29 เม.ย.- รมว.ยุติธรรม ร่วมกับ บ.อิตาเลียนไทยฯ – บ.ไชน่า เรลเวย์ เตรียมเงินกว่า 95 ล้านบาท เยียวยาผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุ ตึกสตง.แห่งใหม่ ถล่ม หากเอกสารครบพร้อมจ่ายทันที
18.00 น. พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พลตำรวจตรีสมควร พึ่งทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ร่วมกันหารือข้อเสนอแนวทางการเยียวยาด้านมนุษยธรรมผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อาคารสำนักงาน สตง. ถล่ม กับนายเกรียงศักดิ์ กอวัฒนา ผู้แทนจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และตัวแทนจากบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ที่อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ
พันตำรวจเอกทวี บอกว่า วันนี้มีการหารือกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการช่วยเหลือทั้งตัวญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ จากผู้ที่ได้รับผลกระทบเหตุการณ์อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือสตง. แห่งใหม่ถล่ม โดยช่วยเหลือเป็นเงินด้านมนุษยธรรมที่ไม่ได้เกี่ยวกับคดีอาญาหรือคดีแพ่ง และไม่มีผลผูกพันธ์กับคดีแต่อย่างใด
พันตำรวจตรียุทธนา กล่าวว่า โดยการช่วยเหลือครั้งนี้มีการพูดคุยกันในเบื้องต้นว่าจะช่วยเหลือผู้เสียชีวิตรายละ 1 ล้านบาท และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บรายละ 2 แสนบาท โดย 2 แสนบาทนั้นไม่รวมค่ารักษาพยาบาล ส่วนกรณีคดีอาญานั้นก็ดำเนินไปตามกฏหมาย ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการที่เป็นการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว แต่ผู้ต้องหาก็มีสิทธิ์ที่จะต่อสู้คดี
ด้านนายเกรียงศักดิ์ เปิดเผยว่า ยืนยันว่าเราไม่ได้นิ่งนอนใจ ตั้งแต่แรกที่เกิดเหตุการณ์ก็จัดตั้งศูนย์อำนวยการที่หน้างาน เพื่อรับเรื่องจากทางญาติของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ซึ่งเรามีรายชื่อและมีการเยียวยาเบื้องต้นแล้ว ซึ่งมอบเงินช่วยเหลือค่าทำศพให้กับในรายที่นิติเวชได้พิสูจน์ทราบแล้ว โดยช่วยเหลือค่าทำศพไป และช่วยเหลือผู้ที่บาดเจ็บไปแล้ว แต่ส่วนนี้ เป็นเงินที่จะช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรม โดยเกณฑ์การช่วยเหลือ จะต้องพิจารณาว่าญาติของผู้เสียชีวิตที่จะได้รับเงินนั้น ผู้ใดคือคนที่เหมาะสมที่ได้รับ เนื่องจากเกรงว่าจะมีคนมาแอบอ้างสิทธิ เพื่อขอรับเงินเยียวยา หากพิสูจน์ยืนยันทางเอกสารได้ พร้อมจ่ายในทันที
เบื้องต้นผู้เสียชีวิตรวมผู้สูญหาย 94 รายนั้น และผู้บาดเจ็บ 9 ราย รวมทั้งสิ้น 103 ราย เราจะรับผิดชอบทั้งหมด อย่างไรก็ตามจะต้องเข้าหลักเกณฑ์ขั้นตอนผ่านทางสภาทนายความเพื่อช่วยกันกลั่นกรองในส่วนของเอกสารพิสูจน์ทางกฎหมาย ซึ่งจะต้องไปดูตามพฤตินัย
ขณะที่ ดร.วิเชียร กล่าวว่า เอกสารที่ต้องนำมาให้กับสภาทนายความเพื่อรับเงินเยียวยานั้น อาทิ สำเนาบัตรประขาชนของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ทะเบียนบ้าน บันทึกประจำวันที่ไปแจ้งความไว้ ใบมรณบัตร หรือใบรักษาพยาบาล รวมถึง เอกสารที่ยืนยันความผูกพันทางกฎหมาย เนื่องจากมีบางกรณีที่ผู้เสียชีวิตไม่ได้หย่าร้างกับภรรยาเก่า แต่มาอยู่กินกับภรรยาใหม่โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส ก็จะพิจารณาตามข้อเท็จจริง นอกจากนี้ยังมีการประสานความร่วมมือกับสถานทูตไทยที่เมียนมา ให้ญาติผู้เสียชีวิตหรือผู้สูญหายไปพิสูจน์ดีเอ็นเอหรืออัตลักษณ์เพื่ออำนวยความสะดวกให้อีกทาง
พลตำรวจตรีสมควร บอกอีกว่า เราเริ่มทำการสอบสวนและมีศูนย์ปฏิบัติการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลตั้งไว้ที่นิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ในส่วนนี้สรุปเป็นตัวเลขได้ว่า ศพที่ยืนยันได้เป็นร่างทั้งหมด 60 ร่าง ส่วนอีก 5 ศพนั้นเป็นชิ้นส่วนมนุษย์ โดยในจำนวนนี้สามารถพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ 54 ราย และมีการคืนศพไปให้ญาติแล้ว 43 ราย .-สำนักข่าวไทย