กทม.16 ก.ย.- สาวที่ถูกกระชากผมจากเรื่องที่นั่งในรถตู้ ยืนยันดำเนินคดีหลังคู่กรณีไม่มีแม้คำขอโทษ หรือรู้สึกผิดกับการกระทำ ตำรวจส่งฟ้อง 6 ตุลาคมนี้
ความคืบหน้าการดำเนินคดดีนางสาวปาริชาติ โพธิ์สานันทา อายุ 50 ปี ผู้ก่อเหตุกระชากผมนางสาวอัมพิกา หนองอุดม อายุ 30 ปี บริเวณบันไดทางขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพราะไม่พอใจเรื่องที่นั่งบนรถตู้โดยสารสาธารณะเมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา
ล่าสุดนางสาวอัมพิดา ผู้เสียหายมาที่ สน. พญาไท เพื่อให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม รวมทั้งเจรจาไกล่เกลี่ยกับผู้ก่อเหตุเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะลงทางบันไดด้านข้างสถานีขึ้นวินจักรยานยนต์ ออกไปทันทีโดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่พยายามวิ่งตามมาสอบถาม
นางสาวอัมพิกา กล่าวภายหลังให้ปากคำว่า ไม่ได้คุยกับผู้ก่อเหตุเลย ฝ่ายนั้นไม่มองหน้าหรือขอโทษ หรือแม้แต่แสดงความสำนึกผิดกับเหตุที่เกิดขึ้น ส่วนเรื่องคดีอาญายืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด โดยจะไปตรวจร่างกายที่ รพ.วิชัยยุทธ เพื่อนำใบรับรองแพทย์มาประกอบการแจ้งความอีกครั้งพร้อมเรียกร้องค่าเสียหายเป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าเดินทาง ค่าเสียเวลา ค่าทำขวัญไป 50,000 บาท ซึ่งคู่กรณีบอกว่าการแจ้งความของตนนั้นเกินกว่าเหตุ จึงอยากถามว่าสิ่งที่ตนเรียกร้องนั้นเกินไปหรือไม่เพราะตนก็มีลูกเล็ก หากวันนั้นถูกกระชากตกบันไดเลื่อน จะบาดเจ็บมากกว่านี้หรือไม่ โดยวันที่ 6 ตุลาคมนี้ พนักงานสอบสวนจะนัดคู่กรณีส่งฟ้องต่อศาลแขวงดุสิต
นางสาวอัมพิกา ยืนยันว่า ขณะเกิดเหตุไม่ได้แสดงอาการยั่วยุแต่อย่างใด เพียงแต่ต่อแถวขึ้นรถตามปกติ ตนอยู่คิวต้นๆคู่กรณีอยู่คนสุดท้าย เนื่องจากตนเป็นคนเวียนหัวง่ายจึงเลือกที่นั่งติดประตู แต่คู่กรณีไม่ยอมจะให้เข้าไปนั่งแถวในสุด ซึ่งตลอดเส้นทางที่นั่งรถมาก็ถูกคู่กรณีด่าทอตลอดเวลา แต่ตนก็ไม่ตอบโต้จนถึงจุดหมายแล้วลงรถ คู่กรณีอาศัยจังหวะที่ตนเผลอ กำลังคุยโทรศัพท์ เดินเข้ามากระชากผมอย่างแรงจนมีอาการปวดจนถึงวันนี้ จึงขอใช้สิทธิตามกฎหมายเพื่อเป็นกรณีศึกษาในการแก้ไขปัญหาโดยไม่ใช้ความรุนแรงตอบโต้
มีรายงานว่า ผู้ก่อเหตุประกอบอาชีพรับจ้างดูแลผู้สูงอายุ มักใช้อารมณ์กับคนใกล้ชิดบ่อยครั้ง.-สำนักข่าวไทย