กรุงเทพฯ 28 ต.ค.- เจ้าของร้านนวด ย่านราชพฤกษ์ ยืนยันเสี่ยโป้ ไม่มีหุ้นส่วนในร้านนวด และร้านไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทะเลาะวิวาท ด้าน ผบก.น.9 ระบุเหตุดังกล่าว เข้าข่ายความผิดพยายามฆ่า ยันกล้องวงจรปิดไม่เสียอยู่ระหว่าง พฐ.ตรวจพิสูจน์
นายโกศล เกรียงธนาศักดิ์ อายุ 58 ปี เจ้าของร้านนวดแผนไทย (สรี ซาวน่า แอนด์ สปา )ย่านราชพฤกษ์ เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.ภาษีเจริญ โดยนำเอกสารใบอนุญาตประกอบกิจการร้านนวดมาแสดง เพื่อยืนยันว่าร้านได้ขออนุญาตเปิดกิจการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และนายอภิรักษ์ ชัชอานนท์ หรือ เสี่ยโป้ ไม่ได้เป็นหุ้นส่วนร้านตามที่มีกระแสข่าว
ส่วนช่วงเวลาเกิดเหตุเป็นช่วงที่ร้านปิดให้บริการแล้ว จึงไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ยอมรับว่ารู้จักกลุ่มวัยรุ่นทั้ง2 กลุ่ม ทั้งกลุ่มเสี่ยโป้ และกลุ่มวัยรุ่นย่านจรัญสนิทวงศ์ ส่วนตัวทราบว่า ทั้งสองกลุ่มเป็นเพื่อนกัน และมักจะมาใช้บริการที่ร้านบ่อยครั้ง โดยเฉพาะเสี่ยโป้ที่บ้านอยู่ใกล้ร้านนวด แต่ ไม่รู้ว่าทั้ง2 กลุ่มมีปัญหาอะไรกัน ยืนยันว่าตัวเองและร้านไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ แต่ตอนนี้ได้รับผลกระทบเพราะตำรวจขอให้ปิดบริการชั่วคราวก่อน และ กล้องวงจรปิดทางร้าน ได้เปิดเซิฟเวอร์ให้ตำรวจเก็บรวบรวมพยานหลักฐานไปทั้งหมดแล้ว จะใช้การได้หรือไม่ ไม่ทราบเนื่องจากหลังมารับช่วงร้านได้ประมาณ 3 ปี ไม่เคยเปลี่ยนแปลงตำแหน่งกล้องวงจรปิดจากเจ้าของเดิม
ขณะที่ตำรวจได้ไปรับตัว นางสาวมด แฟนสาวของ 1 ในคนเจ็บถูกยิงที่ก้น มาสอบสวน หลังไปออกรายการ ที่สถานีแห่งหนึ่ง ซึ่งนางสาวมดให้ข้อมูลตามที่สามี เล่าว่า เรื่องที่เกิดขึ้น เป็นความขัดแย้งของกลุ่มตนเองกับฝั่งตรงข้ามที่โพสต์ผ่านเฟสบุ๊ค เสี่ยโป้จึงโทรมาบอกขอเคลียร์จะเป็นกรรมการให้ จึงมีการนัดหมายกันเพื่อต่อยกันตัวต่อตัว ตามที่เสียโป้นัดหมาย แต่พอมาถึงที่นัดหมายกำลังจะต่อยกันเสี่ยโป้ก็ควักปืนออกมาในลักษณะกราดยิง ทำให้สามีที่อยู่ในเหตุการณ์โดนเสี่ยโป้ยิงที่สะโพก ส่วนเพื่อนสามีถูกยิงโดยคนใกล้ชิดเสี่ยโป้ยิงเข้าที่คอ ก่อนที่จะหลบหนีไปอย่างไร้ร่องรอย ตอนนี้ก็กังวลในเรื่องของรูปคดีว่าอาจจะไม่ได้รับความธรรมจึงต้องออกมาเรียกร้องผ่านสื่อ ส่วนตัวก็ไม่ได้กลัวเสี่ยโป้หรือพวกมาแก้แค้นที่ออกมาเรียกร้องแต่แค่ต้องการความยุติธรรมให้สามีและเพื่อน และจะไม่กลับไปแก้แค้นหรือเอาคืนแน่นอน พร้อมยินดีจะให้ข้อมูลกับตำรวจทั้งหมด
ด้าน พลตำรวจตรี พงศ์อนันต์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 ระบุได้ให้ผู้กำกับการ สน.ภาษีเจริญ ไปเชิญตัวภรรยา1ในผู้บาดเจ็บมาให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนกับข้อมูลที่ถูกเผยเเพร่สื่อสาธารณะ เพราะขณะนี้มีความเข้าใจผิดว่าตำรวจช่วยเหลือเเละปกปิดหลักฐานในที่เกิดเหตุ รวมทั้งพยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์รายอื่นมาให้ข้อมูลกับตำรวจ จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถชี้ชัดว่าใครเป็นฝ่ายผิด เเต่ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น เเละพิจารณาว่าเข้าข่ายความผิดอื่นด้วยหรือไม่ ยืนยันขณะนี้ตำรวจส่งเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุมกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุทั้ง16 ตัวให้กองพิสูจน์หลักฐานแล้ว และทุกอย่างต้องว่าไปตามหลักฐาน ไม่ปกปิด หรือ ช่วยเหลือใครแน่นอน .-สำนักข่าวไทย