144 วัน ไทม์ไลน์คดี “น้องชมพู่”

กรุงเทพฯ 2 ต.ค. – คดี “น้องชมพู่” เด็กหญิงอรวรรณ วงศ์ศรีชา อายุ 3 ปี ที่หายออกจากบ้าน ก่อนพบเป็นศพเสียชีวิตปริศนา ใช้เวลาในการสืบสวนยาวนานเกือบ 4 เดือน ซึ่งวันนี้ได้เดินทางมาถึงบทสรุปแบบปลายเปิดว่า มีคนพาเด็กขึ้นไปบนภูเหล็กไฟ จนทำให้เสียชีวิต มีการแจ้งข้อหาพรากเด็ก กักขังหน่วงเหนี่ยว และซ่อนเร้นทำลายศพ แต่หลักฐานที่มีไม่สามารถจับใครได้ ไปสำรวจไทม์ไลน์ของคดีนี้กัน


วันที่ 11 พฤษภาคม 2563

ตั้งแต่เช้าวันที่ 11 พฤษภาคม “น้องชมพู่” อายุ 3 ปี หายตัวปริศนาไปจากบ้านในเขตพื้นที่หมู่บ้านกกกอก หมู่ 2 ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร โดยพ่อแม่ “น้องชมพู่” ออกไปทำงานแต่เช้าตรู่ ปล่อยให้ “น้องชมพู่” อยู่กับพี่สาว อายุ 13 ปี


ตั้งแต่วันที่ 11-14 พฤษภาคม ครอบครัวและชาวบ้านช่วยกันออกตามหา ทำพิธีตามความเชื่อ เพื่อขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์เปิดทางให้หาเจอ

วันที่ 14 พฤษภาคม 2563

ช่วงบ่ายของวันที่ 14 พฤษภาคม ชาวบ้านเดินเท้าขึ้นไปเก็บเห็ดหาของป่าเทือกเขาภูพานน้อย เขตอุทยานแห่งชาติภูผายล แจ้งเบาะแสว่า พบรองเท้าเด็กสีเขียวกลางป่า ก่อนที่จะนำทางเจ้าหน้าที่เดินทางไปจุดที่พบรองเท้า ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพื้นที่ใกล้เคียง ห่างจากจุดพบรองเท้าประมาณ 5 เมตร พบศพ “น้องชมพู่” อยู่ในสภาพเปลือยกายบนลานหิน แต่ไม่สามารถยืนยันว่ามีการข่มขืนหรือไม่


วันที่ 15 พฤษภาคม 2563

ตำรวจเจ้าของพื้นที่นำศพส่งไปชันสูตรที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 15 พฤษภาคม ขณะที่ พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 สันนิษฐานเบื้องต้น ผู้ตายไม่ได้พลัดหลงป่าหรือเข้าไปในป่าเพียงคนเดียว มั่นใจว่ามีคนนำพาตัวไปที่จุดเกิดเหตุ แต่จากการเก็บหลักฐานเบื้องต้น ยังไม่พบหลักฐานยืนยันเกี่ยวกับการทำร้าย หรือการข่มขืน ส่วนญาติยืนยันว่า ครอบครัวผู้ตายไม่มีปัญหากับคนในหมู่บ้าน

วันที่ 17 พฤษภาคม 2563

นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่น้องชมพู่ คาใจการเสียชีวิต เลื่อนงานฌาปนกิจ ซึ่งตามกำหนดเดิมจะทำพิธีฌาปนกิจในช่วงบ่ายวันที่ 17 พฤษภาคม และตัดสินใจส่งร่างผ่าพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ หลังมีการผ่าพิสูจน์ไปแล้วโดยโรงพยาบาลดงหลวง จ.มุกดาหาร และโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี

วันที่ 18 พฤษภาคม 2563

นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” อายุ 44 ปี ลุงของน้องชมพู่ เปิดเผยว่า ผลการชันสูตรศพ “น้องชมพู่” รอบ 2 มีร่องรอยถูกทำร้ายร่างกายและล่วงละเมิดทางเพศ แต่ตรงไหนยังไม่ทราบ

วันที่ 19 พฤษภาคม 2563

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร.ในขณะนั้น ลงพื้นที่ จ.มุกดาหาร เร่งสางคดี โดยมีรายงานว่า ตำรวจในพื้นที่นำตัวผู้ต้องสงสัยทั้งหมด 7 คน เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอไปตรวจสอบ ส่วนพยานที่เป็นเด็กอายุ 7 ขวบ อ้างว่าเห็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ สวมเสื้อสีส้มแขนยาว มีหมวกสีดำเหมือนคนตัดอ้อย ปิดหน้าไว้ อุ้มน้องชมพู่มุ่งหน้าไปทางไร่มัน

ในวันเดียวกัน แผนกนิติเวช โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี ยืนยันผลการตรวจชันสูตรไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายและการล่วงละเมิดทางเพศ ระบุเพียง “ไม่ปรากฏสาเหตุการตาย แต่พบบาดแผลตามร่างกายและอวัยวะเพศ” ซึ่งยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า เกิดจากทำร้ายร่างกาย ล่วงละเมิด หรือสาเหตุใดแน่ชัด

วันที่ 20 พฤษภาคม 2563

ครอบครัวเผาศพ “น้องชมพู่” ที่ป่าช้าบ้านกกกอก ในรูปแบบการเผาแบบเชิงตะกอนแบบโบราณ

วันที่ 21 พฤษภาคม 2563

ตำรวจเริ่มตีวงแคบ หลังจำกัดวงผู้ต้องสงสัยคดี “น้องชมพู่” เหลือ 2 คน โดยคนแรกคำให้การมีความน่าสงสัย ส่วนคนที่ 2 เคยมีประวัติคดีทางเพศ และมีคลิปลามกในมือถือ โดยยังรอผลตรวจดีเอ็นเอมาเปรียบเทียบอีกที

วันที่ 25 มิถุนายน 2563

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร.ในขณะนั้น เผย “นริน เชื้อคมตา” ไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยในคดี “น้องชมพู่” ตำรวจจับกุมชายสติไม่สมประกอบ เดินแบกกระสอบปุ๋ยอยู่ในหมู่บ้านกกกอก ตรวจค้นภายในกระสอบปุ๋ยพบภาพโป๊และเสื้อของเด็ก พร้อมเส้นผมจำนวนหนึ่ง จึงเก็บไว้ตรวจสอบหาหลักฐาน

วันที่ 7 กรกฎาคม 2563

“ลุงพล” ไปออกรายการดัง เปิดใจเกี่ยวกับกรณีถูกสงสัย โดยยืนยันว่าไม่ได้ทำ รักเหมือนลูกตัวเอง พร้อมตั้งข้อสังเกตพ่อแม่ “น้องชมพู่”

วันที่ 8 กรกฎาคม 2563

พ่อแม่ “น้องชมพู่” เปิดใจเหตุสงสัยในตัว “ลุงพล” พบพิรุธหลายประเด็น ให้ข้อมูลไม่ตรงกัน มั่นใจ “น้องสะดิ้ง” ลูกสาวไม่โกหก วันต่อมา รับคำท้า “ลุงพล” สาบานต่อหน้าวัดพระแก้ว ยืนยันไม่ได้ฆ่าลูก ด้าน “ลุงพล” สาบานต่อหน้า “หลวงปู่ลิ้น” วัดถ้ำภูผาแอก ยืนยันไม่ได้ฆ่าหลาน

วันที่ 10 กรกฎาคม 2563

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เผยความคืบหน้าร้อยละ 80 แต่หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มีน้อยมาก ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตของ “น้องชมพู่” ว่าถูกฆาตกรรมหรือไม่ แพทย์นิติเวชก็ยังสรุปไม่ได้ ตำรวจสอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 900 ปาก

วันที่ 21 กรกฎาคม 2563

พบเสื้อสีส้มสกรีนชื่อรถไถนายี่ห้อหนึ่ง ซุกอยู่ข้างกอไผ่ ใกล้จุดที่พบศพ “น้องชมพู่” บนภูเหล็กไฟ ต่อมาเจ้าของเสื้อสีส้ม ยอมรับเป็นเสื้อของตนเอง โดยได้ถอดเสื้อทิ้งขณะไปหาหน่อไม้ เมื่อปลายปี 2562

วันที่ 25 กันยายน 2563

เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกสอบปากคำ “ลุงพล” หลังตรวจสอบเรื่องกระสอบท้ายรถ

วันที่ 2 ตุลาคม 2563

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงความคืบหน้าคดี ตำรวจดำเนินคดีโดยไม่มีการละเว้น อายุความในคดี 20 ปี ณ ปัจจุบันยังไม่มีการเสนอศาลเพื่อขออนุมัติหมายจับ ซึ่งคดีอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า “น้องชมพู่” ถูกทำให้เสียชีวิต แต่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะขอศาลอนุมัติหมายจับใครได้. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]

สกัดจับขบวนการค้ามนุษย์ ลอบขนคนไทยไปเขมร

สระแก้ว 24 ส.ค. – ทหารพรานลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สกัดจับคนไทย 10 คน ขณะลักลอบเข้ากัมพูชา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนตามแนวชาย เพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่จะแอบลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว (ไม่ทราบทะเบียน) และ รถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ล่อแหลม โดยรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ได้จอดให้คนเดินลงมาจากรถ และเดินเข้าป่าไป จำนวน 6 คน ประกอบด้วย คนนำพา 1 คน และผู้ลักลอบ 5 คน โดยทั้งหมดเป็นคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์เก๋งสีดำที่ขับตามมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ จึงขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับไว้ได้ (ห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร) จากการตรวจสอบภายในรถพบคนไทย 4 คน […]

พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก

อุบลราชธานี 24 ส.ค. – พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่ริมสระน้ำใกล้ศูนย์เด็กเล็ก เพียง 100 เมตร จากกรณีที่กัมพูชา ยิงจรวด BM–21 เข้าใส่ชุมชน บ้านเรือนประชาชน ในฝั่งไทย จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันผลกระทบจากจรวด BM–21 ต่อประชาชน คนไทย ยังคงมีอยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้จากบ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาตกในเขตชุมชนฝั่งไทย โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีจรวด BM-21 ตกมาทั้งหมด 11 ลูก 2 ใน 11 ลูก ตกใส่บ้านประชาชน จนบ้านพังเสียหายทั้งหมด 2 หลัง และมี 1 […]

“มาริษ” จ่อบินเจนีวา แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี

สวีเดน 24 ส.ค.-“มาริษ” เตรียมบินเจนีวาต่อ แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี-องค์การสิทธิมนุษยชน-กาชาด ย้ำไทยรักสันติ ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ ฟ้องเขมรใช้ทุ่นระเบิด-โจมตีพลเรือนไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าหลังการเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการแล้วจะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ ไปชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตรฺของการใช้ วัตถุระเบิดสังหารบุคคน ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวาและในโอกาสนี้จะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สืทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ของกัมพูชา รวมทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (icrc )ก็ได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างมาก และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสารในการต่อสู้ โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ซึ่งในโอกาสนี้ตนจะได้พบปะกับประธาน crc พอดี ซึ่งเคยพบกันที่กรุงเทพมหานครแล้ว และทางประธานทราบว่าตนจะมาเจนีวาก็สามารถมาพูดคุยกันต่อได้ ซึ่งจะได้อธิบายทั้ง 2 ประการเหล่านี้เพราะ icrc เป็นองค์กรหลักที่ดูกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสามองค์กรที่เราวางกลยุทธ์ จะเข้ามาพูดคุย ชี้แจงก็เพื่อยืนยัน ใน ท่าทีบทบาท ของประเทศไทยที่ชัดเจนว่าเราเป็นประเทศ ที่รักสันติ เราต้องการ แก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี แต่ต้องมีความจริงใจ […]