ดีเอสไอ 4 มิ.ย. – ดีเอสไอพบเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 70 ราย เอี่ยวฮั้วประมูลสัญญาก่อสร้างตึก สตง. ส่ง ป.ป.ช.ไม่เกินสัปดาห์หน้า
ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีพิเศษที่ 58/2568 กรณีตรวจสอบสัญญา 3 ฉบับ ได้แก่ สัญญาการออกแบบ สัญญาการก่อสร้าง และสัญญาการควบคุมงาน ในโครงการก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ความผิดตามกฎหมาย พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวพันกันในส่วนของตำแหน่งหน้าที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องส่งสำนวนให้สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวน โดยชี้แจงว่า ดีเอสไอได้ส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการคดีพิเศษ ในรายละเอียดคดีพิเศษ ความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 กรณี บริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด มีผู้ต้องหาทั้งหมด 5 ราย จึงทำให้เราพบความเกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก 2 ส่วน คือ 1.คดีฮั้วประมูล (คดีพิเศษที่ 58/2568) และ 2.คดีนอมินีภาคสอง ซึ่งเกี่ยวข้องกับ บริษัท สันติภาพ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่ทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ให้ข้อมูล ทั้งนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการออกเลขรับเป็นคดีพิเศษอีกหนึ่งสำนวน โดยจะมีบริษัท 16 ราย เกี่ยวข้องแต่จะต้องมีการคัดกรอง เบื้องต้นอาจจะมีประมาณ 4 บริษัท รวมถึงกรณีฝุ่นแดง เหล็กไม่ได้มาตรฐาน ก็ขอให้พนักงานสอบสวนได้ใช้เวลาในการทำสำนวนอีกสักระยะ
สำหรับ คดีฮั้วประมูล ดีเอสไอได้สรุป ว่ามีกรณีที่มีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐทั้งหมด 3 ส่วน ประกอบด้วย 1.ผู้บริหารองค์กรอิสระ 2.คณะกรรมการทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง จำนวน 10 คณะ ทั้งการออกแบบ การก่อสร้าง และการควบคุมงาน และ 3.คณะกรรมการการออกแบบวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 มาตรา 27 จำนวน 15 ราย รวมทั้งหมดประมาณ 70 ราย จะได้สรุปสำนวนส่ง ป.ป.ช. ภายในสัปดาห์นี้ ไม่เกินสัปดาห์หน้า
ร.ต.อ.สุรวุฒิ เผยด้วยว่า กรณีที่ดีเอสไอดำเนินคดีจากที่มีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ และพบพยานหลักฐานการฮั้วประมูลนั้น มาจากการควบคุมงาน ที่รับผิดชอบดำเนินการโดยกิจการร่วมค้า PKW ซึ่งรายละเอียดของการควบคุมงานจะมีการให้คะแนนทั้งหมด 3 หมวด คือ การดำเนินงาน บุคลากร และ เรื่องอื่น ๆ รวม 100 คะแนน แต่ในส่วนที่ดีเอสไอพบการกระทำความผิด คือ บุคลากร เพราะมีการปลอมลายมือชื่อแล้วเอาชื่อบุคคลอื่นซึ่งไม่มีความสามารถเป็นไปตาม TOR มาดำเนินการเสนอราคาในการคัดเลือก จึงพบความผิดดังกล่าว และได้กล่าวหาดำเนินคดีกับกิจการร่วมค้า PKW รวม 6 ราย อีกทั้งรายละเอียดเชื่อมโยงกันทั้งหมด รวมถึงมีผู้ต้องหา 1 ในนี้ มีการกล่าวหาว่า เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในการจัดฮั้วประมูล ตั้งแต่การออกแบบ การก่อสร้าง จึงทำให้คดีทั้งหมดเกี่ยวข้องกัน และอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามมาตรา 61 ดีเอสไอจึงต้องส่งรายละเอียดให้ ป.ป.ช. ตามกฎหมาย
เมื่อถามว่าเช่นนี้ผู้บริหารทั้ง 6 ราย ของกิจการร่วมค้า PKW มีส่วนรู้เห็นกับการได้มาซึ่งสัญญาการควบคุมงานหรือไม่ ร.ต.อ.สุรวุฒิ เผยว่า เรากล่าวหาอย่างนั้น ส่วนจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเอื้อประโยชน์หรือไม่ โดยเฉพาะในส่วนของผู้บริหารระดับสูงของ สตง. โฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า ต้องเรียนว่า มีการกล่าวหาเป็นหนังสือว่ามีการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือตามกฎหมายว่าด้วยเจ้าพนักงานของรัฐ ซึ่งก็คือข้าราชการในองค์กรอิสระ
ต่อข้อถามว่าบุคคลที่มาร้องทุกข์กล่าวโทษดังกล่าวถือว่าเป็นพยานปากสำคัญใกล้ชิด สตง. เลยหรือไม่ ร.ต.อ.สุรวุฒิ เผยว่า เป็นตามที่ปรากฏเป็นข่าว โดยมีผู้มากล่าวหาทั้งหมด 2 ราย ซึ่งทั้งคู่เป็นบุคคลที่ให้การว่า เขารู้เห็นในเรื่องรายละเอียดที่เกิดขึ้นจึงได้มีการให้รายละเอียดยืนยันตามหนังสือที่ส่งมาให้ดีเอสไอ
เมื่อถามว่าบุคคล 2 ราย ที่มากล่าวโทษผู้บริหารของ สตง. มีการร้องทุกข์กล่าวโทษตามมาตราใดของ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 ร.ต.อ.สุรวุฒิ ระบุว่า ตามกฎหมาย เขามีการกล่าวหาในพฤติการณ์หลายเรื่อง ทั้งเรื่องการทุจริต เรื่องการล็อกสเปค และการดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสัญญา โดยเฉพาะมาตรา 10 มาตรา 11 มาตรา 12 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ซึ่งทั้งหมดเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่จะดำเนินการไต่สวนความผิด ที่ผ่านมาทาง สตง.มีเจ้าหน้าที่มาให้การในรายละเอียดเรื่องการดำเนินการ กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมด รวมทั้งเป็นพยานสำคัญในการดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วย
สำหรับกรณีของคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างฯ พบว่ามีการกล่าวหาในเรื่องของการออกแบบ การก่อสร้าง และการควบคุมงาน แต่ที่พบชัดเจน คือ การควบคุมงาน เพราะใช้วิธีการคัดเลือก ซึ่งตามกฎหมาย หากคัดเลือกเสร็จแล้ว จะต้องมีหนังสือเชิญชวนไม่น้อยกว่า 3 ราย แต่ในส่วนนี้ทราบว่ามีการเสนอไป 19 ราย ซึ่งในส่วนของกิจการร่วมค้า PKW พบว่ามี 1 ใน 19 ราย คือ บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด ส่วนอีก 2 บริษัท คือ บริษัท ว. และสหายคอนซัลแตนตส์ จำกัด และบริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ไม่ได้เข้ามาอยู่เสนอราคาด้วย แต่ทางผู้ดำเนินการได้มีการขอยกเว้นหลักเกณฑ์ เสนอไปที่คณะกรรมการวินิจฉัยข้อกฎหมาย ตามมาตรา 29 เพื่อให้ยกเว้นหลักเกณฑ์ ระเบียบ และกฎกระทรวง ซึ่งกรณีเช่นนี้จึงทำให้มีการกล่าวหาว่าการยกเว้นดังกล่าว เป็นการเอื้อต่อกิจการร่วมค้า PKW อย่างไรก็ดี จากพยานหลักฐานพบว่ามีการดำเนินการยกเว้นจริง ส่วนจะมีการเอื้อหรือไม่ ต้องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นผู้ไต่สวน ส่วนจะมีผู้บริหารของ สตง. เป็นผู้เซ็นอนุมัติหรือไม่ เป็นรายละเอียดในสำนวน
ร.ต.อ.สุรวุฒิ ระบุด้วยว่า เรื่องดังกล่าวนี้ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในชุดผู้บริหารในอดีต ไม่ใช่ชุดปัจจุบัน ส่วนผู้บริหารชุดใหม่จะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ เป็นเรื่องที่ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะเป็นผู้ไต่สวน ซึ่งการกล่าวหาก็มีกรรมการ 10 คณะรวมอยู่แล้ว
ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวถึงข้าราชการ 3 กลุ่มที่ถูกกล่าวหาในเรื่องการฮั้วประมูล ว่า กลุ่มที่ 1 มีการกล่าวหาผู้บริหารว่ามีการล็อคสเปคเพื่อให้ได้มาซึ่งสัญญาการออกแบบ สัญญาการก่อสร้าง และสัญญาการควบคุมงาน ส่วนกลุ่มที่ 2 เป็นเรื่องของการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ในเรื่องของการเป็นกรรมการชุดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินงาน การตรวจการจ้าง หรือการดำเนินการวิธีการต่าง ๆ ซึ่งส่วนนี้มีจำนวน 10 คณะ ตามที่ตนได้เรียนแจ้งไปข้างต้น ขณะที่กลุ่มที่ 3 เป็นเรื่องของคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย หรือปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการดำเนินการตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560
พฤติการณ์ที่พบนอกจากการควบคุมงาน แล้วพอที่จะเปิดเผยได้ คือ การดำเนินการจ้างช่วง เพราะทาง สตง. ก็ได้ยืนยันว่า บริษัท 9PK จำกัด ไม่ได้มีการจ้างช่วงจริง ไม่มีรายชื่ออนุมัติการจ้างช่วง จึงจะเป็นเอกสารประกอบให้ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาไต่สวน
เมื่อถามว่าสังคมมีการตั้งคำถามว่าผู้บริหาร สตง. ชุดปัจจุบัน ไม่มีความผิด หรือความเกี่ยวข้องเลยใช่หรือไม่ โดยเฉพาะในสำนวนที่ดีเอสไอต้องส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนนั้น ร.ต.อ.สุรวุฒิ ชี้แจงว่า อย่างไรต้องรอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ไต่สวนก่อน เพราะเป็นเรื่องเดียวกันทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งปัจจุบัน เมื่อถามย้ำว่าสำนวนที่ดีเอสไอต้องส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในกรอบสัปดาห์นี้ มีชื่อของ นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่า สตง. คนปัจจุบันรวมอยู่ใช่หรือไม่ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า ก็อยู่ในสำนวนนั้นทั้งหมด ก็มีผู้บริหารตั้งแต่ต้น แล้วก็มีคณะกรรมการต่าง ๆ ที่มีหลายหน่วยงานรวมอยู่ในนั้น และคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ รวมแล้ว 3 กลุ่ม ประมาณ 70 รายชื่อที่มีการกล่าวหา แต่อย่างไรก็ต้องรอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ไต่สวนก่อน ทั้งนี้ ในส่วนที่ดีเอสไอเป็นผู้ดำเนินคดีเองก็คือผู้บริหาร 6 รายของกิจการร่วมค้า PKW
ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวด้วยว่า ระหว่างนี้จะได้ให้เจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมือง เข้ามาดำเนินการคัดเอกสาร เนื่องจากดีเอสไอได้มีการตรวจค้นทั้งหมด 3 ครั้ง แล้วพบว่าในการตรวจค้นครั้งที่ 2 มีเอกสารกว่า 121 ลัง จึงต้องพยายามคัดให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตามคำกล่าวหาและให้อยู่ในประเด็นในสำนวน หากเอกสารส่วนไหนไม่เกี่ยวข้อง ก็จะจะต้องคืนกลับไป และเราจะเร่งรัดดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ รวมถึงเรื่องเอกสารการตรวจค้นจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่ต้องส่งผลรายงานมาด้วย
เมื่อถามย้ำว่ากรณีการควบคุมงานทิพย์ ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ตึก สตง.ถล่ม หรือไม่ เพราะตามพฤติการณ์แล้ว นิติบุคคลมีการแอบอ้างว่ามีวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมงานก่อสร้าง มีประสบการณ์จะมาควบคุมงาน แต่พอหน้างานก่อสร้าง กลับไม่มีวิศวกรกลุ่มดังกล่าวอยู่ในการควบคุมงานนั้น ร.ต.อ.สุรวุฒิ ระบุว่า อันนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ตำรวจดำเนินคดีอยู่ แต่อีกเรื่องหนึ่ง เราก็ต้องรอทางคณะกรรมการที่รองนายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้ง เพราะเราได้มีการประสานข้อมูลกัน จึงต้องรอผลการตรวจของคณะกรรมการชุดดังกล่าวด้วย คาดว่าน่าจะไม่นาน อย่างไรก็ตาม ชุดคณะทำงานของดีเอสไอและคณะกรรมการที่รองนายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้ง มีการทำงานประสานงานร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กรณีการติดตามตัว นายบินลิง วู ผู้ต้องหารายสำคัญ ซึ่งเป็นนายทุนชาวจีน เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ อีกหนึ่งรายที่เหลือจากในคดีนอมินี บริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ หรือคดีพิเศษที่ 32/2568 นั้น ร.ต.อ.สุรวุฒิ ยืนยันว่า มันเป็นเรื่องกระบวนการการสืบค้น เรามีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คิดว่าไม่นาน เพียงแต่ว่าเรารอสำนวนนิดหนึ่ง เพราะมีปัญหาในเรื่องของการปฏิบัติเล็กน้อย ส่วนกระบวนการจับกุมมีการประสานงานกันอย่างต่อเนื่อง. -119-สำนักข่าวไทย