1 ส.ค. – อัยการเตรียมเรียกสอบพยาน 6 ปาก ปมคลิปเสียงสนทนา “แพทองธาร-ฮุนเซน” คาดส่งให้อัยการสูงสุดชี้ขาดได้ ส.ค.นี้ ตร.ยันมีหลักฐานเอาผิดมือโพสต์ได้ ล่าสุดพบ 4 แอดมินดูแลเพจ
การประชุมหารือระหว่างอัยการสูงสุดกับตำรวจไซเบอร์ นัดแรก คลิปเสียงการพูดคุย ระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ภายหลังประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง ที่ประชุมได้ข้อสรุปจะมีการสอบปากคำพยาน 6 ปาก ปมคลิปเสียงการพูดคุย โดยเป็นพยานคนไทยทั้งหมด อาทิ นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ผู้กล่าวหาร้องทุกข์, พยานทางเฟซบุ๊ก, พยานที่เป็นกลางผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประกอบกับพยานหลักฐานคลิปเสียง และตำรวจพิสูจน์หลักฐาน
ส่วนมีการเรียกสอบปากคำนายกรัฐมนตรี ยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น เนื่องจากจะต้องสอบปากคำฝ่ายผู้ร้องให้แล้วเสร็จก่อน และพยานที่เกี่ยวข้องว่าเข้าองค์ประกอบความผิดหรือไม่ ส่วนประเด็นการสอบปากคำ การปล่อยคลิปเสียงสนทนาออกมาส่งผลให้เกิดการยุยง สร้างความแตกแยกให้คนไทย ตาม ม.116 หรือไม่ รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นริมชายแดน และข้อมูลเชิงลึกของเฟซบุ๊ก ว่ามีฮุน เซน เป็นผู้ใช้ เป็นมือโพสต์คลิปเสียงหรือไม่ ซึ่งทางตำรวจไซเบอร์ยืนยันว่าสามารถตรวจสอบได้ และแนวทางการสอบสวนต้องตรวจสอบพิสูจน์ให้ได้ว่าเป็นการกระทำของสมเด็จฮุน เซน หรือไม่ และเป็นความผิดตามกฎหมายอาญาของไทยหรือไม่
ทั้งนี้ การสอบปากคำพยานกลุ่มดังกล่าวจะให้เล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้า แต่หากสอบพยานทั้งหมดแล้ว ยังไม่เพียงพอจะเรียกพยานสอบเพิ่มอีก คาดจะทำความเห็นทางคดี เสนอต่ออัยการสูงสุด เพื่อสั่งฟ้องหรือไม่ แล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคมนี้ ยืนยันการทำคดีนี้ไม่ล่าช้าแน่นนอน
สำหรับขั้นตอนหากพบมีการกระทำความผิดจริง ทางศาลอาญาจะออกหมายจับ และส่งหมายไปยังตำรวจสากล (INTERPOL) เพื่อให้ติดตามและจับกุมผู้ต้องสงสัยกลับมาดำเนินคดี ส่วนในคลิปเสียงที่มีการการพาดพิงถึงแม่ทัพภาค 2 เป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ทางอัยการไม่ขอก้าวล่วง
ด้าน พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ยืนยันทางตำรวจมีพยานหลักฐาน และสามารถตรวจสอบได้ว่าใครเป็นผู้โพสต์เฟซบุ๊ก รายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ตรวจสอบพบว่ามีแอดมิน 4 คน ที่ดูแลเพจที่โพสต์คลิปเสียง ซึ่งวันที่โพสต์อยู่ในประเทศกัมพูชา ส่วนคลิปเสียงที่มีการเผยแพร่กระจายออกไป อาจเป็นทางแอปกลุ่มสนทนาไม่ใช่ทางเฟซบุ๊กก็ได้ ซึ่งการทำคดีจะโฟกัสที่เฟซบุ๊กเป็นหลัก ตามที่มีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ
ทั้งนี้ หากผู้ถูกกล่าวหาอาจอ้างว่าเป็นเฟซบุ๊กปลอมที่เผยแพร่คลิป ก็เป็นสิทธิแต่ทางตำรวจมั่นใจพยานหลักฐานที่พบชัดเจนว่าเป็นฝีมือใครที่โพสต์และใครมีส่วนร่วมกระทำผิด.-416-สำนักข่าวไทย