กสทช. 16 มิ.ย. – กสทช.สร้างภาคีเครือข่ายผู้บังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีโทรคมนาคมฯ ผนึกกำลังทุกหน่วยงาน สกัดการฟื้นคืนชีพแก๊งคอลฯ
พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดกิจกรรมเชิงปฏิบัติการการสร้างภาคีเครือข่ายสกัดคอลเซ็นเตอร์ฟื้นคืนชีพ กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือสร้างมาตรการป้องกันเชิงรุก ให้สอดคล้องกับ พ.ร.ก.มาตรการป้องปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่2) เพื่อสกัดการฟื้นคืนชีพของอาชญากรรมประเภทนี้โดยมี ผู้แทนหน่วยงานเข้าร่วมกว่า 200 คน ณ อาคารหอประชุม ชั้น 2 สำนักงาน กสทช.
พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าวว่า การป้องกันและแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ก็เป็นหนึ่งภารกิจสำคัญที่ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ที่ระบาดอย่างหนัก ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การแก้ไขปัญหาดังกล่าวมีความซับซ้อน เกี่ยวข้องกับกฎหมายหลายฉบับ และเป็นความรับผิดชอบของหลายหน่วยงาน จึงต้องบูรณาการงานร่วมกัน ทั้งเชิงนโยบายและเชิงปฏิบัติการ ซึ่งที่ผ่านมา กสทช. ได้ปฏิบัติการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ภายใต้มาตรการ “ซิม เสา สาย” มีผลการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดและตรวจยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ งานด้านการปรับปรุงกฎหมายและระเบียบต่างๆ ของ กสทช. ได้ขานรับ พรก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ฉบับที่ 2 ซึ่งมีผลใช้บังคับ เมื่อวันที่ 13 เม.ย.2568 ที่ผ่านมา ในเรื่องนี้ มีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก โดยล่าสุด กสทช. ได้จัดทำร่างมาตรการสำคัญ ดังนี้ 1.ผู้ให้บริการโทรคมนาคมต้องตรวจคัดกรองการใช้งานที่ต้องสงสัยและระงับการใช้ 2.ผู้ให้บริการจะต้องระงับการใช้ทันที ที่ได้รับการแจ้งจาก กสทช. ว่าเป็นเบอร์ที่ต้องสงสัย เพื่อป้องกันความเสียหายขยายวง 3.ผู้ให้บริการมีหน้าที่ตรวจสอบย้อนกลับเบอร์ที่จดทะเบียนใหม่ภายในสัปดาห์แรกว่า ข้อมูลที่รับจดทะเบียนถูกต้องตรงกับข้อเท็จจริงหรือไม่ 4.ผู้ให้บริการมีหน้าที่ตรวจสอบ SMS และ Links ก่อนจัดส่ง 5.ผู้ให้บริการต้องมิให้ซิมบ็อกส์ (Sim box) ที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือซิมบ็อกซ์ผี เชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคม 6.มาตรการบริหารจัดการซิมการ์ดสำหรับคนต่างชาติ โดยจำกัดจำนวนการลงทะเบียน ไม่เกิน 3 ซิมการ์ด และกำหนดให้ใช้พาสปอร์ตในการยืนยันตัวตนเพื่อลงทะเบียนเท่านั้น และ 7.ซิมนักท่องเที่ยว (Tourist SIM) ใช้งานได้ไม่เกิน 60 วัน โดยไม่สามารถเติมเงินเพื่อขยายระยะเวลาการใช้งานได้ ทั้งนี้ หากพบว่าผู้ให้บริการรายใดไม่ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด หากเกิดความเสียหาย อาจจำเป็นต้องร่วมชดใช้ให้กับผู้เสียหาย เพื่อให้เป็นไปตาม มาตรา 8/10 ภายใต้ พ.ร.ก. ฉบับใหม่ ซึ่งขณะนี้มาตรการดังกล่าว ผ่านคณะอนุกรรมการ กสทช. แล้ว และขั้นต่อไปจะเสนอให้ ที่ประชุมคณะกรรมการ กสทช. ชุดใหญ่ เห็นชอบต่อไป คาดว่าจะมีผลใช้บังคับในเร็วๆ นี้
การจัดกิจกรรมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ กสทช. ได้มุ่งเน้นการสร้างภาคีเครือข่ายระหว่างเจ้าหน้าที่ ทำให้การประสานความร่วมมือ การแบ่งปันข้อมูล และทำให้การปฏิบัติงานเป็นไปแนวทางเดียวกัน เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตลอดจนการพัฒนาความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในระดับนโยบายและการปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยในระบบโทรคมนาคมของประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป. -412-สำนักข่าวไทย