ป.ป.ส.แถลงจับยาบ้า 1.3 ล้านเม็ด ยึดทรัพย์ 2.5 ล้านบาท

ป.ป.ส. 25 มิ.ย. – ป.ป.ส.จับยาบ้า 1.3 ล้านเม็ด ยึดทรัพย์ 2.5 ล้านบาท ตั้งค่าหัว 1 ล้านบาท นำจับ “เตชินทร์” หัวหน้าเครือข่ายสั่งลำเลียงยาเสพติด


พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด, น.อ.ฤทธิ์ นาทวงศ์ ผู้แทนหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ และ พ.อ.พิรุฬห์สิระ เอี่ยมมาลา สนับสนุนหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลมครั้งที่ 3 ขยายผลจับกุมเครือข่ายยาเสพติดนายเตชินท์ หน่อวงค์ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 4 ราย ของกลางยาบ้า 1,300,000 เม็ด และตรวจยึดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2,550,000 บาท

เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยว่า คดีนี้ ป.ป.ส. ร่วมกับภาคีเครือข่าย โดยเป็นความต่อเนื่องจากปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลม เพราะแหล่งผลิตยาเสพติดจะอยู่ที่ประเทศเมียนมา ในความควบคุมของกลุ่มว้า รัฐฉานตอนใต้และรัฐฉานตอนเหนือ ซึ่งนอกจากจะจับกุมผู้ค้าในพื้นที่ สกัดจับ และนำผู้เสพเข้าบำบัดแล้วนั้น เราก็ต้องขยายไปให้ถึงต้นตอผู้สั่งการในต่างประเทศ จึงเปิดปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลม โดยดำเนินการมาแล้ว 4 ครั้ง ซึ่งในวันที่ 2-4 ก.ค.นี้ ตนจะเดินทางไปที่ประเทศเมียนมา เพราะเราได้มีการออกหมายจับบุคคลที่ไปถือครองทรัพย์สินในประเทศเมียนมาที่ท่าขี้เหล็ก ประมาณพันกว่าล้านบาท ตนจึงได้ส่งเอกสารแปลภาษาไปยัง ผบ.ตร. ของประเทศเมียนมา และเลขาธิการ ป.ป.ส. ของประเทศเมียนมา จากนั้นจะได้บินไปหารือเพื่อตรวจยึดทรัพย์สินกลุ่มผู้กระทำผิด ดังนั้น คดีนี้จึงเป็นการขยายผลต่อยอด โดยในเดือน มี.ค.68 ครั้งนั้น ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง 3 ราย และปิดล้อมตรวจค้น 10 จุด 6 จังหวัด ยึดทรัพย์ได้ 80 กว่าล้านบาท ซึ่งมีตัวการสำคัญ คือ นายเตชินทร์ หน่อวงค์ เป็นผู้สั่งการและผู้ค้ายาเสพติด ทั้งนี้ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ได้เสนอต่อสำนักงาน ป.ป.ส. ให้นายเตชินทร์ เป็นผู้ต้องหาที่ต้องการตัวมากที่สุดในขณะนี้ มีค่าหัว 1,000,000 บาท มีหมายจับศาลอาญา ที่ 132/2568 ลงวันที่ 14 ก.พ.68 อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันทราบว่านายเตชินทร์ หลบหนีอยู่ในประเทศเมียนมา


พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ เผยด้วยว่า เราต้องพยายามจับกุมระดับผู้สั่งการให้ได้ เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้มักจะหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ สปป.ลาว, เมียนมา เป็นต้น ซึ่งกรณีของนายเตชินท์ ถือเป็นผู้สั่งการและจัดหายาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้เครือข่ายผู้ลำเลียงชาวไทยลักลอบนำยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนใน ซึ่งถ้าสามารถจับกุมตัวระดับนี้ได้มันจะช่วยหยุดวงจรการค้าและจำหน่ายยาเสพติดได้ ลดปริมาณยาเสพติดได้ ทั้งไอซ์ ยาบ้า และเฮโรอีน เราจึงต้องพยายามขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ผู้บังคับใช้กฎหมายในประเทศเหล่านั้น ช่วยสืบสวนและหาตัวผู้สั่งการที่ไปหลบอยู่ในประเทศของเขา อย่างกรณีของ สปป.ลาว เราได้มีการส่งรายชื่อผู้ต้องหาในคดียาเสพติดไปแล้ว 21 ราย ส่วนประเทศเมียนมาประมาณ 47 ราย ส่วนใหญ่ก็เป็นรายใหญ่ทั้งสิ้น

ทั้งนี้ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ เผยต่อว่า สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ให้ความสำคัญกับการปราบปรามยาเสพติดในทุกระดับการค้า ซึ่งสอดรับกับนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งเน้นให้จับกุมกวาดล้างยาเสพติด ตัดวงจรการค้ายาเสพติดรายสำคัญ รวมถึงกวาดล้างผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่แพร่ระบาด และเพิ่มประสิทธิภาพมาตรการ ยึดอายัดทรัพย์สินคดียาเสพติด โดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาคี มุ่งเน้นการทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดให้ครบทั้งวงจร

ด้าน นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด เผยว่า คดีดังกล่าวนี้สืบเนื่องจากการยึดทรัพย์ 80 ล้านบาท ในการเปิดปฎิบัติการตัดไฟแต่ต้นลมครั้งที่ 3 ที่ผ่านมา ซึ่งเหตุเกิดครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 ต.ค.67 ทางสำนักงาน ป.ป.ส. และภาคีได้มีการจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย พร้อมเฮโรอีน 154 กก. ที่จังหวัดสุพรรณบุรี หลังจากนั้นเราได้ออกหมายจับนายเตชินทร์ กับพวก รวม 3 ราย ซึ่งนายเตชินทร์ได้หลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน แต่ก็ยังมีพฤติการณ์สั่งการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าประเทศไทยทั้งยาบ้า ไอซ์ และเฮโรอีน กระทั่งวันที่ 16 ม.ค.68 ก็ยังมีการสั่งการโดย บก.น.2 ของตำรวจนครบาลได้มีการจับกุมผู้ต้องหา 1 ราย พร้อมไอซ์ 105 กก. ซึ่งรายดังกล่าวนี้เป็นหนึ่งในเครือข่ายของนายเตชินทร์ที่อยู่ในพื้นที่ กทม. ต่อจากนั้นวันที่ 15 ก.พ.68 ป.ป.ส. และภาคี ได้มีการจับกุมไอซ์ 504 กก. ที่มีการซุกซ่อนอยู่ในรถบรรทุก 10 ล้อ แล้วก็ได้มีการยึดทรัพย์สินไปประมาณ 9 ล้านบาท และมีการอนุมัติขอออกหมายจับผู้ต้องหาอีก 5 ราย จากนั้นเราได้มีการสืบสวนพฤติกรรมดูว่ากลุ่มนี้มีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ ลงสู่พื้นที่ตอนใน และมีการแพร่กระจายไปยังจังหวัดระยอง เราจึงมีการสืบสวนดูความเชื่อมโยง พิกัดโทรศัพท์ จนทราบว่ามีรถลำเลียงเดินทางขึ้นไปทางเหนือ แล้วก็จะเดินทางลงมา ชุดปฏิบัติการจึงเฝ้าติดตามและทำการตรวจค้น จึงเป็นที่มาของวันที่ 21- 22 มิ.ย.68 ทำให้หน่วยงานภาคีทั้งหมด ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 2 รายในทีเเรก โดยเป็นการจับกุมได้ที่จังหวัดพิจิตร และเมื่อมีการขยายผล จึงสามารถจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมได้ที่จังหวัดนนทบุรี และเมื่อมีการตรวจค้นผู้ต้องหา ตรวจสอบบ้านพักและทรัพย์สิน ตรวจยึดได้ประมาณ 2.5 ล้านบาท ทั้งนี้ จากการสอบสวนดังกล่าวได้มีการดำเนินการเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเป็นระยะเวลาปีครึ่ง ได้ค่าจ้างประมาณครั้งละ 100,000-200,000 บาท ซึ่งก็แล้วแต่ประเภทยาเสพติด อย่างไรก็ตาม เราจะมีการดำเนินการสอบสวนสืบสวนต่อไป เพราะนายเตชินทร์ คงจะมีการสั่งการลำเลียงยาเสพติดเข้าประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะมีลูกค้าในต่างประเทศจำนวนมาก.-119-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยกระดับห้าม จยย.-รถเข็น จากกัมพูชาเข้าไทย

สระแก้ว 23 มิ.ย.-ตอบโต้ทันควัน! ไทยสั่งห้ามรถเข็น-จยย.เขมร เข้ามาเด็ดขาด บรรยากาศด่านคลองลึกตึงเครียด เจรจาระดับเจ้าหน้าที่ หลังกัมพูชางดนำเข้าน้ำมันไทย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนการเปิดด่านฝั่งกัมพูชา ในเวลา 09.00 น. ว่า มีตึงเครียดผิดปกติ โดยปกติจะมีแรงงานกัมพูชาจำนวนมากขี่รถจักรยานยนต์ รถพ่วงข้าง และรถชาลี มารอข้ามแดนเข้ามาทำงานในตลาดโรงเกลือ แต่เช้าวันนี้ภาพดังกล่าวหายไปอย่างสิ้นเชิง หลังทางฝั่งไทย “ยกระดับตอบโต้” ต่อมาตรการของกัมพูชาที่ประกาศงดรับน้ำมันและก๊าซจากไทย กองกำลังบูรพา ได้กำหนดมาตรการควบคุมพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการป้องกันลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยไม่อนุญาตให้รถเข็นคนเดิน (ตั้งแต่ 2 ล้อขั้นไป), รถจักรยานยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และรถจักรยานยนต์ ดัดแปลงทุกประเภท ของกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี๋ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ โดยให้หน่วยที่รับผิดชอบ บังคับใช้มาตรการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. เวลา […]

ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระ-แม่ชี ขึ้นปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 23 มิ.ย.-มาแบบไหนอีก ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระสงฆ์ แม่ชีนับพัน ขึ้นปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ หลังจากมีคณะปั่นจักรยานไทยเข้าทำกิจกรรมที่ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อย่างคึกคัก และมีชาวไทยจากหลายพื้นที่แห่เที่ยวให้กำลังใจทหารแนวหน้า หลังมีข่าวทั้ง 2 ฝ่ายประกาศปิดด่านเพิ่ม ขณะที่ฝั่งกัมพูชา ก็ตอบโต้ฝ่ายไทยอย่างไม่ลดละ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.68) ตลอดทั้งวัน มีชาวบ้าน พระสงฆ์ และแม่ชี นับพันคนขึ้นมาเที่ยวบนตัวปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยต้องคุมเข้มอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ทำผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เตรียมลงพื้นที่ให้กำลังใจกำลังพล และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย.-715.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ วางขายโจ๋งครึ่ม

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ ล่อใจเยาวชน ทำคล้ายยาดม ลูกอม วางขายโจ๋งครึ่ม ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เตือนผู้ปกครองเข้าถึงเยาวชนง่าย อันรายถึงชีวิต นายอนกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการ ในการจับกุมยาเสพติดและสารเสพติดในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจไซเบอร์และส่วนราชการอื่นๆ ให้ดำเนินการจับกุมและปราบปรามให้เข้มข้นขึ้น โดยสถานการณ์และสถิติการใช้ยาเสพติดในไทย ปี 2568 แม้ภาครัฐจะดำเนินมาตรการปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและจำหน่าย รวมถึงบำบัดผู้ติดยาเสพอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยยังคงเป็นภัยเงียบที่สร้างปัญหาและทำลายเศรษฐกิจและประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ นายอนุกูล กล่าวว่า จากข้อมูลผลการติดตาม เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อันตรายต่อสุขภาพของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้พบสารเสพติดพันธุ์ใหม่ กลายพันธุ์แปลงร่าง ปรับรูปแบบหน้าตาผลิตภัณฑ์ให้สวยงามน่ารักมากขึ้น โดยผลิตเลียนแบบลูกอม ปรุงรสชาติผลไม้ และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงามสดใส มีดีไซน์คล้ายกล่องขนม ดูยากขึ้น จนแยกไม่ออกว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสพติด หรือกล่องขนม ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในไทย โดยวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยในแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์อันตรายที่พบมีดังนี้1.บุหรี่ไฟฟ้าพันธุ์ใหม่ GEN 6ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ดูเหมือนยาดมแท่งจนแยกไม่ออก มีการโฆษณาว่าคล้ายยาดม แต่มีส่วนผสมเป็นนิโคติน 3-5% โดยรู้จักในชื่อ พอดจมูก พอดยาดม สูบได้ทั้งทางจมูกและทางปาก […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

EOD เร่งตรวจสอบ จยย.ต้องสงสัย ลานจอดรถสนามบินภูเก็ต

ภูเก็ต 25 มิ.ย.- เจ้าหน้าที่ EOD เร่งตรวจสอบรถจักรยานยนต์ต้องสงสัย กลางลานจอดรถสนามบินภูเก็ต ด้าน ทภก. แจ้งไม่กระทบเที่ยวบิน แนะผู้โดยสารเผื่อเวลาเดินทาง 2-3 ชั่วโมง วันที่ 25 มิ.ย.68 ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) ศูนย์รักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานภูเก็ต ได้รับแจ้ง พบรถจักรยานยนต์เข้ามาจอด บริเวณลานจอดรถจักรยานยนต์ ฝั่งอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ทภก. จำนวน 2 คัน ก่อนจะขับออกไปเพียง 1 คัน และทิ้งรถอีกคันไว้โดยไม่มีการแสดงตัวเป็นเจ้าของ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (Explosive Ordnance Disposal : EOD) กำลังเข้าดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียด โดย ทภก. ได้ประกาศใช้แผนเผชิญเหตุของสนามบิน Airport Contingency Plan : ACP บทที่ 4 การตรวจพบสิ่งของต้องสงสัยหรือวัตถุต้องห้าม กรณี ตรวจพบในพื้นที่ของสนามบิน เมื่อเวลา 16.20 น. […]

นายกฯ ย้ำแผนช่วยเหลือคนไทยออกจากอิสราเอล-อิหร่าน

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย.- นายกฯ ย้ำแผนช่วยเหลือ-อำนวยความสะดวกคนไทยต้องการออกจากอิสราเอลและอิหร่าน เผยล่าสุดมี 73 คน ประสงค์จะเดินทางออกจากอิหร่าน และ 18 คนจากอิสราเอลต้องการกลับไทย ขอคนที่อยู่ต่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุรัฐบาลได้เตรียมการดูแลพี่น้องคนไทยทั้งในอิสราเอลและอิหร่าน ในกรณีที่ต้องการเดินทางกลับไทย เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง โดยกระทรวงการต่างประเทศได้วางแผนช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้คนไทยที่ต้องการออกจากอิสราเอลและอิหร่านโดยรวดเร็วและปลอดภัยค่ะ ในอิหร่าน มีคนไทยรวมประมาณ 300 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานและนักศึกษา ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ช่วยเหลือให้ไปพำนักชั่วคราวที่ศูนย์พักพิงที่เมือง Amol ในอิหร่านแล้ว 35 คน และอีก 4 คนไปที่ศูนย์พักพิงที่เมือง Van ในตุรกี นอกจากนั้น กระทรวงการต่างประเทศกำลังเร่งประสานงานให้คนไทย 73 คนที่ประสงค์จะเดินทางออกจากอิหร่าน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะหารือกับฝ่ายอิหร่าน เพื่อให้เร่งออก exit visa ให้ ในส่วนของอิสราเอล มีคนไทยอยู่ประมาณ 40,000 คน เกือบทั้งหมดเป็นแรงงาน สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ติดตามสอบถามความเป็นอยู่อย่างใกล้ชิด รวมทั้งไปเยี่ยมเยียนด้วย ซึ่งในชั้นนี้ […]

นายกฯ เปิดประชุมนานาชาติหน่วยยามฝั่งอาเซียน ไร้ตัวแทนกัมพูชาร่วม

พัทยา 25 มิ.ย.-ไร้เงาตัวแทนกัมพูชา นายกฯ เปิดการประชุมนานาชาติหน่วยยามฝั่งอาเซียน ชมสาธิตวิธีการช่วยอากาศยานประสบภัยในทะเล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี และกล่าวเปิดการประชุมนานาชาติหน่วยยามฝั่งอาเชียน (ASEAN Coast Guard Forum 2025: ACF 2025) และการฝึกค้นหา และช่วยเหลืออากาศยานประสบภัยในทะเล และการแพทย์ฉุกเฉินในทะเล ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ระหว่างวันที่ 24-27 มิถุนายน 2568 เพื่อส่งเสริมความปลอดภัย มั่นคง มั่งคั่ง ในอาเซียน ณ โรงแรมฮิลตัน พัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยมีพลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือให้การต้อนรับ โดยนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวต้อนรับผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศผู้สังเกตการณ์ และพันธมิตรสำคัญที่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้สู่เมืองพัทยา และแสดงความยินดีที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมในพิธีเปิดเวทีความร่วมมืออันสำคัญของภูมิภาค ซึ่งเป็นเวทีที่หน่วยรักษาความปลอดภัยชายฝั่ง หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทางทะเล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศสมาชิกอาเซียน ได้มาพบปะ แลกเปลี่ยนมุมมอง และเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อยกระดับความมั่นคงทางทะเลร่วมกัน นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงความสำคัญของความมั่นคง และความปลอดภัยทางทะเล ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อภูมิภาค เนื่องจากท้องทะเลไม่เพียงเป็นเส้นทางการค้าสำคัญ […]

กัมพูชาเข้มไม่ยอมให้เด็กข้ามมาเรียนในไทย

สุรินทร์ 25 มิ.ย. – ไทยเปิดด่านตามหลักมนุษยธรรม แต่กัมพูชายังเข้ม จุดช่องจอมไม่ยอมให้เด็กข้ามมาเรียนในไทย จุดผ่านแดนช่องจอม จ.สุรินทร์ หลังจากปิดด่าน ทำให้เกิดผลกระทบชาวกัมพูชากับนักเรียนกัมพูชาที่ต้องข้ามฝั่งมาเรียน โดยชาวกัมพูชาบางคนมารอตั้งแต่ตี 5 เพื่อจะข้ามฝั่งไปยังกัมพูชา ยืนยันว่าจะกลับมาทำงานที่ประเทศไทย อยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายคุยกันได้ และกลับมาเป็นเช่นเดิม ขณะที่คนขับรถส่งเด็กนักเรียน เล่าว่าตั้งแต่มีเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้นระหว่าง 2 ประเทศ ทำให้ขึ้นมารับนักเรียนฝั่งกัมพูชาไปเรียนที่ฝั่งประเทศไทยไม่ได้ เป็นเวลา 2 อาทิตย์แล้ว มีทั้งนักเรียนอนุบาลและมัธยม ฝั่งไทยเปิดด่านตนมารอรับนักเรียนฝั่งกัมพูชา เพื่อมาเรียนที่ประเทศไทยทุกวัน แต่นักเรียนฝั่งกัมพูชาข้ามมาประเทศไทยไม่ได้ เนื่องจากฝั่งกัมพูชาไม่เปิดประตูให้ข้ามด่านมายังไทย แม้ฝั่งไทยจะอนุญาตให้อำนวยความสะดวกด้านมนุษยธรรม ให้นักเรียนสามารถข้ามแดนไป-กลับได้ เพื่อมาโรงเรียน แต่เช้าวันนี้ รถรับ-ส่ง นักเรียน ที่เข้าไปรับนักเรียนชาวกัมพูชาที่หน้าด่าน ต้องตีรถเปล่ากลับ เนื่องจากกัมพูชาไม่เปิดประตูให้นักเรียนกัมพูชาข้ามเข้ามาเรียนในไทย ล่าสุดประตูฝั่งกัมพูชาเปิดเวลา 10.00 น. โดยเจ้าหน้าที่จะให้ชาวกัมพูชาที่ป่วยกลับประเทศกัมพูชา หากเอกสารไม่ครบต้องไปประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองดำเนินการส่งกลับ รวมผู้ป่วยและพ่อค้าแม่ค้าที่ตกค้างมากกว่า 500 คน ส่วนรถตกค้างประมาณ 50 คัน ส่วนใหญ่เป็นของผู้ค้าในตลาดชายแดนช่องจอม ทั้งนี้ ฝั่งกัมพูชาปิดประตูเวลา […]