ตร. 28 พ.ค. – ผบ.ตร. เชิญนักบินกองบินตำรวจสะท้อนปัญหา หลัง ฮ.ตก 2 ครั้ง ใน 1 เดือน พร้อมเผยมี ฮ.พร้อมใช้งาน 22 จาก 71 ลำ ไม่ใช่ 9 ลำ ตามที่โซเชียลแฉ ยืนยันทุกลำซ่อมตามวงรอบ ไม่เคยบังคับให้นักบินขึ้นบินหากไม่มั่นใจ
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาร่วมประชุมที่กองบินตำรวจ เพื่อไปพูดคุยและรับฟังข้อมูล ตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดของอากาศยานกองบินตำรวจทั้งหมด โดยให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้มากองบินตำรวจ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 2 ครั้งใน 1 เดือน ในฐานะผู้บริหารองค์กร ต้องการให้กำลังใจและสร้างความมั่นใจเพื่อให้นักบินใช้อากาศได้อย่างมั่นใจ เพราะมองว่าจะต้องมีการพูดคุยลงรายละเอียดในบางเรื่องเพื่อให้สามารถใช้อากาศยานของกองบินได้อย่างปลอดภัย
ส่วนกรณีที่ปรากฏแชทข้อความของนักบินที่เสียชีวิต ส่งให้กับเพื่อนระบุว่าเครื่องบินเสีย แทบบินไม่ได้แล้วนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ บอกว่า ไม่ว่าจะเป็นแชทข้อความที่มีการส่งกัน หรือแสดงความคิดเห็นต่อกัน จะไม่ตัดสินว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ได้สั่งการไปยัง พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในขั้นตอนการตรวจสอบ และจะต้องไม่มองข้ามประเด็นที่มีการพูดคุยกันอยู่
ส่วนที่ปรากฏข้อความระบุถึงกรณีการทุจริตในการซ่อมบำรุง ไม่ใช่อุบัติเหตุนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ บอกว่า ไม่ปฏิเสธ แต่ให้จเรตำรวจแห่งชาติรับฟังทุกประเด็น โดยทั้งหมดอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจากอะไร เรื่องเครื่องบินตกก็เป็นการตรวจสอบ พร้อมย้ำว่าผลการตรวจสอบที่ออกมาจะเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา หากพบการทุจริตมาจากใครจะจัดการอย่างเด็ดขาดทันที ไม่อยากให้กังวลว่า ผบ.ตร. จะช่วยใครหรือไม่ ตนไม่อยู่แล้ว เพราะนี่เป็นเรื่องที่เราสูญเสีย ที่ไม่สามารถประเมินความรู้สึกได้ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทุจริต อุบัติเหตุ หรือการบริหารที่ผิดพลาด กำลังให้จเรฯ ตรวจสอบอยู่ ขอให้นักบินที่ไม่มั่นใจ พบเจอปัญหา รายงานต่อตนเองได้โดยตรง
ส่วนกรณีที่เครื่องบินตกที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 25 เมษายนนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยได้ส่งกล่องดำไปให้บริษัทแม่ที่ประเทศแคนาดาแล้ว โดยตนเองยังไม่ได้รับข้อมูลผลการตรวจสอบกล่องดำ
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ บอกว่า เรื่องการซ่อมบำรุงเป็นไปตามวงรอบ ทุก 100-200 ชม. เพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนการตรวจการเช็ก ถ้าไม่ตรวจเช็กจะเป็นความผิดปกติ และหลังตรวจเช็กแล้วนักบินต้องร่วมตรวจสอบด้วย เมื่อมั่นใจว่าสามารถบินได้จึงจะทำการขึ้นบินทางอากาศได้ และยืนยันว่าในวันเกิดเหตุไม่ได้เป็นการทดสอบหลังการซ่อมบำรุง แต่เป็นการขึ้นบินตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายและอยู่ระหว่างกลับที่ตั้งแล้วเกิดเหตุขึ้นมา ส่วนการตรวจสอบแต่ละวงรอบได้มาตรฐานหรือไม่นั้น หรือเป็นการตรวจสอบเพื่อให้ครบขั้นตอน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ บอกว่า รอให้จเรตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบเรื่องนี้ ทั้งนี้ การซ่อมบำรุงในแต่ละครั้ง ตำรวจไม่ได้เป็นผู้ซ่อมเอง จะมีบริษัทที่ได้รับงบประมาณไปแล้วเป็นผู้ดูแล
สำหรับอากาศยานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ประจำการอยู่ มีอากาศยานทั้งหมด เครื่องบินมี 11 ลำ เฮลิคอปเตอร์ 71 ลำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอากาศยานที่รอจำหน่าย และมีเกือบ 30 ลำ ยังใช้งานได้อยู่ โดยเป็นเฮลิคอปเตอร์ 22 ลำ ที่ใช้งานได้อยู่ โดยลำที่มีอายุมากสุด อายุมากกว่า 40 ปี และอายุเฮลิปคอปเตอร์ที่น้อยสุด ประมาณ 3-4 ปี โดยยืนยันว่าในปี 2569 จะไม่มีการจัดซื้อเครื่องบินใหม่ แต่มีแผนจะจัดซื้อตั้งแต่ปี 70 เป็นต้นไป ทั้งเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์
โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยืนยันว่า งบประมาณที่ใช้ในการซ่อมบำรุง ที่จัดตั้งอยู่เป็นการประมาณการในเบื้องต้น แต่อาจจะไม่เพียงพอในกรอบที่ตั้งไว้ ซึ่งจะต้องพิจารณาหางบประมาณมาทำให้อากาศยานบินได้ และที่จอดอยู่ มีทั้งการตรวจสอบตามวงรอบ และรออะไหล่ ไม่สามารถบินได้
ส่วนกรณีที่นักบินไม่มั่นใจในเครื่องที่จะบินมีสิทธิปฏิเสธภารกิจหรือไม่นั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ทุกครั้งนักบินต้องมีการตรวจสอบอากาศยาน และที่ อ.หัวหิน นักบินก็มีการตรวจสอบและขอนำเครื่องขึ้น นักบินต้องมั่นใจในเครื่องบินของตัวเอง เมื่อมีภารกิจขึ้นมา นักบินที่มีชั่วโมงบินกับเครื่องบินลำนั้นก็ต้องไปรับภารกิจและมีการตรวจสอบ พร้อมย้ำว่าการเดินทางมาที่กองบินตำรวจมาเพื่อสร้างความมั่นใจและกำชับการบริหารงานของกองบินตรวจอย่างจริงจัง
ส่วนกรณีที่ ผบ.ตร. มีคำสั่งระงับการใช้อากาศยานทุกลำของกองบินตำรวจเพื่อรอการตรวจสอบก่อนนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ย้ำว่า ตนเองได้ระงับเพื่อให้เกิดการตรวจสอบ และสร้างความมั่นใจ โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมตรวจสอบให้พร้อมที่จะบิน และผู้ที่ตรวจสอบจะต้องลงชื่อร่วมกัน เพื่อให้เกิดความมั่นใจ โดยจะใช้เวลาในการตรวจสอบไม่นาน เพราะไม่ใช่การซ่อมบำรุงตามวงรอบ แต่หากเจอความผิดปกติก็จะส่งเข้าสู่การซ่อม แต่เป็นการซ่อมเล็ก ไม่ใช่วงรอบซ่อมใหญ่ ซึ่งบริษัทเข้าร่วมตรวจสอบจะให้กองบินตำรวจดำเนินการ และให้รายงานมาที่ฝ่ายบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนอากาศยานลำใดที่มีความจำเป็นในภารกิจเร่งด่วนก็จะอยู่ลำดับต้นๆ ของการตรวจสอบ ซึ่งการตรวจสอบแบบนี้ กองบินตำรวจสามารถทำได้เอง และตนเองอยากให้นักบินเข้าร่วมตรวจสอบด้วยเพื่อให้เกิดความโปร่งใส
กรณี ผบ.ตร. มีภารกิจที่จะใช้อากาศยานในวันเสาร์ที่ 31 พ.ค.นั้น กล้าใช้หรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ตอบทันทีด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “กล้าครับ ต่อให้ตอนนี้ยังไม่มีการตรวจสอบก็กล้าครับ นี่พูดจริงๆ เลย เพราะวันเสาร์นี้ตนจะไปทองผาภูมิ และกล้าที่จะตรวจสอบเรื่องทุจริต เอาให้ตรงไปตรงมาเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ดังนั้น ไม่กลัวที่จะเป็นผู้ตรวจสอบและเป็นผู้ดำเนินการให้ไปในทิศทางที่ถูกต้อง ไม่กลัวแน่นอน.-415-สำนักข่าวไทย