ป.ป.ส.แถลงจับยาบ้า 1.3 ล้านเม็ด ยึดทรัพย์ 2.5 ล้านบาท

ป.ป.ส. 25 มิ.ย. – ป.ป.ส.จับยาบ้า 1.3 ล้านเม็ด ยึดทรัพย์ 2.5 ล้านบาท ตั้งค่าหัว 1 ล้านบาท นำจับ “เตชินทร์” หัวหน้าเครือข่ายสั่งลำเลียงยาเสพติด


พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด, น.อ.ฤทธิ์ นาทวงศ์ ผู้แทนหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ และ พ.อ.พิรุฬห์สิระ เอี่ยมมาลา สนับสนุนหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลมครั้งที่ 3 ขยายผลจับกุมเครือข่ายยาเสพติดนายเตชินท์ หน่อวงค์ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 4 ราย ของกลางยาบ้า 1,300,000 เม็ด และตรวจยึดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2,550,000 บาท

เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยว่า คดีนี้ ป.ป.ส. ร่วมกับภาคีเครือข่าย โดยเป็นความต่อเนื่องจากปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลม เพราะแหล่งผลิตยาเสพติดจะอยู่ที่ประเทศเมียนมา ในความควบคุมของกลุ่มว้า รัฐฉานตอนใต้และรัฐฉานตอนเหนือ ซึ่งนอกจากจะจับกุมผู้ค้าในพื้นที่ สกัดจับ และนำผู้เสพเข้าบำบัดแล้วนั้น เราก็ต้องขยายไปให้ถึงต้นตอผู้สั่งการในต่างประเทศ จึงเปิดปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลม โดยดำเนินการมาแล้ว 4 ครั้ง ซึ่งในวันที่ 2-4 ก.ค.นี้ ตนจะเดินทางไปที่ประเทศเมียนมา เพราะเราได้มีการออกหมายจับบุคคลที่ไปถือครองทรัพย์สินในประเทศเมียนมาที่ท่าขี้เหล็ก ประมาณพันกว่าล้านบาท ตนจึงได้ส่งเอกสารแปลภาษาไปยัง ผบ.ตร. ของประเทศเมียนมา และเลขาธิการ ป.ป.ส. ของประเทศเมียนมา จากนั้นจะได้บินไปหารือเพื่อตรวจยึดทรัพย์สินกลุ่มผู้กระทำผิด ดังนั้น คดีนี้จึงเป็นการขยายผลต่อยอด โดยในเดือน มี.ค.68 ครั้งนั้น ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง 3 ราย และปิดล้อมตรวจค้น 10 จุด 6 จังหวัด ยึดทรัพย์ได้ 80 กว่าล้านบาท ซึ่งมีตัวการสำคัญ คือ นายเตชินทร์ หน่อวงค์ เป็นผู้สั่งการและผู้ค้ายาเสพติด ทั้งนี้ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ได้เสนอต่อสำนักงาน ป.ป.ส. ให้นายเตชินทร์ เป็นผู้ต้องหาที่ต้องการตัวมากที่สุดในขณะนี้ มีค่าหัว 1,000,000 บาท มีหมายจับศาลอาญา ที่ 132/2568 ลงวันที่ 14 ก.พ.68 อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันทราบว่านายเตชินทร์ หลบหนีอยู่ในประเทศเมียนมา


พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ เผยด้วยว่า เราต้องพยายามจับกุมระดับผู้สั่งการให้ได้ เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้มักจะหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ สปป.ลาว, เมียนมา เป็นต้น ซึ่งกรณีของนายเตชินท์ ถือเป็นผู้สั่งการและจัดหายาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้เครือข่ายผู้ลำเลียงชาวไทยลักลอบนำยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนใน ซึ่งถ้าสามารถจับกุมตัวระดับนี้ได้มันจะช่วยหยุดวงจรการค้าและจำหน่ายยาเสพติดได้ ลดปริมาณยาเสพติดได้ ทั้งไอซ์ ยาบ้า และเฮโรอีน เราจึงต้องพยายามขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ผู้บังคับใช้กฎหมายในประเทศเหล่านั้น ช่วยสืบสวนและหาตัวผู้สั่งการที่ไปหลบอยู่ในประเทศของเขา อย่างกรณีของ สปป.ลาว เราได้มีการส่งรายชื่อผู้ต้องหาในคดียาเสพติดไปแล้ว 21 ราย ส่วนประเทศเมียนมาประมาณ 47 ราย ส่วนใหญ่ก็เป็นรายใหญ่ทั้งสิ้น

ทั้งนี้ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ เผยต่อว่า สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ให้ความสำคัญกับการปราบปรามยาเสพติดในทุกระดับการค้า ซึ่งสอดรับกับนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งเน้นให้จับกุมกวาดล้างยาเสพติด ตัดวงจรการค้ายาเสพติดรายสำคัญ รวมถึงกวาดล้างผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่แพร่ระบาด และเพิ่มประสิทธิภาพมาตรการ ยึดอายัดทรัพย์สินคดียาเสพติด โดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาคี มุ่งเน้นการทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดให้ครบทั้งวงจร

ด้าน นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด เผยว่า คดีดังกล่าวนี้สืบเนื่องจากการยึดทรัพย์ 80 ล้านบาท ในการเปิดปฎิบัติการตัดไฟแต่ต้นลมครั้งที่ 3 ที่ผ่านมา ซึ่งเหตุเกิดครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 ต.ค.67 ทางสำนักงาน ป.ป.ส. และภาคีได้มีการจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย พร้อมเฮโรอีน 154 กก. ที่จังหวัดสุพรรณบุรี หลังจากนั้นเราได้ออกหมายจับนายเตชินทร์ กับพวก รวม 3 ราย ซึ่งนายเตชินทร์ได้หลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน แต่ก็ยังมีพฤติการณ์สั่งการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าประเทศไทยทั้งยาบ้า ไอซ์ และเฮโรอีน กระทั่งวันที่ 16 ม.ค.68 ก็ยังมีการสั่งการโดย บก.น.2 ของตำรวจนครบาลได้มีการจับกุมผู้ต้องหา 1 ราย พร้อมไอซ์ 105 กก. ซึ่งรายดังกล่าวนี้เป็นหนึ่งในเครือข่ายของนายเตชินทร์ที่อยู่ในพื้นที่ กทม. ต่อจากนั้นวันที่ 15 ก.พ.68 ป.ป.ส. และภาคี ได้มีการจับกุมไอซ์ 504 กก. ที่มีการซุกซ่อนอยู่ในรถบรรทุก 10 ล้อ แล้วก็ได้มีการยึดทรัพย์สินไปประมาณ 9 ล้านบาท และมีการอนุมัติขอออกหมายจับผู้ต้องหาอีก 5 ราย จากนั้นเราได้มีการสืบสวนพฤติกรรมดูว่ากลุ่มนี้มีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ ลงสู่พื้นที่ตอนใน และมีการแพร่กระจายไปยังจังหวัดระยอง เราจึงมีการสืบสวนดูความเชื่อมโยง พิกัดโทรศัพท์ จนทราบว่ามีรถลำเลียงเดินทางขึ้นไปทางเหนือ แล้วก็จะเดินทางลงมา ชุดปฏิบัติการจึงเฝ้าติดตามและทำการตรวจค้น จึงเป็นที่มาของวันที่ 21- 22 มิ.ย.68 ทำให้หน่วยงานภาคีทั้งหมด ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 2 รายในทีเเรก โดยเป็นการจับกุมได้ที่จังหวัดพิจิตร และเมื่อมีการขยายผล จึงสามารถจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมได้ที่จังหวัดนนทบุรี และเมื่อมีการตรวจค้นผู้ต้องหา ตรวจสอบบ้านพักและทรัพย์สิน ตรวจยึดได้ประมาณ 2.5 ล้านบาท ทั้งนี้ จากการสอบสวนดังกล่าวได้มีการดำเนินการเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเป็นระยะเวลาปีครึ่ง ได้ค่าจ้างประมาณครั้งละ 100,000-200,000 บาท ซึ่งก็แล้วแต่ประเภทยาเสพติด อย่างไรก็ตาม เราจะมีการดำเนินการสอบสวนสืบสวนต่อไป เพราะนายเตชินทร์ คงจะมีการสั่งการลำเลียงยาเสพติดเข้าประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะมีลูกค้าในต่างประเทศจำนวนมาก.-119-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

คนไทยรวมพลังร้องเพลงชาติกึกก้องบ้านหนองจาน

26 ส.ค. – ชาวไทยกว่า 500 คน รวมตัวร้องเพลงชาติ ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ บริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว แสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (26 ส.ค.68) ประชาชนไทยกว่า 500 คน มารวมตัวกันบริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย จนเสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพื่อแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย และพร้อมยืนหยัดเคียงข้างกองทัพในการปกป้องอธิปไตย ชาวบ้านยังจัดเตรียมอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็น ไปมอบให้ทหาร เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และพลโทวันชนะ สวัสดี นำคณะลงพื้นที่ พบมีชาวกัมพูชาสร้างบ้านเรือนรุกล้ำเขตไทย 18 หลัง ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยอย่างชัดเจน ซึ่งกองทัพจะนำปัญหาเข้าสู่ที่ประชุม JBC เพื่อให้รัฐบาลกัมพูชาแก้ไขและรับผิดชอบต่อประชาชนของตนเอง หากไม่ดำเนินการ ไทยมีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะขับไล่ผู้บุกรุกออกจากพื้นที่ตามหลักกฎหมายและหลักมนุษยธรรม ก่อนที่ช่วงบ่าย คณะเสนาธิการทหาร ลงพื้นที่บ้านหนองจาน ร่วมกับคณะ […]

“หลวงพ่ออลงกต” ยอมสึกแล้ว หลัง “บิ๊กเต่า” เข้าเจรจา

26 ส.ค. – “หลวงพ่ออลงกต” ยอมสึกเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินคดีตามกฎหมาย หลัง “บิ๊กเต่า” ร่วมสอบปากคำคดียักยอกเงินบริจาควัดพระบาทน้ำพุ ภายหลัง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. เข้าร่วมสอบปากคำ พระอลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ และ หมอบี ล่าสุด มีรายงานว่า หลวงพ่ออลงกต ยินยอมจะขอลาสิกขาจากเพศบรรพชิตแล้ว เพื่อนำเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยอดีตพระอลงกต ถูกจับกุมเมื่อช่วงตี 1 ที่ผ่านมา ตามหมายจับศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ในข้อหายักยอกเงินบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุ เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และฟอกเงิน.-สำนักข่าวไทย

ครม.ให้กำลังใจนายกฯ ด้าน “แพทองธาร” หวังกลับมาทำงาน

ทำเนียบ 26 ส.ค.- ครม.ให้กำลังใจนายกฯ ขอ 29 ส.ค.นี้ ได้รับข่าวดี ด้าน “แพทองธาร” หวังได้กลับมาทำงาน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (26 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เป็นครั้งแรก ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ได้เข้าร่วมประชุมตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยสีหน้าสดใส โดยระหว่างการพิจารณาวาระสำคัญ เช่น การพิจารณารายชื่อนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่น 69 ประจำปีการศึกษา 2569 ซึ่งนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เคยเรียนหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร สำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) หรือ มินิ วปอ. ได้สอบถามและให้ความคิดเห็นในรายชื่อของนักศึกษาบางคน ทั้งนี้ ก่อนปิดการประชุม ครม. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ประชุมฯ ได้เป็นตัวแทนรัฐมนตรีทุกคนกล่าวให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี และขอให้วันที่ 29 ส.ค.นี้ ได้รับข่าวดี นอกจากนี้ ข้าราชการที่เข้าร่วมประชุม […]

“ณัฐพล” สั่งแจ้งเอาผิดกัมพูชา ทำร้ายร่างกาย-รื้อลวดหนาม

ทำเนียบ 26 ส.ค.- “ณัฐพล” ฮึ่ม สั่งกองทัพ-ปชช.แจ้งความเอาผิดกัมพูชา ทำร้ายร่างกาย-รื้อรั้วลวดหนามที่บ้านหนองจาน ด้าน กต. ทำหนังสือประท้วง ย้ำ เป็นอธิปไตยของไทย เตรียมนำปัญหาทั้งหมดคุยวง GBC ก.ย.นี้ ย้ำหน่วยพื้นที่ยิงตอบโต้ได้ทันที ตามกฎการใช้กำลัง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนามและทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ของไทย บริเวณบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูงจังหวัดสระแก้ว ว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว จะมาพบกับประชาชนที่บริเวณพื้นที่บ้านหนองจาน ทำให้เจ้าหน้าที่นำรั้วลวดหนามมาวางเพิ่มเติม เพราะกังวลว่าชาวกัมพูชาจะมารบกวน จึงทำให้ชาวกัมพูชาตั้งใจจะมารื้อในส่วนที่เป็นรั้วเพิ่มเติม ไม่ใช่ส่วนที่วางไว้ตั้งแต่เดิม จึงได้ให้คำแนะนำกับเจ้าหน้าที่ไปว่า เป็นการปักในพื้นที่ประเทศไทย จะมาทำอย่างนี้ไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย และจะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายอาญา ซึ่งกองทัพภาคที่หนึ่งหรือกองกำลังบูรพาก็สามารถดำเนินการ แจ้งความข้อหาทำลายทรัพย์สินของทางราชการได้ ซึ่งตนเองได้ย้ำว่าจะต้องไม่มีภาพแบบเมื่อวานเกิดขึ้นอีก เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนรับไม่ได้ พลเอกณัฐพล ยอมรับว่าการนำชาวบ้านมากดดันทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานลำบากมากขึ้น จึงมอบหมายให้ทำหนังสือประท้วงผ่านกระทรวงการต่างประเทศ เพราะเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย ที่ไม่สามารถมาทำเช่นนี้ได้ ส่วนการปฏิบัติการ จะใช้มาตรการเดียวกับการปราบปรามการชุมนุมหรือไม่ พลเอกณัฐพล กล่าวว่า การปฏิบัติการจะเป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งขั้นแรกได้ใช้ เครื่องแอลแรท (LRAD) ไปแล้ว เราต้องเตรียมกำลังเพิ่มเติม โดยจะพิจารณาใช้กำลังตำรวจ เพราะหากใช้กำลังทหารจะรุนแรงเกินไป […]