5 ก.ย. – ตำรวจ ปปป. ลุยจับประธานและผู้จัดการนิติบุคคลหมู่บ้านหรูย่านบางขุนเทียน และเจ้าหน้าที่สำนักงานเขต รวม 4 คน พบพฤติกรรมติดสินบนนำรถหลวงมาใช้
พ.ต.อ.เพิ่มวุฒิ ประทุมราช ผู้กำกับการ 1 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. นำกำลังเข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการทุจริตฉ้อโกงรวม 4 คน ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตบางขุนเทียน และคณะกรรมการนิติบุคคลหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่ง หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าผู้ต้องหาทั้งหมดมีพฤติกรรมทุจริตโดยการนำรถหลวงหรือทรัพย์สินของราชการมาใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน เจ้าหน้าที่จึงสืบสวนและพบพยานหลักฐานที่ยืนยันการกระทำผิดจริง
โดยเป้าหมายหลักตรวจค้นที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านบางขุนเทียน เจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุม นายอลงกรณ์ อายุ 58 ปี ประธานนิติบุคคลหมู่บ้านฯ และ น.ส.นิพาภรณ์ อายุ 38 ปี ผู้จัดการนิติบุคคลฯ ที่บ้านพักภายในหมู่บ้านเดียวกัน โดยทั้งคู่ถูกตั้งข้อหา “สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต” และถูกควบคุมตัวไปสอบสวนที่สถานีตำรวจนครบาลเทียนทะเล
ในเวลาต่อมา ผู้ต้องหาอีก 2 คน ที่เป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตบางขุนเทียน คือ นายยอดชาย อายุ 51 ปี และนายชาญวิทย์ อายุ 48 ปี ซึ่งถูกตั้งข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต” ติดต่อขอเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปปป. ที่กองบังคับการ บก.ปปป.
จากการตรวจสอบพบว่า นายอลงกรณ์ และ น.ส.นิพาภรณ์ จ่ายเงินสินบนให้กับนายยอดชาย และนายชาญวิทย์ เจ้าหน้าที่สำนักงานเขต เพื่อให้นำรถบีบอัดขยะไฮโดรลิก ซึ่งเป็นทรัพย์สินของหลวงมาใช้ขนกิ่งไม้ขนาดใหญ่ของหมู่บ้านแทนการว่าจ้างรถ 6 ล้อทั่วไป วิธีนี้ทำให้มีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า และสามารถแต่งบัญชีเพื่อเบิกเงินส่วนกลางจากบัญชีนิติบุคคลในราคาที่สูงเกินจริงได้ โดยส่วนต่างที่ได้จะนำไปแบ่งปันกัน นอกจากนี้ การนำรถบีบอัดขยะมาใช้บีบอัดกิ่งไม้ยังเป็นการใช้งานผิดประเภท ซึ่งอาจทำให้ตัวรถ ซึ่งเป็นทรัพย์สินของราชการได้รับความเสียหายได้
จากการสอบถามลูกบ้านในหมู่บ้าน พบว่าตั้งแต่ที่นายอลงกรณ์ เข้ามาเป็นกรรมการนิติบุคคลในปี 2558 ได้มีพฤติกรรมเป็นใหญ่ ทะเลาะกับลูกบ้านอยู่เป็นประจำ และยังพบว่ามีการแต่งบัญชีทำเอกสารค่าใช้จ่ายเท็จ เพื่อเบิกเงินส่วนกลางเข้ากระเป๋าตัวเอง ที่ผ่านมาหากลูกบ้านคนใดพยายามตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของนิติบุคคล นายอลงกรณ์จะใช้เงินส่วนกลางว่าจ้างทนายความเพื่อฟ้องร้องลูกบ้านในข้อหาหมิ่นประมาท ทำให้ปัจจุบันมีลูกบ้านกว่า 10 ราย ถูกนิติบุคคลฟ้องเพื่อปิดปาก นอกจากนี้ยังมีลูกบ้านบางรายที่ถูกข่มขู่ ถูกขับรถเฉี่ยว หรือถูกทำร้ายร่างกายภายในสำนักงานนิติบุคคล จนทำให้ลูกบ้านส่วนใหญ่ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดระแวงในทุกวันนี้.-416-สำนักข่าวไทย