“กุสุมาลวตี” ร้องดีเอสไอสอบเอาผิดคดีที่ดินเขากระโดง

ดีเอสไอ 2 ก.ค. – “กุสุมาลวตี” อดีตผู้สมัคร สว. เข้ายื่นหนังสือถึง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ร้องขอให้มีการตรวจสอบและดำเนินคดีเรื่องที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และในฐานะโฆษกดีเอสไอ เป็นผู้แทนรับเรื่อง


นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีตผู้สมัคร สว. เปิดเผยว่า วันนี้ตนเดินทางมายื่นเรื่องเพื่อขอให้ดีเอสไอดำเนินคดีต่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และพรรคพวก กรณีที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งในข้อเท็จจริงแล้วกรณีเขากระโดงเป็นเรื่องที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) ในสมัยที่นายอนุทินเป็นผู้กำกับดูแลได้กระทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายที่ดิน ซึ่งตามมาตรา 60 หากเป็นกรณีที่ดินของรัฐ ไม่สามารถออกโฉนดที่ดินแก่เอกชนได้ ดังนั้น เหตุใดนายอนุทิน จึงมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อหาช่องว่างทางกฎหมาย เพื่อเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง กลุ่มนายเนวิน ชิดชอบ ด้วยโฉนดจำนวนมาก ซึ่งข้อมูลทั้งหมดตนได้มอบให้ดีเอสไอเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ในฐานะพลเมืองไทย ได้มีการร้องเรียนการกระทำตั้งแต่เรื่องสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และหลังจากนั้นเหมือนรู้เขารู้เรา ดูว่าข้อมูลคู่ต่อสู้เป็นอย่างไร ซึ่งพอหลังจากเหตุการณ์ฮั้ว สว.เกิดขึ้น ตนจึงได้เห็นความผิดมากมาย ได้เห็นเรื่องที่ดินเขากระโดงและเรื่องรันเวย์เถื่อน จึงคิดว่าในประเด็นต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจะต้องมีคนได้รับโทษ ต้องมีคนถูกจำคุก เพราะความผิดมันชัดเจนอยู่แล้ว จึงเล็งเห็นว่าหากสื่อมวลชนและประชาชนได้รับรู้รับทราบเรื่องดังกล่าว กระบวนการยุติธรรมจึงจะเกิดขึ้น

นางกุสุมาลวตี เผยอีกว่า การกระทำของนายอนุทิน และพวก ในฐานะที่ได้กำกับดูแลกรมที่ดิน และอธิบดีกรมที่ดิน ตนอยากให้มีการยกเลิกคำสั่ง มีการเพิกถอนสิทธิ์ที่ได้มาโดยมิชอบ ขอให้ดีเอสไอและส่วนเกี่ยวข้องได้พิจารณาเพิกถอนสิทธิ์กรมที่ดินดังกล่าว ตรวจสอบการใช้อำนาจที่มิชอบของผู้เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การลงโทษดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และหลังจากนั้น ตนจึงจะไปร้องเรียนยังกระทรวงคมนาคม เพราะการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) อยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงคมนาคม เนื่องจากก่อนหน้านี้ กระทรวงคมนาคมถูกกำกับดูแลโดยพรรคภูมิใจไทย มันมีเหตุการณ์เกิดขึ้นว่า ในเมื่อศาลฎีกาได้มีการตัดสินเป็นอันยุติแล้ว แต่เหตุใดจึงเพิกเฉยกับคำตัดสินของศาลฎีกา เพราะมีการไปตั้งคณะกรรมการในกระทรวงมหาดไทย โดยกรมที่ดิน เพื่อมีการฉ้อฉลและใช้ประโยชน์จากอำนาจ เพื่อออกเอกสารสิทธิ์ให้กลุ่มของนายเนวิน ซึ่งเป็นพวกพ้องกัน อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินพระราชทานจากรัชกาลที่ 5-6 ที่ได้พระราชทานให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 5,000 กับ 8 ไร่ ตรงนี้ต้องเป็นของคนไทยทุกคนโดยชอบธรรม แต่ทำไมพรรคภูมิใจไทยในสมัยนั้นที่ดูแล รฟท. เหตุใด สส.ในพรรค ไม่มีใครปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน ไม่มีแม้เเต่คนเดียว ที่แสดงออกไม่เห็นด้วยกับหัวหน้าพรรคและครูใหญ่ และยังเพิกเฉย ตนคิดว่าการเป็นผู้แทนราษฎร ต้องเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน


นางกุสุมาลวตี เผยต่อว่า ตนจะสู้ให้ถึงที่สุด เพราะมันเลวร้ายเกินไป และมีคนเคยกล่าวว่า ”ปราชญ์เอาชนะได้ทั้งฟ้าดิน ยกเว้นคนหน้าด้าน“ เพราะข้อมูลที่หลั่งไหลออกมา ก็ยังมีการแสดงการไม่รับรู้ และยังใช้อำนาจที่มองไม่เห็น ทำร้ายแม้กระทั่งนายณฐพร โตประยูร และทุกคนที่เกี่ยวข้อง ตนจึงไม่กลัว เพราะเป็นคนมีความจริงใจและไม่มีแผลที่จะให้คุณทำร้ายได้ หากเด็ดหัวนายณฐพร แล้วจะเด็ดหัวตน มันอาจใช้ไม่ได้ และตนขอทวงคืนที่ดินเขากระโดงให้กับแผ่นดิน สำหรับบุคคลที่ตนได้ร้องทุกข์กล่าวโทษขอให้ดีเอสไอพิจารณาดำเนินคดี ประกอบด้วย อธิบดีฯ ปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมที่ดิน ตลอดจนคณะกรรมการสอบสวนและผู้เกี่ยวข้องในการสอบสวนตามมาตรา 61 ตามคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินและมีการร่วมกันจงใจปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ใช้อำนาจโดยทุจริตเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น ซึ่งทั้งหมดนี้ที่เป็นคณะกรรมการของกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็น รมว.มหาดไทย ส่วนฐานความผิด ได้แก่ ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, มีอำนาจโดยการทุจริตเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นในการออกโฉนดที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากตามมาตรา 60 ที่ดินของรัฐที่มีกรณีพิพาทกับเอกชน จะไม่สามารถออกโฉนดได้ แต่ถ้าเอกชนกับเอกชน มีกรณีต่อกัน จึงจะสามารถออกโฉนดได้ และกฎหมายดังกล่าวมีมานานแล้ว ในกรมที่ดินจึงเพิ่งมีการมาตั้งคณะกรรมการเพื่อออกโฉนดให้แก่กลุ่มนายเนวิน ชิดชอบ

เมื่อถามว่ามองว่าในยุคสมัยนั้นน่าจะมีการเอื้อข้าราชการและข้าราชการฝ่ายการเมือง หรือไม่ นางกุสุมาลวตี ยอมรับว่า ใช่ เพราะในสมัยนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้กำกับดูแล และได้มีการตั้งอธิบดีกรมที่ดินเป็นคณะกรรมการ มันก็เป็นสิ่งที่เขาจะทำได้ ด้วยความเป็นข้าราชการก็ต้องเชื่อฟังผู้บังคับบัญชา แต่ตนเล็งเห็นว่าไม่น่ากระทำ เพราะศาลฎีกามีคำสั่งถึงที่สุดแล้วก็ต้องฟังศาล มิใช่มาตะแบงและหาช่องว่างช่องโหว่ทางกฎหมายเพื่อออกโฉนดเอกสารสิทธิ์เพื่อพวกพ้องตนเอง

เมื่อถามต่อว่าไม่กังวลใช่หรือไม่ที่ออกมาเปิดเผยเช่นนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้กรณีของนายณฐพร โตประยูร ก็ถูกชะงักปักหลังในคดีเครดิตสหกรณ์ยูเนี่ยนไปแล้ว ไม่กังวลใช่หรือไม่หากผู้ที่ถูกพาดพิง และถูกร้องทุกข์กล่าวโทษในวันนี้จะมีการตอบโต้กลับนั้น นางกุสุมาลวตี ระบุว่า ตนเข้าใจในประเด็น และเหตุใดตนจึงไปยื่นถวายฎีกา เพราะทุกเรื่องที่เราร้องเรียนมา มีข้อมูลมีหลักฐานมีเอกสาร หากวิญญูชนดูก็รู้ว่าเราชนะแน่นอน แต่ด้วยสิ่งที่มองไม่เห็น ก็อาจจะเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้น ถ้ามีการเข้ามาเกี่ยวข้อง ทุกเรื่องที่ตนร้องไปอาจจะยกคำร้อง ซึ่งถ้ามีการยกคำร้องเขาก็ต้องมีการฟ้องกลับเรา ดังนั้น เมื่อรู้ว่าเหตุการณ์นี้จะต้องเกิดขึ้นตนจึงต้องขอถวายฎีกาในเรื่องราวต่าง ๆ เพื่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นมา แบบที่เจอกับนายณฐพร โตประยูร หรือแบบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง พบเจอ ตนมองว่าองค์กรอิสระมันไม่มีความอิสระ


นางกุสุมาลวตี ระบุด้วยว่า ขอยืนยันว่าตนไม่มีแผลในชีวิตนี้ไม่เคยมีการกระทำทุจริตใด แม้เป็นห่วงตัวเอง แต่ไหน ๆ ได้สู้เรื่อง ส.ว. แล้ว เรื่องที่ดินเขากระโดงแล้ว และเรื่องรันเวย์เถื่อน หากจะตายก็ขอตายทีเดียว แต่ขอให้มันได้ประโยชน์กับประชาชน ก็เลยสู้ อะไรเกิดขึ้นกับเรา มันจะมีเพียงประเด็นเรื่อง ส.ว. อย่างเดียว แต่ถ้าตายทีเดียว ก็ขอเรื่องที่ดินเขากระโดงและเรื่องรันเวย์เถื่อนด้วย ถ้าตายก็ถือว่าได้ 3 งาน มองว่าก็คุ้ม

ด้าน พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และในฐานะโฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า เมื่อดีเอสไอได้รับเอกสารในวันนี้แล้วก็จะมอบหมายให้กองบริหารคดีพิเศษดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป.-119-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

EOD ลุยค้นหาจรวด หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง

13 ส.ค. – EOD ลุยค้นหา-เก็บกู้จรวดในพื้นที่บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง ขณะที่คณะ ICRC ลงพื้นที่เก็บข้อมูลผลกระทบเหตุปะทะ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD ลงพื้นที่ตรวจสอบไร่ยางพาราของชาวบ้านและอีกหลายจุด ในเขต ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบหลุมต้องสงสัยอยู่ในที่ดินของตัวเอง จากการตรวจสอบพบสะเก็ดระเบิด และอีกหลายจุดพบเป็นหลุมคล้ายหลุมจรวด BM21 ที่ตกลงมา เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และต้องใช้ความระมัดระวัง ขณะที่ชาวบ้านที่เพิ่งเข้ามาอยู่บ้าน ยังไม่มั่นใจกับสถานการณ์ โดยเฉพาะหลังมีทหารเหยียบทุ่นระเบิดเป็นรายที่ 5 EOD เร่งตรวจสอบ–กู้ระเบิดกระสุนปืนใหญ่ชายแดน ส่วนที่ศรีสะเกษเจ้าหน้าที่ EOD สนธิกำลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพบกระสุนปืนใหญ่ตกในเขต ต.เสาธงชัย และ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน เบื้องต้นพบ 7 จุด บริเวณสวนยางพาราและใกล้เขตชุมชน โดยส่วนใหญ่เป็นลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาด 100 มิลลิเมตร เจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดตรวจพิสูจน์ พบว่าหลายลูกระเบิดไปแล้ว เหลือเพียงเศษซาก และยังพบอีก 1 จุดในพื้น […]

อึ้งพระอยู่กับสีกา เปิดบนรถเจอกองทิชชูใช้แล้ว

สกลนคร 13 ส.ค. – วงการผ้าเหลืองฉาวอีก ตำรวจตรวจรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง พบพระกับสีกาอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 คุยไปคุยมา สุดท้ายไปจบที่ลาสิกขา หลังตำรวจ สภ.ขมิ้น จ.สกลนคร ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พบรถเก๋งต้องสงสัยสีดำ จอดผิดปกติบริเวณ ริมคลอง บ.พาน ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.สกลนคร เมื่อเข้าไปตรวจสอบ ตำรวจต้องอึ้ง เมื่อเจอพระอยู่กับสีกา 2 ต่อ 2 ในรถ ต่อมาทราบว่า คือ พระชัยณรงค์ อายุ 53 ปี สังกัด วัดแห่งหนึ่ง อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ จึงเชิญตัวไปยังวัดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อทำพิธีลาสิกขา และนำตัวมาตรวจปัสสาวะ ผลไม่พบสารเสพติด แต่รถที่พระเเละสีกาดังกล่าวอยู่ด้วยกัน พบเป็นรถที่ถูกสวมทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ คืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง สภ.ขมิ้น พบรถเก๋งคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณสถานที่เก็บของกลาง กระจกด้านข้างและด้านหลังติดฟิล์มดำสนิท แต่ด้านหน้าฟิล์มใสมองเห็นถึงภายใน ที่เบาะนั่งข้างคนขับ ยังพบกองจีวรของทิดชัยณรงค์ […]

สถานการณ์ชายแดนสุ่มเสี่ยงปะทะรอบ 2

สุรินทร์ 13 ส.ค. – กระแสข่าวจากหลายฝ่ายยืนยันตรงกันว่าระยะ 2 วันนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเพิ่มความตึงเครียด สุ่มเสี่ยงที่จะมีการปะทะรอบ 2 ฝ่ายปกครอง จ.สุรินทร์ จึงแจ้งเตือนไปยังกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ให้ลูกบ้านเตรียมพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉิน ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ ในหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือน พบว่า หลายครอบครัวเพิ่งกลับเข้าพื้นที่ 1-2 วัน หลังอพยพหนีภัยการสู้รบในห้วงวันที่ 24 – 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ได้รับข่าวไม่สู้ดีนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง แจ้งให้เตรียมความพร้อม เก็บสัมภาระไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงการปะทะ รอบ 2 ซึ่งอาจรุนแรงมากกว่ารอบแรก ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตื่นตระหนก ต้องการอพยพไปอยู่นอกพื้นที่ แต่เมื่อผู้นำหมู่บ้านทำความเข้าใจ ก็คลายความกังวลลงบ้าง โดยสื่อสารข้อความจากนายอำเภอพนมดงรักว่า รอให้มีเสียงปะทะกันเกิดขึ้นก่อน จึงให้อพยพ ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อฟัง เพราะส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะอพยพไปที่ไหน เพราะยังไม่มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะที่หญิงคนหนึ่งติดอยู่ในพื้นที่สู้รบ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือนตลอดห้าวัน เพราะเป็นห่วงวัวที่เลี้ยงไว้ จึงอาศัยอยู่ในกระต๊อบพร้อมญาติรวมสี่คน และประเมินสถานการณ์ว่า น่าจะปลอดภัย เพราะวิถีกระสุนไปตกไกลกว่า จึงได้ยินเสียงปะทะอย่างชัดเจน […]

คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำ ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัว

มุกดาหาร 13 ส.ค.- คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา หลังศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก 26 ปี คดีน้องชมพู่ จากกรณีศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาเพิ่มโทษให้จำคุก “ลุงพล” 26 ปี ฐานเจตนาฆ่าเด็ก พรากผู้เยาว์ และอำพรางศพ ขณะที่ “ป้าแต๋น” พิพากษายืนยกฟ้อง ในคดีฆาตกรรม น้องชมพู่ ทั้งนี้ภายหลัง ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ “ลุงพล” ได้ยื่นขอประกันตัว โดยศาลจังหวัดมุกดาหาร เสนอไปยังศาลฎีกา ล่าสุด ช่วงเย็นที่ผ่านมา ศาลฎีกายังไม่มีคำตอบลงมาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ ทำให้ “ลุงพล” ถูกคุมตัวไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา ย้อนไปคดีนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 น้องชมพู่ วัย 3 ขวบ หายไปจากบ้านพักภาย ในหมู่บ้านกกกอก ทำให้ชาวบ้านมากกว่า 200 ชีวิต รวมถึง ตัวลุงพล ช่วยกันออกตามหา […]