กรุงเทพฯ 10 ก.ค. – คดีหนุ่มคลั่งยายิงชาวบ้านเสียชีวิต 2 ศพ ภายในชุมชนวัดคูหาสวรรค์ ตำรวจตั้ง 2 ข้อหาหนัก มั่นใจหลักฐานชัดเจน ขณะที่ญาติผู้ตายหวั่นอ้างป่วยจิต กลัวหลุดคดี
ภาพวงจรปิดภายในชุมชมชนวัดคูหาสวรรค์ ขณะตำรวจ สน.ภาษีเจริญ กำลังเข้าจับกุมนายกิตติเดช ผู้ก่อเหตุคลั่งยิง 2 ศพ บริเวณวัดคูหาสวรรค์ แขวงภาษีเจริญ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จากภาพจะเห็นนายกิตตเดชพยายามขัดขืนและท้าทายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาระงับเหตุใช้อาวุธปืนยิง แต่ตำรวจพยายามเกลี้ยกล่อมแต่ไม่สำเร็จ ผู้ก่อเหตุได้วิ่งหนีกลับไปที่บ้านพัก ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะตามไปควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่าผู้ก่อเหตุมีอาการคลั่งยาเสพติด มีอาการหลอน ฝันว่าผู้ตายรายแรกที่เป็นหญิงชื่อหลี เล่นคุณไสย ทำของตอกตะปูใส่หัวตนเอง จึงเดินไปใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่กกหู ในขณะที่ผู้ตายกำลังซักผ้า ส่งผลให้เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ หลังจากยิงเสร็จก็เดินออกมาหน้าวัด บังเอิญเจอคนรู้จักอีกราย ชื่อติ่ง เลยยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิต ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนที่อยู่ละแวกเดียวกัน รู้จักกัน ไม่ได้เป็นคู่อริหรือเคยมีเรื่องราวต่อกัน แต่เพราะเกิดอาการคลั่งยาเลยก่อเหตุ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย
สอบถามชาวบ้านในชุมชน ทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นลูกเจ้าของโรงเรียนที่อยู่ติดกับวัด ชาวบ้านแถวนี้จะรู้จักกันหมด เพราะเขาเกิดและโตที่นี่ เมื่อก่อนนี้เป็นเด็กดี บ้านค่อนข้างมีฐานะ แต่ประมาณ 5-6 ปีที่ผ่านมา มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ได้ยินว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยาเสพติด ทำให้หลอน มักจะพกปืนแล้วมาเดินไปเดินมาในชุมชน คนแถวนี้ถ้าเห็นจะปิดบ้านหนีกันหมด แต่ยังไม่เคยเห็นคลั่งยิงแบบนี้มาก่อน ส่วนอาวุธปืนน่าจะมีติดตัวไว้นานแล้ว เพราะเคยได้ยินว่าเขาทะเลาะกับคนในชุมชน แล้วคู่กรณีตามเข้าไปหาเรื่องในโรงเรียน แต่ถูกผู้ก่อเหตุยิงจนตอนนี้กลายเป็นผู้พิการ
ขณะที่ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบ ผู้ก่อเหตุมีบัตรผู้ป่วยจิตเวช เคยเข้ารับการรักษา แต่ภายหลังไม่ได้รักษาแล้ว และไม่ได้รับประทานยาอย่างต่อเนื่อง จากการพูดคุยเบื้องต้นพบว่าผู้ก่อเหตุมีลักษณะการพูดจาไม่ปะติดปะต่อ อาจเกี่ยวข้องกับความผิดปกติทางเคมีในสมองหรือไม่นั้น ต้องให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัย
ในส่วนของการดำเนินคดีพบว่ามีการใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นจนเสียชีวิต ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมาย โดยของกลางที่ตรวจพบในบ้านมีอาวุธปืนรวม 3 กระบอก ได้แก่ ปืนขนาด .38, ปืนขนาด 9 มม. และปืนลูกซอง พร้อมกระสุนกว่า 100 นัด ซึ่งเป็นอาวุธที่มีทะเบียนถูกต้อง
สำหรับประเด็นที่อาจมีการยกข้อต่อสู้ว่าเป็นผู้ป่วยทางจิต ต้องเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์และพิจารณาในขั้นตอนต่อไป โดย สน.ภาษีเจริญ จะต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด พยานบุคคล และจัดทำสำนวนคดีอย่างรัดกุม
ส่วนกรณีที่ญาติผู้เสียชีวิตกังวลว่าผู้ต้องหาอาจหลุดคดี ยืนยันว่าได้สั่งการให้ทีมสืบสวนดำเนินการอย่างเต็มที่ และมั่นใจว่ามีพยานหลักฐานชัดเจนเพียงพอ ทั้งรายงานสอบสวน พยานบุคคล กล้องวงจรปิด และของกลางที่เกี่ยวข้องในคดี เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา และความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน พร้อมทั้งยืนยันว่าจะคัดค้านการประกันตัวอย่างแน่นอน เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นบุคคลอันตราย.-สำนักข่าวไทย