กทม.27 ส.ค.- มิจฉาชีพหลอกเอาข้อมูลส่วนตัวไปสร้างหลักฐานเท็จจากอาชีพขายถ่านกลายเป็นวิศวกรไฟฟ้ายื่นกู้เงินซื้อคอนโดฯแล้วขาดส่ง ทางธนาคารทวงหนี้ จึงรู้ว่าถูกหลอก
พลตำรวจตรีไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ แถลงจับกุมนางสาวภิชญาพร และพวกรวม 4 คน หลอกลวงเหยื่อรายหนึ่งว่าจะหาแหล่งเงินทุนให้เพื่อนำไปทำธุรกิจ โดยการกู้สินเชื่อจากธนาคาร แต่ต้องให้ข้อมูลและเอกสารส่วนตัวไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อทำธุรกรรม แต่ปรากฎว่ากลับนำข้อมูลไปเปลี่ยนแปลงกู้ซื้อคอนโดมิเนียมแทน โดยที่ผู้เสียหายไม่รู้เรื่อง และผิดวัตถุประสงค์
ผู้เสียหายรายนี้ เป็นชายมีอาชีพเผาถ่านขายอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรี เล่าว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้ได้หลอกล่อนำข้อมูลส่วนตัวไปกู้สินเชื่อธนาคารแห่งหนึ่ง เพื่อซื้อคอนโดมิเนียมหรูย่านบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ราคากว่า 2 ล้าน 2 แสนบาท ทั้งที่บอกว่าจะนำไปกู้สินเชื่อเป็นเงินสด มารู้ตัวอีกก็เป็นหนี้ธนาคาร แถมยังไม่ได้เงินสักบาท
พันตำรวจเอกภาดล จันทร์ดอน ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาได้นำข้อมูลของเหยื่อไปเปลี่ยนโปรไฟล์ ปลอมเอกสาร สร้างหลักฐานเท็จ จนเข้าไปอยู่ในระบบประกันสังคม จากคนเผาถ่านขาย กลายเป็นวิศวกรไฟฟ้าบริษัทแห่งหนึ่ง มีหนังสือรับรองเงินเดือนจากบริษัท มีรายได้กว่า 5 หมื่นบาท จากนั้นผู้ต้องหาก็นำหลักฐานทั้งหมดไปทำเรื่องกู้ซื้อคอนโดมิเนียมที่ราคาต่ำกว่าราคาจริง เพราะยุคเศรษฐกิจตกต่ำในปัจจุบันทำให้โครงการคอนโดมิเนียมหลายแห่ง จัดโปรโมชั่นลดราคา
เมื่อธนาคารตรวจสอบ เห็นว่าข้อมูลส่วนตัวน่าเชื่อถือ จึงอนุมัติให้กู้ จากนั้นผู้ต้องหาก็จะนำเงินส่วนต่างที่เกินราคาจริงเก็บไว้ โดยกรณีนี้กู้ธนาคารมา 2 ล้าน 2 แสนบาท แต่ราคาคอนโดมิเนียม 1 ล้าน 7 แสนบาท จึงได้ส่วนต่างไปกว่า 4 แสนบาท จากนั้นผู้ต้องหาก็จะผ่อนชำระไปสักระยะหนึ่ง เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต ก่อนจะปล่อยทิ้งไม่ชำระค่างวดต่อ กลายเป็นหนี้เสีย หรือ NPL สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ
นายกฤษณ์ ไพโรจน์กีรติกุล ผู้อำนวยการสืบสวนสอบสวนภายนอกองค์กร ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อลูกค้าไม่ผ่อนชำระก็ต้องยึดคอนโดมิเนียมเพื่อขายทอดตลาด ขาดทุนก็ต้องยอม เป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ ที่สถานบันการเงินต้องระวังให้ดี.-สำนักข่าวไทย