ตร.ตรวจจุดเกิดเหตุ กลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถหรูป้ายแดง บุกยิงถล่มคู่อริ

กรุงเทพฯ 1 ส.ค.-  ตำรวจ ลงพื้นที่ ตรวจสอบเหตุ กลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถหรู ป้ายแดง  ยิงถล่มคู่อริ ที่บ้านพักย่านพุทธมณฑลสาย 2 เบื้องต้นพบรถหรูป้ายแดงเช่ามาก่อเหตุ   ส่วนมูลเหตุคาดเกิดจาก กลุ่มผู้ก่อเหตุ ไม่พอใจ ที่ผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดี หลังมีการนำชื่อผู้เสียหายไป  แอบอ้างขายหน้ากากอนามัย แต่ไม่ส่งสินค้าให้ลูกค้า     


พันตำรวจเอกนครินทร์ สุคนธวิท  รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 พร้อมตำรวจ สน.หลักสอง  ลงพื้นที่ตรวจสอบ  เหตุยิงกันในซอยพุทธมณฑลสาย 2 แยก 11 เขตบางแค    มีผู้บาดเจ็บ  1 คน  เหตุเกิดเมื่อคืนที่ผ่านมาและสอบปากคำนายธนกฤต  สถิจชวา หรือ เสี่ยตี๋ ซึ่งอ้างเป็นฝ่ายเสียหายและลูกน้อง ที่อยู่ในเหตุการณ์เพิ่มเติม รวมถึงเก็บพยานหลักฐานเป็นหัวกระสุนไม่ทราบขนาดตกอยู่  บริเวณบ้านของประชาชน ในละแวกดังกล่าว และ นำกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุกลับไปตรวจสอบ

ขณะเดียวกันกองพิสูจน์หลักฐานได้เข้าเก็บดีเอ็นเอ จากรถปอร์เช่  สีเหลือง ของผู้ก่อเหตุ ที่จอดทิ้งไว้ และตรวจสอบ ลายนิ้วมือแฝง แนววิถีกระสุน  เบื้องต้นพบรอยกระสุน 15 รู ส่วนใหญ่ถูกยิงจากด้านหลังรถ และเจ้าหน้าที่เก็บปลอกกระสุนลูกซอง 5 ปลอก ปลอกกระสุน 9 มม.อีก 3 ปลอกไปตรวจสอบนอกจากนี้ในกล่องเก็บของในรถยังพบมีดพับอีก 2 เล่ม


ด้านนายธนกฤต เล่าว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา กลุ่มคู่กรณีบุกเข้ามาซอยบ้านกว่า10คนยิงปืนใส่ก่อนจึงยิงตอบโต้ไปจนถึงปากซอย  ก่อนจะมีรถโตโยต้าแคมรี่และอัลพาร์ดมาสมทบ จึงไล่ไปอีก หลังจากนั้นก็รอตำรวจมาถึง ส่วนมูลเหตุจูงใจ ไม่ใช่เรื่องถุงมือ หรือหน้ากากอนามัย ที่มีข่าวออกไปก่อนหน้านี้ แต่เป็นเรื่องที่ฝั่งคู่กรณีไปฉ้อโกงคนอื่นมีผู้เสียหายจำนวนมากมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า10 ล้านบาท ซึ่งคู่กรณีก็ไม่พอใจที่ตนเองไปร่วม เป็นผู้เสียหายดำเนินคดีด้วย  คู่กรณีจึงโพสต์เฟซบุ๊กและโทรศัพท์ท้าทายก่อนจะบุกมาเคลียร์ปัญหาแต่เมื่อมาถึงก็ยิงใส่ทันที ยืนยันว่าไม่ได้รู้จักหรือสนิทสนมกับคู่กรณีมาก่อน 

พันตำรวจเอกนครินทร์ เปิดเผยว่า คดีนี้มีประเด็นสอบสวนหลายประเด็นโดยเฉพาะประเด็นเรื่องธุรกิจซื้อขายหน้ากากอนามัย ซึ่งผู้เสียหายยังให้การไม่ชัดเจน  ส่วนกลุ่มก่อเหตุ ที่บาดเจ็บ อยู่ในการดูแลของแพทย์ ยังไม่สามารถเข้าไปสอบปากคำได้

มีรายงานว่ามูลเหตุแท้จริงเกิดจากการ กลุ่มผู้ก่อเหตุ นำชื่อผู้เสียหายไปแอบอ้างขายหน้ากากอนามัยแต่ไม่ส่งของให้ลูกค้าสร้างความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท ผู้เสียหายจึงรวบรวผู้เสียหายรายอื่นๆไปแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งทีมสืบสวนจะนำประเด็นดังกล่าวไปตรวจสอบว่าเชื่อมโยงกับผู้ดำรงตำแหน่งของพรรคการเมืองดัง ที่เคยถูกดำเนินคดี   หลอกขายหน้ากากอนามัยหรือไม่  ส่วนรถปอร์เช่ป้ายแดง  พบว่า  กลุ่มผู้ก่อเหตุเช่ามาซึ่งเมื่อคืนนี้ได้มีเด็กเต็นท์รถเข้ามานำรถกลับไป แต่ตำรวจเห็นท่าทางมีพิรุธเมื่อตรวจปัสสาวะพบว่าเสพยาเสพติดมาจึงจับกุมดำเนินคดีแยกเป็นอีกส่วนและก่อนหน้านี้นายเดชา กิตติวรานนท์ ทนายความชื่อดัง ยอมรับว่าเคยมีผู้เสียหายกว่า 100 คน มาติดต่อทีมงานให้ช่วยทำคดีที่ถูกหลอกให้สั่งซื้อหน้ากากอนามัย  แต่ยังไม่ได้รับทำคดีให้ -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย