22 ก.ค. – 8 ปีที่รอคอย “คดีน้องเมย” นักเรียนเตรียมทหารปี 1 เสียชีวิต ศาลทหารชั้นฎีกา พิพากษาจำคุก 4 เดือน 16 วัน รอลงอาญา 2 ปี จำเลยไม่เคยได้รับโทษ ลงโทษไปไม่เป็นประโยชน์ ให้ปรับปรุงตัวรับราชการรับใช้ชาติต่อไปจะเป็นประโยชน์มากกว่า
คดี “น้องเมย” นักเรียนเตรียมทหาร เสียชีวิตปริศนาเมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2560 ขณะศึกษาอยู่ในโรงเรียนเตรียมทหาร ใบมรณบัตรระบุเพียงว่าเกิดจาก “ภาวะหัวใจล้มแล้วเฉียบพลัน” ขณะที่คนในครอบครัวตัญกาญจน์ ยืนยันว่าเป็นการเสียชีวิตที่ผิดปกติ
จนนำมาสู่การส่งร่างผ่าพิสูจน์รอบ 2 ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม หลังผลการผ่าพิสูจน์ในรอบแรกของสถาบันพยาธิวิทยา โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า สร้างความคลางแคลงใจให้เป็นอย่างมาก กระทั่งผลการผ่าพิสูจน์รอบ 2 พบว่าสมอง ปอด และอวัยวะสำคัญหลายส่วนหายไป นอกจากนี้ยังพบรอยช้ำตามร่างกายหลายแห่ง ซึ่งจนถึงวันนี้ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน แต่ทางครอบครัวยังคงเดินหน้าฟ้องร้องผู้ที่เกี่ยวข้องในหลายคดี ด้วยหวังที่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้กับน้องเมย
ด้านการดำเนินคดีอาญานั้นแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ การดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในช่วงแรก คือวันที่ 23 ส.ค. 2560 ซึ่งมีการธำรงวินัยจนน้องเมยหมดสติ และอัยการศาลทหาร มทบ.12 ได้สั่งฟ้องจำเลย ซึ่งก็คือรุ่นพี่บังคับบัญชา ไปแล้ว 1 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างการประกันตัว
ส่วนเหตุการณ์ที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2560 ซึ่งน้องเมยอยู่ในช่วงทุเลาการฝึกตามคำสั่งแพทย์ แต่พบว่าถูกรุ่นพี่บังคับบัญชาอีกราย สั่งธำรงวินัย ทั้งที่เพิ่งลงจากกองพยาบาล โดยได้แจ้งความดำเนินคดีกับรุ่นพี่คนนี้ไปแล้วเมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา และขณะนี้อยู่ระหว่างรอการเรียกสอบปากคำของพนักงานสอบสวน สภ.บ้านนา จ.นครนายก
เหตุการณ์ที่ 3 ระหว่างวันที่ 15-17 ต.ค. 2560 การดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของน้องเมย ทั้งหมดภายใต้การใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์
ขณะที่นายพิเชษฐ พ่อของน้องเมย เปิดเผยถึงกระแสข่าวลือเกี่ยวการรับเงิน 10 ล้านบาท เพื่อให้ยุติความเคลื่อนไหวว่า ทางครอบครัวไม่เคยได้รับเงินเยียวยาใดๆ โดยที่ผ่านมาได้รับเงินจำนวน 100,000 บาท จากทางโรงเรียนเตรียมทหารเท่านั้น ที่สำคัญยังไม่มีการดำเนินคดีแพ่งกับผู้ใด จึงไม่มีทางที่จะได้เงินจำนวนดังกล่าวอย่างแน่นอน
ในส่วนแรกวันที่ 23 ส.ค. 2560 ที่มีการธำรงวินัยจนน้องเมยหมดสติและเสียชีวิต ซึ่งอัยการศาลทหาร มทบ.12 ได้สั่งฟ้องจำเลยซึ่งเป็นรุ่นพี่บังคับบัญชา 1 คน ก่อนพิจารณาให้รอกำหนดโทษเป็นเวลา 1 ปี และรุ่นพี่คนดังกล่าวกำลังจะจบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
หลังจากที่ทางพ่อและแม่เข้าไปฟังคำพิพากษาศาลช่วงเวลา 09.50 น. โดยใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง ได้ลงมาขอคัดคำพิพากษา และให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ศาลทหารชั้นฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นอุทธรณ์ ให้จำเลยได้รับโทษ แต่ต้องรอด้วย เนื่องจากจำเลยยังทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้ ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลย ศาลเห็นว่าด้วยจำเลยไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไปก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัวรับราชการ รับใช้ชาติต่อไป จะเป็นประโยชน์มากกว่า จึงให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน และลดโทษเหลือ 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท และให้รอลงอาญา 2 ปี.-สำนักข่าวไทย
