“บรรยิน”กลับคำ รับอุ้มฆ่า-เผาพี่ชายผู้พิพากษา

กทม.14 ก.ย.- “บรรยิน”กลับคำ รับสารภาพกลางศาลอุ้มฆ่าเผาพี่ชายผู้พิพากษาจริง อ้างโมโหผู้พิพากษาลำเอียงทำกดดันขาดสติ ศาลนัดสืบพยานประกอบเดือนหน้า


ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลนัดสืบพยาน คดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาอดีตเจ้าของสำนวนโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์ ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์, นายมานัส ทับทิม, นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์, นายชาติชาย เมณฑ์กูล, นายประชาวิทย์ หรือตูน ศรีทอง และ ด.ต.ธงชัย หรือ สจ.อ๊อด วจีสัจจะ ทั้งหมดภูมิลำเนา จ.นครสวรรค์ ในความผิด 9 ข้อหา ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 289, ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้ใดเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปถึงแก่ความตาย มาตรา 309, 313, ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มาตรา 310

ฐานร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป มาตรา 139, 140, ฐานเป็นซ่องโจร โดยสมคบกันเพื่อกระทำผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิต มาตรา 210, ฐานร่วมกันพยายามข่มขืนใจผู้อื่น ให้กระทำการใดโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป มาตรา 213, ฐานร่วมกันซ่อนเร้น ทำลายศพเพื่อปิดบังการตายและสาเหตุการตาย มาตรา 199, ฐานร่วมกันกระทำการใด ๆ แก่ศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นเพื่ออำพรางคดี


โดยอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3 ได้ยื่นฟ้องจำเลยทั้งหกเมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2563 จำเลยที่ 2-6 ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ สำหรับนายณรงค์ศักดิ์ จำเลยที่ 3 แถลงให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยทนายความจำเลยที่ 3 ขอยื่นคำให้การในวันนัดตรวจหลักฐาน ส่วน พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 ขณะนี้ถูกแยกไปขังยังเรือนจำกลางบางขวาง ภายหลังจากมีข่าววางแผนเพื่อหลบหนีออกจากเรือนจำและจับตัวประกัน วันนี้ (14 ก.ย.)นัดพร้อมเพื่อตรวจพยานหลักฐานและกำหนดวันนัดพิจารณา

อัยการโจทก์, น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ โจทก์ร่วม จำเลยทั้งหก เเละนายบัญชา ชัยจำ ทนายจำเลยที่ 1 นายธนากร คูณคำ ทนายจำเลยที่ 1 และในฐานะผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยที่ 2 น.ส.สุญญตา พูลทรัพย์ ทนายจำเลยที่ 3 นายชัย วจีสัจจะ ผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยที่ 4 และที่ 5 และนายสมนึก โพธิ์ทะเล ทนายจำเลยที่ 6 มาศาล

ตามที่ศาลกำหนดวันนัดสืบพยานที่โจทก์และจำเลยทั้งหกอ้างตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 25 มิถุนายน 2563 ไปแล้วนั้น เนื่องจากจำเลยที่ 1,2,4,5 ยื่นคำให้การใหม่ โดยจำเลยที่ 1 พ.ต.ท.บรรยิน ยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิมที่ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เป็นให้การรับสารภาพ ตามคำให้การฉบับลงวันที่ 19 สิงหาคม 2563 ว่าจำเลยที่ 1 ได้ก่อเหตุในคดีนี้จริง โดยร่วมกับจำเลยที่ 3 จัดเตรียมอุปกรณ์ เช่น น้ำมัน ยางรถยนต์ สังกะสี อิฐบล็อก เพื่อไปใช้เผาทำลายศพนายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ โดยนำอุปกรณ์ดังกล่าวไปไว้ยังจุดเกิดเหตุที่เผาศพนายวีรชัย ที่บริเวณเขาใบไม้ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563 การเตรียมการดังกล่าวต้องการจับตัวนายวีรชัยมาเพื่อบังคับ ขู่เข็ญ และต่อรองคดีกับนางสาวพนิดา ศกุนตะประเสริฐ โจทก์ร่วมในคดีนี้ ซึ่งเป็นผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีอาญาหมายเลขดำ ที่ อ.305/2561 ของศาลอาญากรุงเทพใต้


จำเลยที่ 1 มีเจตนาจะนำตัวนายวีรชัยไปกักขังไว้ที่บ้านพักที่ใช้สำหรับหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอตาคลี และหากหลังจากจับตัวนายวีรชัยมาขังไว้แล้ว การต่อรองและบังคับขู่เข็ญกับนางสาวพนิดาไม่สำเร็จผล โดยนางสาวพนิดาไม่ทำตามข้อเรียกร้อง จำเลยที่ 1 อาจต้องฆ่านายวีรชัยและเผาทำลายศพ

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 จำเลยที่ 1 กับพวก ได้จับกุมตัวนายวีรชัยขึ้นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นสปอร์ตไรเดอร์ คันเกิดเหตุ เพื่อนำตัวไปกักขังและต่อรองกับนางสาวพนิดา โดยจะนำตัวนายวีรชัยไปบ้านพักที่อำเภอตาคลี ระหว่างเดินทางนายวีรชัยดิ้นรนขัดขืนการควบคุมตัวขณะนั่งอยู่ที่เบาะหลังกับจำเลยที่ 4 และที่ 5 จำเลยที่ 3 ซึ่งนั่งอยู่เบาะหน้าด้านซ้าย ได้หันไปชกต่อยนายวีรชัยเพื่อให้หยุดการดิ้นรนขัดขืน เป็นเหตุให้นายวีรชัยถึงแก่ความตาย ทั้งที่การต่อรองกับนางสาวพนิดายังไม่บรรลุผลตามข้อเรียกร้อง จำเลยที่ 1 รับว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 3 ติดตามตัวนายวีรชัยและนางสาวพนิดาในช่วงวันที่ 7, 8, 12, 13, 14, 15, 16, 17 และ 20 มกราคม 2563 จริง และรับว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 คุมตัวนายวีรชัยจากหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยจำเลยที่ 1 แต่งกายชุดตำรวจและเป็นผู้ขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นสปอร์ตไรเดอร์คันเกิดเหตุจริง โดยมีจำเลยที่ 3 นั่งเบาะหน้าด้านซ้ายข้างคนขับ ส่วนจำเลยที่ 4 และที่ 5 นั่งเบาะหลังรถคันดังกล่าว เพื่อควบคุมตัวนายวีรชัย

ระหว่างควบคุมตัวนายวีรชัยอยู่บนรถ และขณะกำลังขับรถ มีเสียงโทรศัพท์เรียกเข้ามายังโทรศัพท์ของนายวีรชัยรวม 3 ครั้ง จำเลยที่ 3 เป็นผู้พูดโต้ตอบกับบุคคลปลายสาย เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถถึงทางแยกจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเลยจากแยกบางบัวทองไปแล้ว ได้จอดรถลงไปปัสสาวะ มีจำเลยที่ 3 ตามไปด้วย ระหว่างอยู่นอกรถ มีเสียงโทรศัพท์ของนายวีรชัยดังขึ้น จำเลยที่ 3 จึงรับโทรศัพท์และพูดคุยกับผู้ที่โทรศัพท์เข้ามา ซึ่งทางนางสาวพนิดายอมที่จะทำการตามที่พูดในคลิปเสียง แต่ขอคุยกับพี่ชายก่อน

จากนั้นจำเลยที่ 1และที่ 3 ได้ขึ้นมาบนรถยนต์คันดังกล่าว เพื่อให้นายวีรชัยพูดคุยกับบุคคลที่โทรศัพท์เข้ามา แต่ปรากฏว่านายวีรชัยไม่สามารถพูดสายได้ เข้าใจว่านายวีรชัยได้เสียชีวิตไปแล้ว แล้วจำเลยที่ 3 ได้ปิดโทรศัพท์ของนายวีรชัย และไม่ได้ใช้โทรศัพท์ติดต่อกับใครอีกเลย

จำเลยที่ 1 ขอให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับจำเลยที่ 3 นำศพนายวีรชัยไปทำการเผาเพื่อทำลายที่บริเวณเขาใบไม้ อำเภอตาคลี ตามที่โจทก์ฟ้องจริง และขอให้การรับว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 3 ขับรถนำเถ้ากระดูก สังกะสี เศษยางรถยนต์ อิฐบล็อก ไปทิ้งตามจุดต่างๆ คือ ริมถนนข้างทางใกล้หมู่บ้านนิคมเขาบ่อแก้ว บริเวณใกล้สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาของหมู่บ้านกลางแดด อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ จริง ส่วนจำเลยที่ 3 เป็นผู้นำโทรศัพท์ กระเป๋าสตางค์ของนายวีรชัย และแผ่นป้ายทะเบียนรถไปทิ้งที่แม่น้ำปิงผู้เดียว

จำเลยที่ 1 ไม่มีเจตนาจะก่อเหตุดังกล่าวเพื่อกระทบกระทั่งต่อองค์กรศาล หรือก้าวล่วง หรือดูหมิ่นเหยียดหยามองค์กรศาล แต่เป็นเรื่องเฉพาะตัวด้วยเห็นว่า น.ส.พนิดา ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนในคดีอาญาของศาลอาญากรุงเทพใต้ ทำหน้าที่อย่างลำเอียง ขาดความเที่ยงธรรม และมีอคติกับจำเลยที่ 1 ในระหว่างการพิจารณาคดีดังกล่าวโดยตลอด ทำให้เกิดความกดดันและขาดสติยั้งคิดจึงได้กระทำความผิดในคดีนี้

จำเลยที่ 2 ยื่นคำให้การไม่ระบุวันที่ ขอถอนคำให้การเดิมที่ให้การปฏิเสธ เป็นให้การภาคเสธว่า ไม่ได้ร่วมหรือรับรู้ในการตระเตรียมการกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 ที่เตรียมซื้อน้ำมัน สังกะสี ยางรถยนต์ และอิฐบล็อก ไปเพื่อเผาอำพรางศพนายวีรชัย ไม่มีส่วนร่วมประชุมหรือรับรู้ในการแบ่งหน้าที่กันทำในการก่อเหตุครั้งนี้ ทั้งอั้งยี่หรือซ่องโจร ไม่ได้ร่วมประชุมขณะอยู่บ้านเลขที่ 9/3 ซอยคลังมนตรี ก่อนที่จะไปจับตัวนายวีรชัยที่หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ ไม่ได้ไปร่วมไปจับกุมตัวนายวีรชัยที่หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ ไม่ได้ร่วมบังคับขู่เข็ญและหน่วงเหนี่ยวกักขัง น.ส.พนิดา และนายวีรชัย ไม่ได้ร่วมฆ่าโดยไตร่ตรอง ไม่ได้เรียกค่าไถ่จนเป็นเหตุให้นายวีรชัยถึงแก่ความตาย ไม่ได้แต่งกายเป็นเจ้าพนักงานตำรวจและแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ไม่ได้ไปร่วมเผาทำลายศพนายวีรชัยที่เขาใบไม้ ไม่ได้นำชิ้นส่วนเถ้ากระดูกและกระดูกของศพนายวีรชัยและเศษวัสดุไปทิ้งข้างทางหรือแม่น้ำเจ้าพระยา และไม่ได้นำกระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์ของนายวีรชัยโทรศัพท์ของจำเลยที่ 3 กับแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ไปทิ้งที่แม่น้ำปิง

จำเลยที่ 4 และที่ 5 ยื่นคำให้การ รับสารภาพว่า ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 ข่มขืนใจนายวีรชัยโดยใช้กำลังประทุษร้ายจับตัวนายวีรชัยขึ้นรถยนต์โตโยต้า รุ่นสปอร์ตไรเดอร์คันเกิดเหตุ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังนายวีรชัย ให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309 วรรคแรก มาตรา 310 วรรคแรก จริง แต่ไม่ได้ทำร้ายนายวีรชัย ส่วนข้อหาอื่นนั้นจำเลยที่ 4 และที่ 5 ขอให้การปฏิเสธเสียทั้งสิ้น เมื่อข้อเท็จจริงเปลี่ยนเเปลงศาลยกเลิกวันนัดสืบพยานหลักฐานตามที่กำหนดไว้เดิม และกำหนดวันนัดสืบพยานหลักฐานใหม่ ในช่วงเดือนตุลาคม 2563.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

“จิรายุ” ไม่เชิญแล้ว “ไมเคิล” บอก “จบข่าวไม่ต้องมาเหยียบแผ่นดินไทย”

กทม. 17 ส.ค. – “จิรายุ” ยันรัฐบาลเตรียมนำสื่อระดับโลกลงพื้นที่กองกำลังสุรนารี ดูจุดกัมพูชาถล่มพื้นที่พลเรือน ส่วนกรณี “ไมเคิล” บอก “จบข่าว” ไม่เชิญมาแล้ว หลังอ้างตัวเป็น “สื่อประจำทำเนียบขาว” ที่แท้เป็นล็อบบี้ยิสต์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่ารัฐบาลเตรียมนำสื่อมวลชนระดับโลกลงพื้นที่กองกำลังสุรนารี จังหวัดสุรินทร์ สัปดาห์หน้า ในจุดที่ไทยถูกอาวุธหนักของกัมพูชาถล่ม อาทิ โรงพยาบาล โรงเรียนและพื้นที่พลเรือน จากนั้นจะเชิญสื่อมวลชนระดับโลกไปยังพื้นที่ที่รวบรวมกับระเบิดที่เจ้าหน้าที่เก็บกู้ได้โดย TMAC ก่อนจะให้ชมการปฏิบัติการทำลายวัตถุระเบิดที่ตกค้างจากการรุกล้ำอธิปไตยไทย ส่วนกรณีสำนักข่าวของกัมพูชารายงานข่าวของนายไมเคิล อัลฟาโร ชาวสหรัฐ ที่ไลฟ์สดชายแดนกัมพูชา-ไทย ด้วยการเซตฉากและกล่าวอ้างว่าตนเองเป็นสื่อมวลชนประจำทำเนียบขาวของสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่คืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และกล่าวหาประเทศไทย ด้วยถ้อยคำรุนแรง ใส่ร้ายป้ายสีไทยด้านเดียว “สัปดาห์ที่แล้วอยากเชิญนายไมเคิลที่กล่าวอ้างว่าเป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาว อยากให้มาเห็นของจริงในฝั่งไทยที่โดนเขมรถล่มหนักแค่ไหน นายไมเคิลมีการไลฟ์สดพูดโกหกใส่ร้ายป้ายสีไทยไปทั่วโลก และบอกว่าตนเองเป็นสื่อรัฐบาลสหรัฐ จะฟ้องประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งตนเห็นว่าหากมาเห็นอีกมุมที่ประเทศไทยโดนกัมพูชาโจมตีทั้งโรงเรียน พื้นที่พลเรือนและโรงพยาบาล ก็เป็นประโยชน์หากเป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาวจริง แต่ขณะนี้พบว่านายไมเคิล ไม่ได้เป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาวจริง แถมยังแอบอ้างถึงประธานาธิบดีสหรัฐ วันนี้ตนจึงขอบอกว่า “จบข่าว” ไม่ต้องมาเหยียบแผ่นดินไทยต่อไป” นายจิรายุ กล่าว. -สำนักข่าวไทย

ศูนย์ทุ่นระเบิดจบภารกิจหนุนชายแดน เก็บกู้สรรพาวุธตกค้างกว่า 800 ลูก

17 ส.ค. – ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดฯ สิ้นสุดภารกิจวันนี้ (17 ส.ค. 68) หลังสนับสนุนการเก็บกู้ระเบิดจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเก็บกู้สรรพาวุธตกค้างกว่า 800 ลูก ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC สิ้นสุดภารกิจวันนี้ (17 ส.ค. 68) หลังสนับสนุนการเก็บกู้ระเบิดจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 1-16 สิงหาคมที่ผ่านมา TMAC ได้เก็บกู้สรรพาวุธที่ตกค้างกว่า 800 ลูก ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ประกอบด้วย กระสุน BM-21 ลูกปืนใหญ่ ปืน ค จรวด ก่อนหน้าสถานการณ์ตึงเครียด กัมพูชาขัดขวางการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ไม่จริงใจแก้ปัญหา ทั้งที่เป็นประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา ที่ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล สำหรับอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายจากเหตุปะทะ 81 หลังคาเรือน […]

ตรวจสอบ รร.ประถม “พระอลงกต” ไม่ปรากฏชื่อ

ขอนแก่น 17 ส.ค.- กองปราบจ่อประชุมคณะทำงานคดี “หมอบี” เชื่อเจ้าตัวไม่หนี ขณะที่ทนายวัดพระบาทน้ำพุเลื่อนแถลงข่าว อ้างเอกสารชี้แจงยังไม่เรียบร้อย ตรวจสอบโรงเรียนประถม “พระอลงกต” ไม่ปรากฏชื่อ กรณีเพจดังตั้งข้อสงสัยวุฒิการศึกษาพระอลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ อ้างว่าปี 2518 ยังเรียน มศ.2 จะจบวิศวฯ ปี 2519 ได้อย่างไร ผู้สื่อข่าวสอบถามแหล่งข่าวในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) ให้ข้อมูลว่ากรณีพระอลงกต ระบุว่าจบการศึกษาที่โรงเรียนระดับประถม(นันทวิทยาลัย) ปรากฏว่าไม่มีชื่อโรงเรียนนี้อยู่ในสังกัดสำนักงานเขตของพื้นที่ทั้ง 26 อำเภอ ใน จ.ขอนแก่น หรือถ้ามี ก็อาจจะปิดตัวไปแล้ว   ส่วนระดับมัธยมศึกษานั้น ข้อมูลยืนยันว่า พระอลงกต ศึกษาจบระดับชั้น มศ.2 ที่โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย จังหวัดขอนแก่นจริง มีศิษย์เก่าทั้งระดับชั้นเดียวกัน และรุ่นพี่รุ่นน้องต่างยืนยันว่า พระอลงกต จบจากโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยจริง ในปี 2518 แต่ยังสงสัยในระดับปริญญาตรีว่าจะจบจริงหรือไม่   เชื่อ “หมอบี” ยังไม่หลบหนี พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ […]

รวบแล้ว “ลุงคลั่ง” ใช้ไม้หน้าสามตีหลานสาวดับ

ตรัง 17 ส.ค.- ตำรวจ สภ.ห้วยยอด รวบลุงคลั่งใช้ไม้หน้าสามฟาดหลานสาวแท้ๆ เสียชีวิตคาบ้านพัก สารภาพอ้างแค้นใจสะสมมานาน มีปากเสียงบ่อยครั้ง ตำรวจ สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง คุมตัวนายสุริยัณห์ อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้ไม้หน้าสาม กระหน่ำตี น.ส.ปาริชาติ หรือน้องเชียร์ อายุ 21 ปี นักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 3 ซึ่งเป็นหลานสาวแท้ๆ ของตัวเองจนเสียชีวิตภายในบ้านพัก จากนั้นหลบหนีขึ้นไปบนเขา คลองมวน  ต.หนองปรือ อ.รัษฎา เจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าปิดล้อมภูเขา ก่อนจับกุมตัวได้พร้อมของกลางไม้หน้าสามเปื้อนเลือด ความยาวประมาณ 60 เซนติเมตร  สอบสวนนายสุริยัณห์ รับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุจริง โดยอ้างว่ามีปัญหากับหลานสาวมานาน มักมีปากเสียงบ่อยครั้ง วันเกิดเหตุได้บุกเข้าไปในห้อง ใช้ไม้หน้าสามฟาดเข้าที่ท้ายทอยของหลานสาว 6–7 ครั้งจนเสียชีวิต ก่อนหลบหนีออกจากบ้าน ผู้ต้องหาระบุว่า เคยทำงานเป็นช่างสักตามเกาะท่องเที่ยว เช่น เกาะพะงัน และเกาะพีพี แต่มีปัญหาจึงกลับมาอยู่บ้าน มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเคยถูกส่งตัวเข้าบำบัดหลายครั้ง ขณะถูกสอบสวนยังสามารถโต้ตอบคำถามได้ปกติ แต่ไม่มีท่าทีสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป สำหรับศพของ “น้องเชียร์” ล่าสุด […]