ป.ปส. 8 ก.ค. – พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วยุนายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. แถลงผลการจับกุม MR.TAN LENG CHONG อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของสิงคโปร์ นักค้ายาเสพติดรายสำคัญของสิงคโปร์ มีพฤติการณ์เป็นผู้จัดหายาเสพติด จากประเทศไทยนำเข้าสู่ประเทศสิงคโปร์ และจับกุมบุคคลในเครือข่ายชาวอินโดนีเซีย 2 คน พร้อมยาเสพติดหลายประเภท เหตุเกิดที่ รีสอร์ทที่พัก ในพื้นที่ กทม.
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า สำนักยาเสพติดกลาง ประเทศสิงคโปร์ (Central Narcotics Bureau : CNB) ประสานสำนักปราบปรามยาเสพติด ป.ป.ส. ช่วยสืบสวนติดตามบุคคลชาวสิงคโปร์ที่มีหมายจับคดียาเสพติด และหลบหนีมาอาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นบุคคลที่ทางการสิงคโปร์ต้องการนำตัวกลับมาดำเนินคดี คือ MR.TAN LENG CHONG อายุ 50 ปีผู้ต้องหาตามหมายจับสิงคโปร์ โดยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2568 ถูกทางการสิงคโปร์ออกหมายจับในข้อหาสมคบเพื่อจำหน่ายยาเสพติด มีพฤติการณ์เป็นผู้จัดหายาเสพติดจากไทยเข้าสู่สิงคโปร์ ใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งหลบซ่อนตัวและเป็นฐานปฏิบัติการค้ายาเสพติด โทษตามหมายจับของกฎหมายสิงคโปร์ คือ ประหารชีวิต
ภายหลังสืบสวนติดตามหาตัวพบว่าบุคคลดังกล่าวมีความเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี กระทั่งวันที่ 5 กรกฎาคม 2568 เจ้าหน้าที่สืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาตามหมายจับชาวสิงคโปร์เดินทางมาในพื้นที่ กทม. มีการมาพบปะกับบุคคลชาวอินโดนีเซีย เชื่อว่าเป็นการมาติดต่อประสานงานเรื่องยาเสพติด จึงร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง นำกำลังเข้าจับกุมบุคคลตามหมายจับชาวสิงคโปร์ และขยายผลตรวจสอบห้องพักของบุคคลชาวอินโดนีเซีย ผลการตรวจค้น พบชาวอินโดนีเซีย 2 คน (สามี-ภรรยา) พร้อมยาเสพติดหลายประเภท อาทิ เอ็กซ์ตาซี, คีตามีน, ไฟว์ไฟว์ จึงส่ง สน.โชคชัย ดำเนินคดี จากนั้นเจ้าหน้าที่ขยายผลตรวจค้นที่พักอาศัยของผู้ต้องหา จำนวน 2 จุด ที่ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ผลการตรวจค้นไม่พบยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันปัญหาการค้ายาเสพติดในลักษณะเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติกระจายตัวอยู่ทั่วทุกภูมิภาค ยังคงมีความพยายามลักลอบค้ายาเสพติดอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ไทยเป็นทางผ่านไปยังประเทศที่สาม ซึ่งทางสำนักงาน ป.ป.ส. ได้ดำเนินการประสานงานกับ สำนักยาเสพติดกลาง ประเทศสิงคโปร์ (CENTRAL NARCOTICS BUREAU : CNB) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลในการสืบสวนติดตามบุคคลตามหมายจับกันอย่างต่อเนื่อง โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จะพิจารณายกเลิกการตรวจลงตรา (วีซ่า) เนื่องจากบุคคลดังกล่าวมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด อันส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศไทย ซึ่ง สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานระหว่างประเทศ อาทิเช่น สิงคโปร์ เวียดนาม จีน เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฯลฯ ในการบูรณาการความร่วมมือช่วยสืบสวนติดตามจับกุมบุคคลตามหมายจับที่ใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งพำนัก หรือเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการค้ายาเสพติด รวมทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลการสืบสวนร่วมกัน จนนำมาซึ่งผลสัมฤทธิ์ ในการสืบสวนขยายผลเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติได้อย่างเป็นรูปธรรม
โดย ในวันที่ 16 ก.ค.นี้ ป.ป.ส.จะเดินทางไปรับตัวผู้ต้องหายาเสพติดคนไทยรคือ นายเตชินท์ และนายฉมัง นักค้ายาที่หลบหนีไปอยู่ประเทศเมียนมา ซึ่งทางเมียนมาได้จับกุมตัวให้ โดยทั้งสองราย มีค่าหัวมากกว่า 1.5 ล้านบาท โดยแม้หลบหนีไปก็ยังใช้โทรศัพท์สั่งยาเสพติด ซึ่งการประสานแลกเปลี่ยนที่ป.ป.ส. ส่งรายชื่อนักค้าให้เมียนมาช่วยจับกุมรวม 39 ราย และอีก 21 ราย หลบหนีไปที่ประเทศลาว ได้ส่งข้อมูลให้ทางการลาวติดตามจับกุม.-119-สำนักข่าวไทย