กทม. 18 ต.ค.63 – สมาพันธ์ทนายความแห่งประเทศไทย พร้อมส่งทนายความให้ความช่วยเหลือกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมือง ที่โดนจับดำเนินคดี ระบุเป็นการชุมนุมโดยสันติตามขอบเขตกฎหมายรัฐธรรมนูญ
ทนายความรวมตัวกันบริเวณหน้าที่ทำการสภาทนายความฯ กรุงเทพมหานคร ลงชื่อร่วมตั้งเครือข่ายสมาพันธ์ทนายความแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นทนายความอาสาให้คำปรึกษา ช่วยเหลือทางกฎหมาย และคดีความ ให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมราษฎรที่อาจถูกจับกุม หรือดำเนินคดีจากเจ้าหน้าที่ภาครัฐอย่างไม่เป็นธรรม จากการชุมนุมตามกฎหมาย
นายวรกร พงศ์ธนากุล ประธานสมาพันธ์ทนายความแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ได้รับการตอบรับจากทนายความกว่า 100 คนทั่วประเทศ พร้อมจะทำหน้าที่ทนายความว่าความช่วยเหลือทางคดีให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมราษฎรทั่วประเทศ ที่อาจได้รับผลกระทบอย่างไม่เป็นธรรม ถูกจับกุมหรือดำเนินคดีต่าง ๆ เนื่องมาจากการร่วมชุมนุมทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเห็นว่าผู้ชุมนุมราษฎรส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ เป็นนักเรียนนักศึกษา แสดงออกทางการเมืองถูกต้องตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ให้ไว้ เป็นการชุมนุมโดยสันติ ไม่มีการใช้อาวุธแต่อย่างใด แต่รัฐบาลกลับมองเป็นอันตรายร้ายแรง นำมาซึ่งการออกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีการจับกุมแกนนำและผู้ร่วมชุมนุมอย่างไม่เป็นธรรม รวมถึงเหตุการณ์การสลายการชุมนุมโดยไม่ถูกต้องตามหลักสากล นำมาสู่การชุมนุมดาวกระจายตามมาทั่วประเทศ ซึ่งในฐานะทนายความมีความจำเป็นที่จะใช้ความสามารถความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ช่วยเหลือทางกฎหมายให้กับผู้ร่วมชุมนุมทุกคนที่ได้รับผลกระทบ โดยติดต่อผ่านสมาพันธ์ทนายความแห่งประเทศไทยได้โดยตรง เพื่อไม่ให้ประเทศเกิดทางตันจนไม่สามารถแก้ไขได้
นายวรกร กล่าวอีกว่า รัฐบาลต้องเปิดใจกว้างรับฟังความเห็นจากผู้ชุมนุม ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ หันหน้ามาคุยกันรับฟังนำข้อเสนอข้อท้วงติงมาผสานกับการทำงานของคนรุ่นเก่า ซึ่งจะช่วยให้เกิดการปรองดองได้ รวมทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องมีทางออกที่เหมาะสม เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ไม่นำไปสู่การนองเลือด ในทางกลับกันหากภาครัฐยังมองผู้ชุมนุมเป็นศัตรูต้องปราบปรามให้ได้ ประเทศจะมีทางออกได้อย่างไร พร้อมเสนอให้มีการปล่อยตัวผู้ที่ถูกจับกุมจากการชุมนุมก่อนหน้านี้ และเริ่มเปิดทางพูดคุยเจรจากันจะช่วยลดความร้อนแรงของสถานการณ์บ้านเมืองลงได้
ด้านนายพีรวิชญ์ เกื้อสังข์ สมาชิกสมาพันธ์ทนายความแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เชื่อว่าสิ่งที่กลุ่มราษฎร ซึ่งเป็นนักเรียนนักศึกษา คนรุ่นใหม่ ออกมาชุมนุมเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ไม่มีใครควบคุมอยู่เบื้องหลัง เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ต้องการสร้างอนาคตของตัวเอง หากปล่อยให้บ้านเมืองเป็นอยู่ย่างในปัจจุบันอนาคตของพวกเขาจะเป็นอย่างไร งานจะมีทำหรือไม่ คนจะตกงานอีกเท่าไหร่ นั้นจึงเป็นสิ่งที่ผู้ชุมนุมออกมาเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองผ่านการชุมนุมตามกฎหมาย ขณะที่การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มองว่ารัฐบาลทำไม่ถูกต้องผิดหลักขั้นตอน การชุมนุมไม่มีสถานการณ์ที่รุนแรงจนควบคุมไม่ได้ และยังอยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญที่ให้ไว้.-สำนักข่าวไทย
