ตร.ย้อนไทม์ไลน์ม็อบ สู่ปะทะ – ทำลายทรัพย์สิน

กทม.18 พ.ย.- สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ย้อนไทม์ไลน์การชุมนุมหน้ารัฐสภา บานปลายสู่การปะทะ และทำลายทรัพย์สินของทางราชการ


พลตำรวจตรีปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ชี้แจงข้อเท็จจริงการปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความเรียบร้อยการชุมนุมหน้าอาคารรัฐสภาว่า เมื่อวานนี้(17 พ.ย.) มีกลุ่มผู้ชุมนุมด้านหน้ารัฐสภา 4 กลุ่มแจ้งจัดการชุมนุม 3 กลุ่ม ขณะที่อีก 1 กลุ่ม ไม่ได้แจ้ง จึงถือเป็นการชุมนุมผิดกฎหมาย

ข้อเท็จจริงคือ ตั้งแต่เวลา 13.00 น.ผู้ชุมนุมกลุ่มสวมเสื้อเหลือง ซึ่งแจ้งการชุมนุมสาธารณะไว้ได้เคลื่อนไปยังถนนทหาร  เวลา 14.00 น. กลุ่มคณะราษฎร ได้เคลื่อนมาทำลายแนวป้องกันถนนสามเสน ตำรวจจึงมีความจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมาย โดยมีพลตำรวจโทภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) คอยควบคุมการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย และแนวทางหลักสากลตลอดเวลา  ขอยืนยันการปฏิบัติการไม่มีการเตรียมกระสุนยาง หรือ กระสุนจริงไปใช้  และตำรวจเป็นคนกลาง ไม่ใช่คู่ขัดแย้งของฝ่ายใด  จนถึงเวลา  17.10 น. คณะราษฎร รื้อถอนแนวป้องกันสี่แยกเกียกกาย ตำรวจถอยร่น 50 เมตร ผู้ชุมนุมพยายามรื้อแนวป้องกันถนนทหาร จนเกิดการปะทะ ด้วยการขว้างปาสิ่งของต่างใส่กัน นานรวม 6 นาที จึงมีการนำรั้วเหล็กมาปิดกั้น


เวลา 20.15 น. เกิดควันขึ้นกับรถประจำทาง ตำรวจกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้พิสูจน์ทราบ จากนั้นมวลชนได้พยายามเข้าไปในถนนทหาร พยายามทำร้ายร่างกายอีกฝ่าย ไปถึงจุดชุมนุมวัดใหม่ทองเสน ห่างไป ประมาณ 300 เมตร จนมีผู้ถูกยิง 2 คน  1 คนเป็นกลุ่มภาคประชาชนอีก 1 คน เป็นกลุ่มคณะราษฎร  ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถควบคุมดูแลพื้นที่โดยรอบการชุมนุมได้อย่างทั่วถึง แต่ได้พยายามสุดความสามารถให้การแยกผู้ชุมนุม 2 กลุ่ม ออกจากกัน ก่อนล่าถอยออกมา เพราะข้อจำกัดในการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากต้องยึดถือหลักรัฐศาสตร์ประกอบการตัดสินใจ

พลตำรวจตรีปิยะ ยังกล่าวถึงกรณีมีการเผยแพร่ภาพการเคลื่อนมวลชนสวมเสื้อเหลือง จากด้านหน้ารัฐสภาไปยังถนนทหารตามสื่อออนไลน์  โดยระบุว่า เป็นการช่วยเหลือ เชื้อเชิญ ผู้ชุมนุมสวมเสื้อเหลือง นั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นจริง  แต่เป็นการนำมวลชนออกมาจากด้านหน้ารัฐสภาซึ่งเป็น พื้นที่ควบคุม

มีการนำภาพผู้ชุมนุมตรวจค้นพบยาเสพติดในรถยนต์ตู้ของ สน.บุคคโล เผยแพร่ตามสื่อออนไลน์นั้น ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ให้โรงพยาบาลของรัฐ ตรวจสอบหาสารเสพติดจากตำรวจ สน.บุคคโล รวม 7 นาย ที่โดยสารรถมาแล้ว เบื้องต้น ไม่พบสารเสพติดในร่างกาย และยังอยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม


ด้านพลตำรวจตรียิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร.  กล่าวเสริมว่า ในความเป็นจริงนั้น ขณะตรวจค้นรถยนต์ตู้ ไม่มีตำรวจทั้ง 7 นาย ที่มีฐานะเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอยู่ร่วมในการตรวจค้น ขณะที่สิ่งของอื่นในรถกลับหายไปหมด   ดังนั้น การตั้งข้อสงสังเกตุก็ต้องให้ความเป็นธรรมด้วย เพราะ ขณะนี้เกิดการต่อสู้ทางความคิด 2 ฝ่าย คือ ผู้ชุมนุมที่อ้างว่าพบสารเสพติดในรถยนต์ของทางราชการ แต่ตำรวจปฏิเสธ

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้ชัดเจน เพื่อให้สังคมได้ใช้วิจารณญาณตัดสิน ส่วนเรื่องสำนวนคดี ตอนนี้ เป็นคดีทำลายทรัพย์สินของทางราชการ,  คดีที่ทรัพย์สินมีค่าหายไปจากรถยนต์ และวันนี้(18 พ.ย.)  ตำรวจ สน.บุคคโล จะเดินทางไปแจ้งความที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยี หรือ ปอท.เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว

ส่วนความเสียหายของอุปกรณ์ควบคุมฝูงชน จากเหตุการณ์เมื่อวานนี้(18 พ.ย.) เบื้องต้นประกอบด้วย รถฉีดน้ำ 4 คัน, รถน้ำ 2 คัน , รถบัส 2 คัน, รถตู้ 13 คัน  และรถรถกระบะอีก 3 คัน

พลตำรวจตรียิ่งยศ กล่าวต่อว่า ในส่วนของรถฉีดน้ที่มีราคาสูง ซึ่งพบว่ามีการนำตัดทำลายอุปกรณ์ มีการใส่ทราย เศษอาหาร เหล็ก ลงไปในเครื่องยนต์ จนได้รับความเสียหาย จึงอยากให้ผู้ชุมนุมทราบว่าอุปกรณ์ทั้งหลายเป็นของส่วนรวม การทำลายไม่ได้ทำให้ความขัดแย้งทางการเมืองยุติ ส่วนการใช้น้ำผสมสารสีม่วง และสีฟ้าในน้ำ นั้น พลตำรวจตรีปิยะ ระบุว่า เป็นสีบ่งบอกตัวผู้มาร่วมการชุมนุมในแต่ละพื้นที่ เพื่อดำเนินคดี และว่า การผสมสารเป็นไปตามมาตรฐานของบริษัทผู้ผลิต.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย ขณะที่ ผบ.ตร. อาลัยตำรวจกล้า สั่งต้นสังกัดดูแลสิทธิประโยชน์ เลื่อนเงินเดือนและชั้นยศ

นักโทษกลับใจ

อดีตนักโทษกลับใจ หลังติดคุก 30 ปี โทรคุยกับพ่อทั้งน้ำตา

อดีตนักโทษชีวิตโตมาในคุก ตั้งแต่อายุ 19 จนตอนนี้ อายุ 49 ปี ร่ำไห้กับตำรวจ ขอให้ช่วยพากลับบ้านที่จากมา 30 ปี ตำรวจโทรศัพท์หาพ่อ ให้ 2 พ่อลูกคุยกันทั้งน้ำตา

ตำรวจจีนพาผู้ต้องสงสัยฉ้อโกง 200 ราย กลับจากเมียนมา

พลเมืองจีน 200 รายที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง ถูกส่งตัวจากเมืองเมียวดีในเมียนมากลับจีนแล้วเมื่อวานนี้ ภายใต้การคุ้มกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน

เด็ก 12 สูบบุหรี่ไฟฟ้า-ดื่มน้ำกระท่อม ทำปอดหาย

ย่าช็อก หลานวัย 12 ปี อาการวิกฤติ ปอดหายเกือบทั้งหมด ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หลังสูบบุหรี่ไฟฟ้าและดื่มน้ำกระท่อมตั้งแต่ ป.4

ข่าวแนะนำ

บ่อนดังย่านดอนเมืองปิดเงียบ ขึ้นป้ายห้ามเข้าออก

บ่อนดังย่านดอนเมืองปิดเงียบ ขึ้นป้ายพื้นที่ส่วนบุคคลห้ามเข้าออก พบปิดกิจการตั้งแต่ 16 มี.ค.63 ขณะที่มีกล้องวงจรปิดติดตั้งโดยรอบ

ฮั้วเลือก สว.67

ประธานวุฒิสภา นำทีมแถลงด่วน โต้คดีฮั้วเลือก สว.67

ประธานวุฒิสภา นำทีมแถลงด่วน โต้คดีฮั้วเลือก สว.67 เชื่อเป็นเกมการเมือง หวังเกิดวิกฤต รธน. เพื่อรื้อใหม่ทั้งฉบับ ขู่ใช้ช่องทางกฎหมายกลับ หากทำเสียหาย-บั่นทอนความเชื่อมั่น เพื่อปกป้องศักดิ์ศรี จวก “ทวี” กล่าวหาอั้งยี่ ซ่องโจรทำวุฒิเสื่อมเสีย พร้อมเปิดเวทีซักฟอก

ไทยเข้าฤดูร้อน

กรมอุตุฯ ประกาศเข้าสู่ฤดูร้อนของไทย 28 ก.พ.68

กรมอุตุนิยมวิทยา เตือน 23-25 กุมภาพันธ์นี้ ไทยตอนบนอากาศแปรปรวน ภาคใต้ฝนตกหนัก ส่วนอ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร พร้อมประกาศประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ 28 ก.พ.68 จนถึงกลางเดือน พ.ค.

“ไทย จีน เมียนมา” จับมือโชว์ภารกิจราบรื่น ส่งชาวจีนกลับประเทศ

“ไทย จีน เมียนมา” จับมือโชว์แสดงผลภารกิจราบรื่น ส่งชาวจีนเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับประเทศ 200 คน ปรับแผนจีนส่งเครื่องบินรับอีก 400 คน สองวันติด “ภูมิธรรม” เผยพร้อมเสนอนายกฯ เซ็นตั้ง ศปช.ส่วนหน้า ทำงานให้ชัดเจน มีกฎหมายรองรับผู้ปฏิบัติ ย้ำไทยไม่ตั้งศูนย์อพยพรองรับเหยื่อที่เหลือ แต่ประสานให้ต้นทางรับกลับทันที