3 มิ.ย.- ตะเคียนยักษ์อายุกว่า 50 ปีภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ล้มทับรถทรัพย์สินราชการเสียหาย สาเหตุพายุฝนฟ้าคะนองถล่มกรุง ก่อนเหตุซ้ำซ้อนฝ้าเพดานอาคารศูนย์ฝึกอบรมฯ ในพื้นที่ใกล้เคียงถล่ม
ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 13.00 น. ของวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา บันทึกภาพขณะที่ฝนตกหนักถล่มกรุงเทพฯ และมีลมกระโชกแรง รวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้ต้นตะเคียนใหญ่ เส้นรอบวง 1.9 เมตร ความสูงมากกว่า 10 เมตร อายุไม่ต่ำกว่า 50 ปี ที่ปลูกอยู่บริเวณศาลสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใหม่ ล้มโค่นทับรถยนต์ 7 คันที่จอดอยู่บริเวณหน้าอาคารสำนักงานเลขานุการตำรวจแห่งชาติ
โดยรถที่ได้รับเสียหายทั้ง 7 คัน ประกอบด้วยรถตู้ตราโล่ 1 คัน, รถกระบะตราโล่ 4 ประตู 2 คัน, รถเก๋งตราโล่ 1 คัน, รถยนต์ของข้าราชการอีก 3 คัน ส่วนใหญ่มีร่องรอยการบุบจากการถูกต้นไม้ทับ และกระจกแตก แต่ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว


เหตุการณ์นี้ ตำรวจสันติบาลที่ประจำการในช่วงเวลาเกิดเหตุ เผยว่า เหตุเกิดวันอาทิตย์ ช่วงที่มีฝนฟ้าลมแรง ทำให้ต้นไม้ล้มทับรถยนต์ของหลวงและข้าราชการตำรวจจำนวนหลายคัน ซึ่งต้นไม้ดังกล่าวปลูกมานานแล้ว อีกทั้งวันเกิดเหตุมีพายุลมกระโชกแรง ซึ่งเมื่อรวม 2 ปัจจัย ก็น่าจะเป็นสาเหตุให้ต้นไม้ล้ม เบื้องต้นได้ประสานเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตปทุมวัน เข้าตัดและรื้อถอนต้นตะเคียนดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้จากการสังเกตการณ์ของผู้สื่อข่าว พบว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนที่จะเกิดเหตุฝ้าเพดานภายในห้องประชุมของอาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่อยู่ในอยู่พื้นที่เดียวกัน เพียงแค่ 1 วัน ถือเป็นเหตุซ้ำซ้อนที่เกิดขึ้นภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ซึ่งขณะนี้พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ทราบเรื่องและสั่งการกำชับให้เร่งตรวจสอบเหตุฝ้าเพดานถล่มแล้ว โดยเบื้องต้นพบว่าสาเหตุเกิดจากระบบคอนเดนเซอร์แอร์ ลักษณะแอร์ตัน ไม่ได้ล้างแอร์หลังใช้งานมาประมาณ 3 ปี ทำให้น้ำหยดลงบนฝ้าสะสม จนเป็นให้ฝ้าเปื่อยจนล่วงลงมา ซึ่งแนวทางหลังจากนี้จะต้องบำรุงรักษาโดยการเปลี่ยนฟิลเตอร์ พร้อมล้างแอร์ทุก 6 เดือน ผบ.ตร.ยังได้สั่งการให้กองโยธาธิการ สำนักงานส่งกำลังบำรุ่ง(สกบ.) ร่วมกับ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) เร่งตรวจสอบฝ้าทั้งห้องประชุมแจ้งยอดสุข และให้มีการบำรุงรักษาระบบ รวมทั้งล้างแอร์ตามวงรอบ และให้ตรวจสอบจุดอื่นๆ ที่เกี่ยวกับระบบแอร์ด้วย .419 .-สำนักข่าวไทย