข้อมูลทันที เมื่อกดเข้าไปดูก็เป็นเว็บไซต์ ให้กรอกข้อมูลเหมือนของธนาคาร จากนั้นไม่เกิน 10 นาที มี SMS ตอบกลับจากธนาคารยืนยันการอัปเดทข้อมูล จึงไม่นึกเอะใจอะไร จากนั้นไม่นานปรากฏว่าเงินในบัญชีธนาคารถูกโอนออกไปทั้งหมดทันที
หลังเกิดเรื่องได้แจ้งความไว้ที่ สน.เพชรเกษม ซึ่งตำรวจออกหมายเรียกสอบพยานธนาคารให้ แต่หลังจากตนนำเอกสารไปยื่นธนาคารก็ไม่มีความคืบหน้าอีก ธนาคารอ้างว่าต้องรอการพิจารณาจากสำนักงานใหญ่ ส่วนตำรวจบอกว่าต้องรอการตอบกลับจากธนาคารก่อน ขณะเดียวกันได้นำเรื่องนี้เข้าไปโพสต์แสดงความเห็นผ่านเพจเฟซบุ๊กของธนาคาร ซึ่งพบมีผู้เสียหายอีกหลายรายถูกหลอกให้กดลิงก์กรอกข้อมูลแบบเดียวกัน เกิดขึ้นหลายท้องที่หลายจังหวัด จึงเริ่มรวมกลุ่มกันแลกเปลี่ยนข้อมูลความเสียหาย โดยพบว่าขณะนี้มีผู้เสียหายเกินกว่า 10 ราย ส่วนใหญ่ถูกโอนเงินออกไปหลักหมื่นบาท แต่มีบางรายที่สูงถึงหลักแสน และบางรายสูงถึงหลักล้านบาท มีปลายทางสุดท้ายไปที่บัญชีๆ หนึ่ง ซึ่งแม้จะทราบว่าใครเป็นเจ้าของบัญชี แต่ก็ยังดำเนินการต่อไม่ได้
ขณะที่นายจักรพงษ์ แทนสอ ผู้เสียหายอีกรายที่ไปสังเกตการณ์ติดตามความคืบหน้าคดีนี้ บอกว่า ตนเองก็ได้รับความเสียหายคล้ายๆ กัน หลังกดลิงก์เข้าไปกรอกข้อมูล แต่ที่แตกต่างจากคนอื่น คือ บัญชีของตนถูกใช้เป็นบัญชีกลางในการรวบรวมเงินจากผู้เสียหายรายอื่นๆ ก่อนส่งไปยังบัญชีปลายทาง ซึ่งผู้เสียหายทุกคนระบุว่าเป็นบัญชีเดียวกัน ส่วนความเสียหายของตนเอง โดนโอนเงินออกไป 90,000 บาท และไม่แน่ใจว่าบัญชีอื่นของตนเองจะถูกโอนออกไปด้วยหรือไม่ เพราะคนร้ายได้ข้อมูลของตนไปแล้ว
ด้าน น.ส.กัลษณา โอมา ได้แสดงหลักฐานภาพหน้าเว็บไซต์ที่บันทึกเอาไว้ได้ พร้อมอธิบายว่า ตนเองกรอกข้อมูลไปจนถึงขั้นตอนสุดท้ายที่ให้ใส่เลข OTP แต่เนื่องจากตอนนั้นติดลูกค้า จึงไม่ได้กดยืนยันส่งข้อมูล แต่จากนั้นไม่นานก็ปรากฏว่าเงินในบัญชีของตนถูกโอนออกไป 117,000 บาท และเนื่องจากตนเองอยู่ต่างจังหวัด เหตุเกิดขึ้นกับตนในช่วงเย็น จึงไม่สามารถติดต่ออายัดเงินกับทางธนาคารได้ทันในวันเกิดเหตุ
อย่างไรก็ตาม ในวันจันทร์นี้ กลุ่มผู้เสียหายจะนัดรวมตัวเข้าร้องทุกข์กับ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ หัวหน้าชุดเทคนิคสืบสวน 2 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้ช่วยเร่งรัดสืบสวนจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุอีกครั้ง. – สำนักข่าวไทย