30 ก.ค. – พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ระบุว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดน พบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มาหลอกลวงพี่น้องประชาชนไม่ได้ลดน้องลงไป และจากข้อมูลที่มี รวมถึงที่ได้ไปดูที่ จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังพบมีคนไทยที่หลบหนีข้ามแดนไปส่วนใหญ่ทำงานที่บ่อนปอยเปต หรือไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อย่างผิดกฎหมายประมาณ 1,000 คน จะเดินทางกลับเข้ามา ซึ่งชุดที่กลับมาพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับเคสไอดีรวมแล้วประมาณ 800 คดี ซึ่งคนที่พบมีหมายจับอยู่แล้วก็ได้ดำเนินคดีตามกฏหมาย และได้รับการประสานอีกว่าในวันรุ่งขึ้น (27 ก.ค.) จะมีคนไทยกลับข้ามแดนมาอีกกว่า 1,000 คน แต่พอมีข่าวประกาศหยุดยิงขึ้นมา กลับพบว่ามีคนข้ามกลับมาเพียง 74 คน ส่วนที่เหลือทราบว่าน่าจะเปลี่ยนใจกลับไปทำงานเหมือนเดิม
สำหรับช่วงนี้ที่มีสถานการณ์ความไม่สงบ ก็จะพบมีการเปิดรับบริจาคให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่สู้รบ ส่วนนี้ก็ได้ให้สายตรวจไซเบอร์เฝ้าระวังหากพบก็จะทำการปิดกั้นก่อนที่จะมีผู้เสียหายเกิดขึ้น ต้องบอกว่ากลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เหล่านี้จะหาวิธีหลอกลวงโดยดูสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งในช่วงนี้มีสถานการณ์สู้รบตามชายแดนก็จะเปิดเพจ ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่ชายแดน หรือพี่น้องทหาร ก็ต้องระมัดระวังไม่ตกเป็นเหยื่อถ้าท่านต้องการที่จะบริจาคหน่วยเงินให้หน่วยงานราชการเขาก็จะมีบัญชีหน่วยงานนั้น ๆ อยู่แล้ว แต่ถึงขนาดนี้ยังไม่เห็นว่ามีการเปิดรับบริจาคในลักษณะนี้ หากท่านพบเห็นการลงขอรับบริจาคในลักษณะนี้ขอให้สงสัยไว้ก่อน และตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงก่อนจะโอนเงิน และหากจะบริจาคจริงๆ ให้ดูในแอพพิเคชั่นโมบายแบ็งค์กิ้งของทางธนาคาร ก็จะมีบัญชีรายชื่อของหน่วยงาน มูลนิธิฯ อยู่เพื่อความปลอดภัยในการถูกหลอกลวง
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงมาตรการในการเฝ้าระวังหลังทางการกัมพูชามีการโจมตีทางการข่าวอย่างต่อเนื่อง ทาง พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุว่า ตนเองได้รับคำสั่งจาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ให้ยกระดับ ศูนย์ปฏิบัติการทุกศูนย์ในความรับผิดชอบของแต่ละกองบัญชาการ ในส่วนของตำรวจไซเบอร์เองรับผิดชอบศูนย์การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งมีการประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันการถูกโจมตีหน่วยงานหรือเพจต่างๆ ของทางราชการ หรือภาคเอกชนจากนักแฮกเกอร์ทั่วไป หรือนักแฮกเกอร์ชาวต่างชาติ ด้วย. -414-สำนักข่าวไทย