กองปราบฯ 27 มิ.ย. – กองปราบฯ ปิดปฏิบัติการปราบแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ลวงเปิดบัตรเดบิต หลอกเอารหัส OTP ไปใช้จ่ายสิ้นเปลือง พบผู้เสียหาย 394 ราย มูลค่าความเสียหาย 20 ล้านบาท
พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. แถลงผลการปฏิบัติปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ “ลวงเปิดบัตร หลอกเอา OTP ซื้อทอง” พบผู้เสียหายทั่วประเทศกว่า 394 ราย ความเสียหายรวมกว่า 20 ล้านบาท โดยจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด 3 ราย คือนายกรกรต อายุ 29 ปี นายกฤตนัย อายุ 28 ปี นายปพนธีร์ อายุ 30 ปี ซึ่งกระทำความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยสุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนอันมิใช่ความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญาและร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ พร้อมตรวจยึดของกลาง จำนวน 53 รายการ รถเก๋ง ยี่ห้อหรู โทรศัพท์มือถือจำนวน 23 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กจำนวน 6 เครื่อง เครื่องนับธนบัตรจำนวน 1 เครื่อง แผ่นทองคำจำนวน 2 แผ่น ซิมการ์ด สมุดบัญชีและอุปกรณ์อื่น ๆ อีก 20 รายการ สถานที่จับกลุ่ม นายกรกรต และนายกฤตนัย จับกุมได้ที่บริเวณห้องพักคอนโดซอยสุขุมวิท 24 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ส่วนนายปพนธีร์ฯ ถูกจับกุมได้ที่บ้านพักบริเวณ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี
คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบของธนาคารกรุงไทย แจ้งว่ามีกรณีที่ลูกค้าของธนาคารกรุงไทยหลายราย ซึ่งมีความสนใจสมัครบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต ได้ถูกคนร้ายหลอกลวงให้สมัครบัตรผ่านช่องทางออนไลน์โดยคนร้ายแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารสามารถดันเคสได้ อ้างว่ารายได้น้อยก็สามารถสมัครได้ไม่มีค่าใช้จ่ายเพียงแค่ให้ลูกค้าประเมินให้คะแนนความพึงพอใจในระดับดีมาก เมื่อลูกค้าหลงเชื่อทำตามขั้นตอนและสมัครบัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้วปรากฏว่ายอดเงินในบัตรได้ถูกรูดซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ในทันทีโดยที่ลูกค้าไม่ได้เป็นผู้ทำรายการ
จากการรวบรวมพยานหลักฐานพบว่าเป็นการกระทำผิดในรูปแบบลักษณะเป็นกลุ่มแก๊งขบวนการคล้ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงประชาชนทั่วประเทศเป็นจำนวนหลายรายจึงได้รวบรวมหลักฐานนำไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด 3 ราย และตรวจสถานที่ที่เกี่ยวข้อง 4 จุด ในพื้นที่ 3 จังหวัดกรุงเทพมหานคร ลพบุรี ปทุมธานี และคนร้ายจะบันทึกภาพหน้าจอขณะวิดีโอคอลไว้ตลอดจำนวน 16 หลัก ของบัตรเดบิต รหัส CVV วันหมดอายุไปทำการสั่งซื้อของมีค่าผ่านแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์โดยเมื่อมีรหัส OTP แจ้งเตือนไปยังโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหาย คนร้ายจะออกรหัส OTP ดังกล่าวและนำมาสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ทำให้ยอดเงินในบัตรเดบิตของผู้เสียหายจะถูกตัดไปชำระค่าสินค้า ที่ผู้ต้องหาสั่งซื้อในทันทีจากนั้นผู้ต้องหาจะวางสายสนทนาและบล็อกช่องทางติดต่อทันที
จากการสอบปากคำผู้ต้องหา ว่ามีแรงจูงใจอะไรในการที่มาหลอกลวงประชาชนในลักษณะเช่นนี้ ผู้ต้องหากล่าวอ้างว่าถูกหลอกในลักษณะนี้มาก่อนก็เลยจำแล้วนำมาปรับแปลงใช้ด้วยตัวเอง ซึ่งทางตำรวจก็ยังไม่เชื่อเพราะเป็นเพียงคำให้การของผู้ต้องหาเท่านั้น ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่พบว่าไม่มีหมายจับหรือมีส่วนเกี่ยวข้องตรงนั้น คนร้ายทำมาตั้งแต่ปี 2566 โดยใช้เป็นอาชีพหลักกับกลุ่มเพื่อน ซึ่งทางผู้ต้องหาได้เงินจากผู้เสียหายมาก็จะรีบเอาไปใช้ให้หมด ซึ่งจากการตรวจสอบบัญชีของผู้ต้องหาล่าสุดพบเงินไม่ถึงหลักหมื่นในบัญชีแะละพบผู้เสียหายรวมเกือบ 400 ราย.-416-สำนักข่าวไทย