แถลงผลปฏิบัติการ “Operation Crypto Phantom”

24 เม.ย.- ผบก.ปอศ. แถลงผลปฏิบัติการ “Operation Crypto Phantom” กวาดล้างเครือข่ายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลผิดกฎหมาย เงินหมุนเวียนกว่า 14,000 ล้านบาท


อาคารประชาอารักษ์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) -24 เมษายน 2568 พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. พร้อมด้วยพ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ. พ.ต.ท.ณธัชพงศ์ สินสิริยานนท์ รองผกก.3 บก.ปอศ. และตำรวจกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศษฐกิจ ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการ “Crypto Phantom เปิดหน้ากากร้านแลกเหรียญเถื่อน” ต้นตออาชญากรรมอุ้ม, ปล้น,เรียกค่าไถ่ และฟอกเงิน พบเงินหมุนเวียนกว่า 14,000 ล้านบาท

ตำรวจได้เข้าตรวจค้น 8 จุด ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต จ.ชลบุรี และกรุงเทพมหานคร ดังต่อไปนี้


1.อาคารพาณิชย์ ในพื้นที่หมู่ 10 ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต ตามหมายค้นของศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 98/2568 ลง 18 เม.ย.68
2.บริษัทรับแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งหนึ่งในพื้นที่ ถ.ป่าสัก-โคกโตนด ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ตามหมายค้นของศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 99/2568 ลง 18 เม.ย.68
3.บริษัท รับแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล แห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่ 5 เชิงทะเล ถลาง ภูเก็ต ตามหมายค้นของศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 100/2568 ลง 18 เม.ย.68
4.อาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ถนนผังเมืองสาย ก. ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ตามหมายค้นของศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 101/2568 ลง 18 เม.ย.68
5.บริษัทรับแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ที่ 9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ตามหมายค้นของศาลจังหวัดพัทยา ที่ 66/2568 ลง 18 เม.ย.68
6.บ้านในพื้นที่ ถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ตามหมายค้นศาลอาญาที่ 334/2568 ลง 18 เม.ย.68
7.บ้านในพื้นที่ ถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ตามหมายค้นศาลอาญาที่ 335/2568 ลง 18 เม.ย.68
8.บ้านในพื้นที่ ซอยพระราม 2 ซอย 62 แยก 1-1-2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียนกรุงเทพมหานคร ตามหมายค้นศาลอาญาธนบุรี ที่ 133/2568 ลง 18 เม.ย.68

สำหรับปฏิบัติการการตรวจค้นทั้ง 8 ร้าน สามารถตรวจยึดพยานหลักฐานสำคัญ หนึ่งในพยานหลักฐานที่น่าสนใจคือ วัตถุวงกลมที่ทำเป็นรูปเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่จำนวนมาก ซึ่งตรวจยึดได้จากตู้เซฟในร้านแห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต โดยอยู่ในระหว่างการตรวจสอบว่าวัตถุดังกล่าวเป็นเหรียญทองหรือทำจากวัสดุอะไร

พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ กล่าวว่า ในปัจจุบันอาชญากรรมรูปแบบใหม่กำลังทวีความรุนแรงและ มีลักษณะซับซ้อนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การพนันออนไลน์ และขบวนการค้ายาเสพติด ซึ่งได้มีการปรับเปลี่ยนแผนประทุษกรรมให้ทันสมัยขึ้น ตามพัฒนาการของเทคโนโลยี หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่อาชญากรใช้ในการอำพรางเส้นทางการเงิน คือ “คริปโตเคอร์เรนซี” ซึ่งมักถูกนำมาใช้ในการฟอกเงิน โดยกระบวนการฟอกเงินในปัจจุบัน มีหลายวิธี ซึ่งหนึ่ง ในวิธีการที่คนร้ายมักใช้ คือการทำธุรกรรมผ่านร้านแลกเปลี่ยนคริปโตที่ไม่ได้รับอนุญาตในไทย หลังจากนั้นสินทรัพย์ต่างๆ จะถูกถอนออกมาเป็นเงินสด คนร้ายนิยมฟอกเงินที่ได้ผ่านระบบคริปโตเคอร์เรนซี โดยเฉพาะการรับแลกเงินตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งภูเก็ต สมุย พัทยา รวมกระทั่งกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาทางภาครัฐโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ออกพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ได้มีผลบังคับใช้แล้ว ในการควบคุมผู้ประกอบกิจการ ทั้ง บริษัทผู้ประกอบการ ดีลเลอร์ ฯลฯ การออกพ.ร.ก.นี้ทำให้สามารถต้นทราบต้นทางและปลายทางของผู้ขายสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งบริษัทที่ได้รับอนุญาตให้มีการแลกเปลี่ยนเงินตราจากก.ล.ต.มีเพียง 33 บริษัทเท่านั้น โดยทั้ง 8 ร้านที่เข้าตรวจสอบแม้จะมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจากธนาคารแห่งประเทศไทย แต่ทว่าการประกอบธุรกิจแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลได้นั้นจะต้องได้รับการอนุญาตจาก ก.ล.ต.เท่านั้น แต่ทั้ง 8 ร้านไม่พบใบอนุญาตดังกล่าวแต่อย่างใด


การสืบสวนของกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) พบว่า ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดชลบุรี และจังหวัดภูเก็ต มีร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตราแอบแฝงการให้บริการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท USD Tether (USDT) แบบ “ชนมือ” ซึ่งก็คือการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล โดยไม่ได้ผ่านศูนย์แลกเปลี่ยนที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย โดยการให้บริการลักษณะดังกล่าว มีเป้าหมายชัดเจนในการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน รวมถึงหลบเลี่ยงภาษี และมีการนำเงินที่ได้ไปหมุนเวียนในธุรกิจผิดกฎหมายหลายรูปแบบ โดยเฉพาะเครือข่าย ค้ายาเสพติดและแก๊งคอลเซ็นเตอร์

จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่า ธุรกรรมมากกว่า 1,000 รายการ เชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรม และมีเงินหมุนเวียนรวมสูงถึง 425,104,595 USDT หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 14,000 ล้านบาท โดยเป้าหมายลูกค้ารับแลกสินทรัพย์ดิจิตอล คือบรรดาชาวต่างชาติทั้งชาวรัสเซียหรือชาวจีนรวมทั้งชาวต่างชาติอื่นๆ ที่นำเงินมาแลกเปลี่ยนผ่านร้าน

พ.ต.อ.ธีรภาส กล่าวว่า ผลการตรวจค้น 8 จุดเป้าหมาย พบผู้กระทำผิดที่ให้บริการแลกเปลี่ยนผิดกฎหมายและอยู่ระหว่างการดำเนินคดี 5 ราย ทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา โดยได้มีการออกหมายเรียกสอบผู้เกี่ยวข้องจำนวน 12 ราย พร้อมตรวจยึดของกลางที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการ อาทิ คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์มือถือ, สมุดบัญชีธนาคาร, Hardware Wallet และเอกสารธุรกรรมจำนวนมาก พฤติกรรมของเครือข่ายนี้มีลักษณะเป็นการเปิด “โต๊ะแลกคริปโต” ให้ลูกค้าชาวต่างชาติใช้เงินบาทแลกเหรียญดิจิทัล หรือแลก USDT กลับเป็นเงินบาท แบบไม่ผ่านระบบ Exchange ที่ได้รับอนุญาต ซึ่งนำไปสู่การฟอกเงินในต่างประเทศผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัลและ Exchange ต่างชาติ ก่อนกระจายเงินเข้าสู่กลุ่มมิจฉาชีพ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือธุรกิจผิดกฎหมายอื่น โดยการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลในลักษณะ “ชนมือ” หรือการนัดพบเพื่อแลกเปลี่ยน เหรียญดิจิทัลกับเงินสด นอกสถานที่และนอกระบบที่ได้รับอนุญาต ถือเป็นพฤติกรรมที่มีความเสี่ยงสูง ทั้งในด้านความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน และการมีส่วนร่วมในธุรกรรมที่อาจเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินหรือกิจกรรมผิดกฎหมายอื่นๆ หากพบว่ามีการดำเนินการดังกล่าวโดยบุคคลทั่วไป หรือแม้แต่ผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบ กิจการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แต่มีการแอบให้บริการแลกเปลี่ยน สินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ก็ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายเช่นกัน

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จึงขอให้ประชาชนเลือกใช้บริการผ่านผู้ให้บริการที่ได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งส่งเสริมการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเป็นกลไกในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นแก่ ภาคธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติ รัฐบาลได้ออก พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในการกำกับดูแลการดำเนินธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ให้มีความปลอดภัย โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ โดยขอแจ้งเตือนประชาชนและผู้ประกอบการให้ระมัดระวังการ ซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล โดยไม่ได้ รับอนุญาต ซึ่งอาจเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายหลายฉบับ ได้แก่ พระราชกำหนด การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ที่กำหนดโทษจำคุกตั้งแต่ 2 – 5 ปี และปรับตั้งแต่สองแสนบาท ถึงห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกิน วันละหนึ่งหมื่นบาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ พระราชบัญญัติป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งกำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท รวมถึงความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา ในหมวดการฉ้อโกงหรือการใช้เอกสารอันเป็นเท็จ และหากเป็นผู้ประกอบธุรกิจ แลกเปลี่ยนเงินตราที่มีใบอนุญาต จากธนาคารแห่งประเทศไทยแต่ฝ่าฝืนโดยลักลอบให้บริการเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต อาจถูกเพิกถอนใบอนุญาตและถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมด้วย จึงขอให้ประชาชน ใช้บริการเฉพาะผู้ที่ได้รับใบอนุญาต อย่างถูกต้อง และหากพบพฤติกรรมต้องสงสัยสามารถแจ้งเบาะแสต่อเจ้าหน้าที่โดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกัน ความเสียหาย ที่อาจเกิดขึ้นต่อระบบการเงินและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ .419 สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดชื่อ “73 อรหันต์” ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 ประชุมนัดแรก 9 มิ.ย.

รัฐสภา 31 พ.ค. – เปิดชื่อ “73 อรหันต์” ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 69 ประชุมนัดแรก 9 มิ.ย.นี้ เคาะประธาน-รองประธาน วางกรอบการทำงาน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 73 คน ประกอบด้วย สัดส่วนคณะรัฐมนตรี (ครม.) จำนวน 18 คน คือ 1. นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง 2. นายจักรพงษ์ แสงมณี 3. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง 4. นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม 5. นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ 6. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ […]

สภาวุ่น! งูเห่าไทยสร้างไทย เสนอชื่อ กมธ.งบฯ แข่ง

รัฐสภา 31 พ.ค.- สภาวุ่น! งูเห่าไทยสร้างไทย เสนอชื่อ กมธ.งบฯ แข่ง ประธานสั่งพักประชุม 5 นาที สุดท้ายงูเห่ายอมถอย ไปอยู่สัดส่วน ครม.แทน การประชุมสภาผู้แทนราษฎรหลังที่ประชุมมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติพิจารณางบประมาณรายจ่ายงบประมาณ 2569 ในขั้นตอนการเสนอชื่อกรรมาธิการวิสามัญฯ จำนวน 73 คน ในสัดส่วนของพรรคไทยสร้างไทย จำนวน 1 คน โดยนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน และ สส.พรรคประชาชน ได้เสนอชื่อ นายชัชวาล แพทยาไทย ขณะที่นางสุภาพร สลับศรี สส.พรรคไทยสร้างไทย นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ทำให้เกิดการประท้วงกันเนื่องจากมีการเสนอชื่อ 2 คน แต่ปกรณ์วุฒิ ยืนยันว่าพรรคไทยสร้างไทยมีหนังจากกรรมการบริหารพรรคว่าจะเสนอชื่อนายชัชวาล เป็นตัวแทนของพรรคทำให้นายฐากูร ยืนยันว่าที่ผ่านมาการเสนอชื่อบุคคลเป็นกรรมาธิการวิสามัญจะต้องถูกเสนอโดยคนของพรรคตัวเอง ไม่ใช่พรรคอื่น ซึ่งวันนี้พรรคไทยสร้างไทยเสนอชื่อตน แต่พรรคการเมืองอื่นเป็นเสนอชื่ออีกคน ทำให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ประธานในที่ประชุม วินิจฉัยว่า ใครจะเป็นผู้เสนอชื่อก็ได้ขอแค่มีผู้รับรอง ก่อนจะให้เวลาทั้ง 2 ฝ่ายหารือกัน […]

“ชาดา” ปลุกรัฐบาล ถ้าไม่แจกเงินหมื่น “นายกฯ เท้ง” มาแน่

รัฐสภา 31 พ.ค.-“ชาดา” ปลุกรัฐบาล ถ้าไม่แจกเงินหมื่น “นายกฯ เท้ง” มาแน่ ลั่นถ้าทำให้นายกฯ ไม่ได้ ก็เปลี่ยนตัว เอาคนอื่นไปนั่งแทน นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วาระร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 นายชาดา กล่าวว่าในฐานะที่อยู่ในสภาฯ มาพอสมควร ขอชื่นชมฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลมีการพัฒนาในการอภิปรายอย่างมาก ปี 69 มีงบประมาณลงทุน 7 แสนล้านบาท คนพูดกันตลอดเวลาว่าทำไมช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยในประเทศนี้จึงห่างขึ้นทุกวัน ยกตัวอย่าง ในงบลงทุนเป็นงบก่อสร้าง 4.75 แสนล้านบาท ซึ่งงบก่อสร้างไม่เหมือนในอดีตเพราะต้องถูกตัดไปให้ธนาคาร 5% จึงอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ามาดูเพราะเป็นการเอาเปรียบประชาชน ในจำนวนนี้มีค่าธรรมเนียม 2.5% ต่อปี นอกจากนี้ยังมีเรื่องเร่งรัดการเบิกจ่ายอีก 15% ซึ่งธนาคารตัดไป 3% และคิดค่าธรรมเนียมอีกต่างหาก นายชาดา กล่าวว่างบก่อสร้าง มีเครื่องจักรเหล็กหินวัสดุที่เป็นปูน หากเป็นงานถนนมีแรงงานเพียง 15% เงินส่วนนี้ไม่ได้ไปสู่ระบบข้างล่าง […]

ฝากขังพระเอกลิเกฆ่าลูกเลี้ยงป่วยออทิสติก

นครราชสีมา 30 พ.ค. – ตำรวจคุมตัวพระเอกลิเกฆ่าลูกเลี้ยงป่วยออทิสติก และขืนใจลูกวัย 11 ขวบ ฝากขังศาลจังหวัดนครราชสีมา อ้างวันเกิดเหตุถูกผู้ตายด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ด้วยความโมโหและมึนเมาสุรา จึงก่อเหตุ ความคืบหน้ากรณีพ่อเลี้ยงพระเอกลิเกสุดโหดใช้ค้อนสำหรับทุบหมู ทำร้ายลูกเลี้ยงนางเอกลิเกที่ป่วยเป็นโรคออทิสติก จนบาดเจ็บเลือดคั่งในสมอง ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.นครราชสีมาบุกรวบตัวผู้ต้องหาคือ นายกิติทัช อายุ 48 ปี พระเอกลิเกชื่อ “รักยิ้ม ทับทิมสยาม” พ่อเลี้ยง ได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เมื่อคืนที่ผ่านมา (29 พ.ค.) ขณะผู้ต้องหากำลังเตรียมหลบหนีไปประเทศกัมพูชา ก่อนจะควบคุมตัวมายังสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา เพื่อสอบปากคำ เช้าวันนี้ (30 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา คุมตัวผู้ต้องหามาสอบสวนขยายผล จนผู้ต้องหา ยอมให้การรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุจริง อ้างว่าในวันเกิดเหตุถูกผู้ตายด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ด้วยความโมโห พร้อมกับมีอาการมึนเมาจากการดื่มสุรา จึงลงมือก่อเหตุดังกล่าว เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา “ทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย” ส่วนข้อหากระทำอนาจารต่อลูกสาววัย 11 ขวบ ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่พบหลักฐาน หากตรวจพบหลักฐานที่ชัดเจนจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังศาลจังหวัดนครราชสีมา […]

ข่าวแนะนำ

“วิว กุลวุฒิ” นักแบดชายเดี่ยวไทยคนแรก ขึ้นเป็นมือ 1 โลก

สิงคโปร์ 1 มิ.ย.-“วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักตบลูกขนไก่ มือ 2 ของโลก ผ่านเข้าชิงชนะเลิศ แบดมินตัน สิงคโปร์ โอเพ่น 2025 พร้อมจะขยับขึ้นเป็นมือ 1 โลกชายเดี่ยว เป็นคนแรกของไทย ผลการแข่งขัน แบดมินตัน สิงคโปร์ โอเพ่น 2025 รายการระดับ เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 750 ชิงเงินรางวัลรวม 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 33 ล้านบาท ที่สิงคโปร์ ประเภทชายเดี่ยว รอบรองชนะเลิศ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มือ 2 ของโลก และเจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิก “ปารีสเกมส์ 2024” ตบเอาชนะ หลิน ชุนยี่ มือ 19 ของโลก จากไต้หวัน 2-0 เกม 21-11 […]

นายกฯ โพสต์แสดงความยินดี “โอปอล-วิว” สร้างประวัติศาสตร์ไทย

ทำเนียบฯ 1 มิ.ย. – นายกฯ โพสต์แสดงความยินดีกับ “โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎมิสเวิลด์ 2025 คนแรกของประเทศไทย และ “วิว-กุลวุฒิ วิทิตศานต์” สร้างประวัติศาสตร์นักแบดมินตันชายเดี่ยวไทยคนเเรกขึ้นมือ 1 โลก นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์แสดงความยินดีกับคุณโอปอล สุชาตา มิสเวิลด์ 2025 คนแรกของประเทศไทย และคุณวิว-กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักแบดมินตันชายเดี่ยวคนแรกของไทยที่ขึ้นมือ 1 โลกอย่างไม่เป็นทางการค่ะ ทั้ง 2 ข่าวใหญ่ในวันนี้สร้างความภูมิใจให้คนไทยทั้งประเทศ ด้วยความพยายาม ความมุ่งมั่น ของคุณโอปอล และคุณวิว ได้สร้างประวัติศาสตร์ให้คนไทยทั้งประเทศ ความสำเร็จของทั้ง 2 ท่านในวันนี้ จะเป็นแรงบันดาลใจให้น้องๆ เยาวชนและคนไทยค่ะ 🇹🇭❤️#โอปอลสุชาตา #วิวกุลวุฒิ #MissWorldThailand .-314-สำนักข่าวไทย

ซ้อมเสมือนจริง

ผบ.กกล.บูรพา ตรวจความพร้อมรบ เสริมศักยภาพป้องกันชายแดน

สระแก้ว 1 มิ.ย. – ซ้อมเสมือนจริง “ผบ.กกล.บูรพา“ ตรวจความพร้อมรบ เพื่อให้พร้อมรองรับภารกิจตามที่ได้รับมอบหมายในพื้นที่ชายแดน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (31 พ.ค.) ที่บ้านหนองสังข์ ต.หนองสังข์ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พล.ต.เบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผบ.พล.ร.2 รอ. ในฐานะ ผบ.กกล.บูรพา เป็นประธานตรวจสภาพความพร้อมรบตามระเบียบปฏิบัติประจำของหน่วยเฉพาะกิจกองพันทหารราบยานเกราะ (ร.12 พัน.2 รอ.) หลังจากที่ได้ดำเนินการ เคลื่อนย้ายกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ เข้าสู่ที่รวมพล บริเวณกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 126 ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดน ทั้งนี้ ปฏิบัติภารกิจของหน่วยเมื่อได้รับมอบจากหน่วยเหนือ โดย ผบ.พล.ร.2รอ./ผบ.กกล.บูรพา ได้เน้นย้ำสั่งการในเรื่องการรักษาระเบียบวินัยของกำลังพลในการปฏิบัติหน้าที่ การแสดงภาพลักษณ์ที่ดี แสดงกำลังให้ประชาชนในพื้นที่ เชื่อมั่นในการรักษา ปกป้อง ประเทศชาติ และให้ใส่ใจผู้ใต้บังคับบัญชา ในสายการบังคับบัญชาของตนเอง ในทุกระดับ พร้อมทั้งสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา ผสมผสานกับความเป็นผู้นำ และให้เตรียมความพร้อมของกำลังพลที่พร้อมจะปฏิบัติหน้าที่เมื่อได้รับภารกิจจากหน่วยเหนือ.-313-สำนักข่าวไทย

พระราม 2 อีกแล้ว ชิ้นส่วนโครงสร้างคอนกรีตตกใส่รถบุบ

พระราม2 1 มิ.ย.-ผวากันอีกแล้ว โซเชียลแห่แชร์ภาพชิ้นส่วนเหล็กขนาดใหญ่ ตกใส่หลังคารถคันหนึ่งที่ขับผ่านถนนเส้นพระราม 2 และเป็นช่วงฝนตกลมแรง ซึ่งเจ้าของรถบอกโชคดีที่ตกใส่ด้านหลัง ด้านผู้รับเหมาขอโทษ พร้อมจ่ายชดเชยค่าเสียหายและเยียวยา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Panjana Krasinthusap โพสต์คลิปพร้อมกับภาพนิ่ง และเขียนข้อความ ระบุว่า โดนเข้าแล้ว #พระราม2 #พระรามสยอง เหตุเกิดหน้าโลตัสมหาชัย2 เส้นคู่ขนาน วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม 68 เวลาประมาณ 6 โมงเย็น ตอนฝนตก มีชิ้นส่วนโครงสร้างคอนกรีตเป็นเกลียวปรับได้ (U-Head) ตกลงมาใส่หลังคารถช่วงท้ายเป็นรู และบุบ แล้วชิ้นส่วนก็คาอยู่ตรงนั้นเลยตามภาพ อยากตามหารถที่ขับตามหลังมา เป็นรถสีขาว แต่ไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียนเผื่อมีกล้องหน้า ฝากแชร์ทีค่ะ ยังดีที่ตกด้านหลังนะ ถ้าตกลงกระจกหน้าจะสภาพไหนวะ ส่วนทะเบียนเรา 4198 นอกจากโพสต์คลิปและภาพนิ่งในที่เกิดเหตุ เจ้าของโพสต์ยังแปะภาพนิ่งของเหล็กที่ยกเอาไปแจ้งความที่โรงพักในคอมเมนต์ด้วย เหตุการณ์ดังกล่าว ในวันนี้ บริษัทบางแสนมหานคร จำกัด ออกเอกสารชี้แจง โดยระบุว่า เรียน พี่น้องประชาชนทุกท่าน บริษัท บางแสนมหานคร จำกัด […]