เปิดเส้นเงินเว็บพนัน โยงใยนายหน้าสาว

กทม. 16 พ.ค.- เปิดเส้นเงินเว็บพนัน โยงใยนายหน้าสาว พบใช้ 3 นิติบุคคลฟอกเงิน 800 ล้านบาท ไซเบอร์แกะรอยพบเส้นเงินเข้าบัญชีสีกาคนสนิทไม่ต่ำกว่า 31 ล้านบาท ส่วนอดีตพระลูกวัดไร่ขิง พบมีหมายจับด้วย

สำหรับเว็บพนันออนไลน์ “LAGALAXY911” เคยถูกตำรวจ บช.สอท. จับกุมเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2567 โดยครั้งนั้น พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ ผบก.อก.บช.สอท.พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ได้ขอศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง 24 ราย ประกอบด้วย ผู้ดูแลการเงิน,โปรแกรมเมอร์, พนักงานดูแลบัญชีธนาคารรับโอน-ถอน และบัญชีม้ารับโอนเงิน ก่อนนำกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 5 จุดในพื้นที่กรุงเทพฯ จ.นนทบุรี จ.ชลบุรี และ จ.นครปฐม สามารถจับกุมผู้ร่วมเครือข่าย 12 ราย ในจำนวนนี้มี น.ส.อรัญญาวรรณ อายุ 28 ปี ซึ่งทำหน้าที่เจ้าของบัญชีธนาคารและดูแลเส้นทางการเงิน ได้ที่บ้านหมู่บ้านดัง ต.ไร่ขิง อ.สามพราม จ.นครปฐม จากนั้นวันที่ 19 ก.พ.2568 ได้ขยายผลจับ 2 ผู้ต้องหา ซี่งเป็นสมาชิกแก๊งรถซิ่งชื่อดัง ทำหน้าที่ยิงแอดโฆษณาและบริหารการเงินของเว็บ และจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้เพิ่มเติมรวมเป็น 16 ราย


จากการสืบสวนพบเว็บพนันเครือข่ายดังกล่าว ได้จดทะเบียนนิติบุคคลในรูปแบบบริษัทเพื่อทำการฟอกเงิน 3 บริษัท และยังพบว่าบริษัทตั้งอยู่ในชุมชนแออัด และกรรมการบริษัทก็เป็นบุคคลที่อาศัยอยู่ในชุมชน จากการสันนิษฐานคาดว่า อาจถูกหลอกเอาข้อมูลส่วนตัวมาจดทะเบียนนิติบุคคลดังกล่าว การตรวจสอบบริษัททั้งหมดนั้นพบข้อมูลว่า ตั้งแต่ เม.ย.-ก.ค.67 บริษัท ก. มีเงินหมุนเวียนประมาณ 250 ล้านบาท และบริษัท ข. มีเงินหมุนเวียนประมาณ 200 ล้านบาท และตั้งแต่ พ.ค.-ก.ย.67 บริษัท ค. มีเงินหมุนเวียนประมาณ 362 ล้านบาท รวมทั้ง 3 บริษัท พบเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวนกว่า 800 ล้านบาท

การสืบสวนยังพบว่า น.ส.อรัญญาวรรณ นอกจากจะเป็นนายหน้าเว็บพนันออนไลน์แล้วนั้น ยังทำหน้าที่เป็นบัญชีรับผลประโยชน์จากเว็บพนัน โดยพบข้อมูลว่าบัญชีของน.ส.อรัญญาวรรณ เป็นบัญชีแถวที่ 3 ในการรับผลประโยชน์ โดยรับโอนเงินจากนิติบุคคลรายหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าเป็นบัญชีแถวที่ 2 และเป็นบัญชีพักเงินตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2567 ถึงวันที่ 29 กรกฎาคม 2567 จำนวน 37 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวน 48,790,225 บาท จากนั้นได้โอนเงินกลับไปยังบัญชีนิติบุคคลดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2567 ถึงวันที่ 29 กรกฎาคม 2567 จำนวน 85 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวน 97,056,000 บาท และยังโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารอื่นของตนเอง น่าเชื่อว่าเป็นบัญชีรับผลประโยชน์จากเว็บไซต์พนันออนไลน์ จำนวน 7 ครั้ง รวมเป็นจำนวนเงิน 480,000 บาท


นอกจากนี้ยังพบว่ามีนิติบุคคลอีก 2 บริษัท โอนเงินเข้าบัญชี น.ส.อรัญญาวรรณ ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 2567 ถึงวันที่ 13 สิงหาคม 2567 จำนวน 15 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวน 8,467,988.00 บาท และตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2567 ถึงวันที่ 19 กันยายน 2567 จำนวน 27 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวน 40,064,241.00 บาท

ส่วนกรณีนายแย้ม อินทร์กรุงเก่า อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงกับน.ส.อรัญญาวรรณ ชุดสืบสวนพบความสัมพันธ์จากการที่นายหน้าสาวให้การรับสารภาพว่ารู้จัก อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ตั้งแต่สมัยเรียนวัดไร่ขิง ยืมเงินครั้งแรก 40 ล้านบาท เพื่อนำมาลงทุนตั้งแต่ปี 2564 หลังจากนั้นก็เริ่มโทรขอคำปรึกษาทุกๆ เรื่องเรื่อยมา ระหว่างนั้นจะใช้วิธีวิดีโอคอลพูดคุยกันมาตลอด สอดรับกับข้อมูลที่ชุดสืบสวนได้แกะรอยพบเส้นเงินที่มีความเชื่อมโยงระหว่าง อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงกับน.ส.อรัญญาวรรณ ผ่านการที่ให้พระมหาเอกพจน์ ภูฆัง พระลูกวัดไร่ขิง นำเงินไปฝากที่ตู้รับฝากเงินอัตโนมัติตามที่ต่างๆ อาทิ ธนาคารไทยพาณิชย์สาขาวัดไร่ขิง, สาขาเซียร์รังสิต, สาขาเซ็นทรัลศาลายา, สาขาลำลูกกา, สาขาเดอะมอลล์บางแค, สาขาอ้อมใหญ่ เข้าบัญชีน.ส.อรัญญาวรรณ จำนวนหลายครั้ง เป็นเงิน 31,400,000 บาท

อย่างไรก็ตามพฤติการณ์การกระทำของพระมหาเอกพจน์ มีเหตุอันควรน่าเชื่อว่า เป็นการฝากรับฝาก หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สิน หรือเพื่ออำพรางลักษณะที่แท้จริงของการได้มา ลักษณะเป็นการทำธุรกรรมที่ผิดปกติ ไม่สัมพันธ์กับรายได้ที่ได้รับจากการประกอบอาชีพปกติ เป็นการปกปิดที่มาของเงิน เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจพบที่มาหรือต้นทางของเงินที่ได้นำเข้าบัญชีธนาคาร น่าเชื่อว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ดังกล่าว ซึ่งทางตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาออกหมายจับอดีตพระลูกวัดไร่ขิง พระมหาเอกพจน์ ภูฆัง หรือนายเอกพจน์ ตามหมายจับที่ 604/2568 ลงวันที่ 29 ม.ค. 2568 ในความผิดร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน และสมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐามผิดฐาน ฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน” ซึ่งปัจจุบันอดีตพระลูกวัดไร่ขิงได้ทำการสึก และหลบหนีการจับกุม ตั้งแต่น.ส.อรัญญาถูกจับกุมเมื่อปลายปีที่ผ่านมา.-419.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]