กู้ตึก สตง.ใหม่ถล่มได้แล้วเกือบ 70% ลดความสูงซากได้ต่อเนื่อง

กรุงเทพฯ 23 เม.ย. – ผอ.สปภ. เผยคืบหน้าภารกิจกู้ซากอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ถล่ม ปฏิบัติการคืบหน้าเกือบร้อยละ 70 สามารถลดระดับความสูงของซากอาคารลงมาได้ต่อเนื่อง


บรรยากาศบริเวณอาคาร สตง.ถล่ม เช้านี้ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการรื้อถอนซากอาคาร พร้อมกับค้นหาร่างผู้สูญหายอย่างต่อเนื่อง ทั้งเครื่องจักรหนัก และกำลังคน ยังคงสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำงานพร้อมทั้งฉีดพ่นละอองน้ำ เพื่อลดการฟุ้งกระจายของฝุ่น โดยวันนี้มีการประชุมความคืบหน้าปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายและรื้อถอนซากอาคาร สตง.ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว ที่กองอำนวยการร่วม นำโดย รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร และส่วนที่เกี่ยวข้อง

นายสุริยชัย เปิดเผยถึงความคืบหน้าภารกิจกู้ซากอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ถล่ม ว่า การลดความสูงของซากอาคารในภาพรวม เฉลี่ยแล้ว ลดลง 1.17 เมตร หากคงระดับนี้ได้จะอยู่ในระยะเวลาคาดว่าภายในสิ้นเดือนจะถึงชั้นที่ 1 ส่วนการทำงานจะมีการทำแผนของชั้นใต้ดินและมีการประชุมกับทางทีมงานแล้ว โดยเฉพาะฝ่ายช่าง ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะได้ไปดูหน้างาน ซึ่งตัวอาคารเดิมจะมีความกว้างยาวอยู่ที่ 40×40 เมตร ส่วนด้านข้างของซากอาคารด้านซ้ายซึ่งเป็นอาคารที่เชื่อมกันได้มีการรื้อออกและนำเศษปูนไปถมพื้นชั้นใต้ดินเพื่อจะนำรถเครื่องจักรหนักเข้าไปทำงาน จึงวางแผนเพื่อใช้พื้นที่ ในส่วนนี้มีการวางแผนจะนำเศษปูนออกเพื่อให้มีที่ว่างขุดด้านข้างของตัวชั้นใต้ดิน เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ระยะเวลาการทำงานไม่หายไปสามารถทำงานเสร็จสิ้นได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด


ส่วนการทำงานด้านล่างจะใช้การลดทอนความสูงจากด้านบน โดยที่บริเวณด้านบนจะมีการขุดแล้วนำเศษปูนออก จากนั้นจะตัดเหล็ก ที่ผ่านมามีการลดระดับลงเรื่อย ๆ ความสูงก็จะลดลงและความหนาก็จะหายไป หากดูจากหน้างาน ตัวด้านหน้าที่เคยบอกว่าเป็นโซน A กับ โซน D จะเหลือแค่ A4 กับ D1 ส่วนบริเวณโซน A1-A3 รวมถึงโซน D2-D4 ได้ลดลงหายไปแล้ว จึงยังเหลือพื้นที่ที่จะต้องดำเนินการบริเวณโซนด้านหน้าของโซน A และโซน D อีก 1 ใน 4 ส่วน สำหรับลดทอนความสูงที่โซน B และ โซน C จากความสูง 8.58 เมตร ลดเหลือ 7.41 เมตร ส่วนโซน A และโซน D จาก 9.78 เมตร ลดมาเหลือ 9.25 เมตร

ส่วนความยากของการค้นหา นายสุริยชัย บอกว่าความยากยังคงเหมือนเดิม คือตัวเหล็ก เพราะเครื่องมือ โดยเฉพาะเครื่องจักรหนักก็มีการเสีย เป็นระยะ เมื่อเสียก็จะมีการซ่อมแซม เมื่อวานนี้พบเสีย 8 เคส แต่เคสหนักๆ คือมีบูมหักของเครื่องจักรเบอร์ 18 ไม่สามารถซ่อมแซมได้ จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนตัวใหม่ ทำให้เครื่องจักรหนักหายไป 1 ตัว ส่วนเคสที่มีการซ่อมแซมไปเมื่อวานนี้เกี่ยวกับระบบไฮดรอลิกก็ได้มีการถอดเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอุปกรณ์ซ่อมแซมจะอยู่หน้างาน ช่วยให้การทำงานทำได้รวดเร็วขึ้น บางส่วนมีบุ้งกี๋แตกทำให้ต้องเสียเวลาในการเชื่อมโดยมีทีมช่างของกองอำนวยการช่างกลสำนักงานโยธา กรุงเทพมหานครจัดทีมช่างเข้ามาช่วยดำเนินการ

เมื่อถามถึงบริเวณช่องบันไดพบร่างผู้สูญหายเพิ่มเติมหรือไม่ นายสุริยชัย กล่าวว่า เมื่อวานนี้เวลาประมาณเที่ยงได้พบร่างจำนวน 2 ร่างบริเวณช่องบันได หลังจากนั้นยังไม่ได้พบเพิ่มเติมแต่จะมีพบชิ้นส่วนบางชิ้นส่วน ทั้งชิ้นส่วนเนื้อและชิ้นส่วนกระดูกจำนวน 4 เคส ทั้งนี้ผู้สูญหายที่เหลือคาดว่าน่าจะอยู่บริเวณชั้นล่างเพราะพฤติกรรมของคนจะวิ่งหนี ตามที่มีการคำนวณจะมีชั้นที่ต่ำกว่าชั้น 15 ลงไปจากข้อมูลมีคนทำงานอยู่ประมาณ 40 คน ซึ่งสอดรับกับข้อมูลที่คนจะวิ่งลงมาตามช่องบันไดเพื่อลงมายังชั้นล่าง ขณะนี้พบตัวช่องบันไดและป้ายของชั้น 11 แต่จัดการวิเคราะห์ตัวลิฟท์และตัวบันไดหนีไฟมีความแข็งจึงไม่แตกละเอียด การพบตัวเลขบอกบันไดเป็นส่วนหนึ่งในการนำมาวิเคราะห์แต่ยังไม่ยืนยันว่าระดับที่เจอเป็นระดับนั้นจริงๆ ทั้งหมดหากคิดจากความสูงกว่า 130 เมตร จากพื้นที่ความสูงของซากอาคารที่ลงมาที่ 26.8 เมตร รวมกับชั้นใต้ดินด้วยประมาณกว่า 31 เมตร ทำให้เฉลี่ยแล้ว 1 เมตรมีประมาณ 4 ชั้น แต่ขณะนี้ความสูงอยู่ที่ 7.41 เมตร บวกกับชั้นใต้ดินลึก 4 เมตร รวมเป็น 11 เมตร


ส่วนเครื่องมือหนักในขณะนี้มี 30 ตัว การวางแผนเมื่อวานนี้ การทำงานในช่วงกลางวันเนื่องจากตัวอาคารเริ่มแคบลง ทำให้การทำงานในช่วงกลางวันจะใช้เครื่องจักร 15 ตัว ส่วนกลางคืนจะทำงาน 1 ตัว ส่วนการมาช่วยของเอกชนจะมีการทำงานเพียง 1 ผลัด ส่วนของทหารและทางราชการทำงานได้ต่อเนื่องเพราะมีการสับเปลี่ยนกำลัง จัดการพูดคุยกับทีมอาสาสมัคร ยังคง สู้ และมีเป้าหมายเดียวกันคืออยากให้นำร่างออกมาให้ครบ และอยู่ด้วยกันจนจบงาน

ส่วนเช้าวันนี้เวลา 05.00 น. ใช้กำลังพล 107 คน K-9 จำนวน 3 ตัว ซึ่งจะมีการปูพรมค้นหาในเวลานี้ การค้นหาจะต้องทำด้วยความละเอียดรอบคอบในการนำร่างผู้ประสบภัยมาคืนให้กับญาติ เพราะยังมีการพบร่างและชิ้นส่วนบริเวณกองปูนอยู่เป็นระยะ ส่วนการขนย้ายซากอาคารทั้งเศษปูนและเหล็กได้มีการประเมินกับพื้นที่ที่รองรับไว้อยู่ว่าเพียงพอหรือไม่ ซึ่งทีมช่างยืนยันว่าเพียงพอจะมีการบริหารจัดการบีบอัดเหล็กให้แน่นขึ้นและยกขึ้นซ้อนกัน

นายสุริยชัย มองว่าการทำงานคืบหน้าประมาณ 70% การทำงานจะต้องเคลียร์พื้นที่รื้อออกทั้งหมด เพื่อให้ชัดเจนไม่มีอะไรตกค้าง เนื่องจากมีการมาแจ้งเพิ่มเติมกับทางพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับตัวเลขผู้ประสบภัย แต่จะต้องมีกระบวนการตรวจสอบให้ชัดเจนว่าเป็นจริงหรือไม่ ซึ่งจากข้อมูลขณะนี้ยังยืนยันยอดผู้สูญหายที่ 103 ราย โดยได้มีการหารือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่ากระบวนการสอบสวนยืนยันข้อมูล จะต้องเสร็จพร้อมกับการรื้อถอนอาคาร ทั้งนี้จำนวนผู้สูญหายจากเหตุอาคารสตง.ถล่ม ยังคงข้อมูลเดิม คือส่วนใหญ่เป็นแรงงานชาวไทย ตามมาด้วยแรงงานเมียนมา และสัญชาติอื่น

ขณะที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์สำนักงานเขตจตุจักร สรุปยอดผู้ประสบเหตุ 103 คน ในช่วง 10.00 น. ยืนยันผู้เสียชีวิตคงเดิม 53 ราย บาดเจ็บ 9 คน และผู้สูญหายอยู่ระหว่างค้นหา 41 คน โดยตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวันนี้ จนถึงเวลา 10.00 น. ทีมค้นหาสามารถเก็บกู้ชิ้นส่วนอวัยวะ ผู้สูญหายได้เพิ่มเติม อีก 3 เคส และที่บริเวณ การรถไฟฯ ที่นำซากอาคารไปทิ้ง พบชิ้นส่วนอวัยวะอีก 1 เคส โดยอวัยวะส่วนใหญ่ที่พบเป็นกระดูกและชิ้นเนื้อ ได้นำส่งสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ เพื่อทำการพิสูจน์อัตลักษณ์ยืนยันตัวบุคคลอีกครั้ง.-419-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“บิ๊กเต่า” ยันไม่น้อยใจ หลังหลุดโผแต่งตั้ง-โยกย้าย

กทม. 1 ก.ย.-“บิ๊กเต่า” ยันไม่น้อยใจ หลังหลุดโผแต่งตั้ง-โยกย้าย เผยชีวิตนี้ผ่านอะไรมาเยอะ ยันทำเพื่อส่วนรวมไม่ใช่เพื่อตนเอง หลังจากนี้จะเดินหน้าทำงานต่อไปและทำงานให้หนักขึ้น จากการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เมื่อวานนี้ใช้เวลานานถึง 8 ชั่วโมงจัดทำบัญชีรายชื่อ ซึ่งมีตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ 250 นาย แต่ปรากฎว่า พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ไม่มีชื่อในการแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่งก่อนหน้านี้ออกมาเปิดหน้ายื่นขอความเป็นธรรมกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ เปิดเผยว่า ไม่น้อยใจที่ไม่ได้รับการแต่งตั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าอยากให้คนทำงานมีโอกาสได้รับการแต่งตั้ง สำหรับคนที่ได้รับการแต่งตั้งก็ยินดีและดีใจด้วย อย่าง พลตำรวจตรีนพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพราะเป็นคนเก่งและมีความสามารถ ทำงานด้านสืบสวน มองว่าหากตนเองไม่ออกมาให้สัมภาษณ์และให้มีการแก้ไขก็คงแก้ยากเพราะทุกคนไม่มีรายชื่อเข้าไป เพราะฉะนั้นตนเองก็เห็นด้วยที่ ก.ตร. เข้ามาแก้ไขปัญหา ส่วนที่ตนเองไม่ได้เลื่อนตำแหน่งก็ไม่เป็นไร เพราะเชื่อว่าการทำเพื่อส่วนรวมและให้ระบบเดินต่อไปได้เป็นสิ่งที่ดี และอยากสร้างมาตรฐานอีกหนึ่งอย่างคือ อยากเห็นแนวทางการพิจารณาเรื่องการแต่งตั้งในหมวดความรู้ความสามารถ อยากให้คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) หาแนวทางในการให้ความเป็นธรรมกับตำรวจที่จะมีการแต่งตั้งในระดับผู้บัญชาการและรองผู้บัญชาการในปีต่อไป หลังจากนี้จะต้องปรึกษากับฝ่ายกฎหมายว่าการพิจารณาต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในการประชุมคณะกรรมการชุดเล็กและชุดใหญ่ ควรนำหลักการอะไรมาพิจารณาเพื่อความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และเพื่อประโยชน์กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการเป็นขวัญกำลังใจ ทำให้ตำรวจและส่วนรวมได้มีความมุมานะในการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน […]

เปิดโผตำรวจ ประชุม ก.ตร. กว่า 8 ชม. แต่งตั้งนายพล 250 ตำแหน่ง

1 ก.ย. – เปิดโผตำรวจ ประชุม ก.ตร. กว่า 8 ชม. บัญชีแต่งตั้งนายพลตำรวจ 250 ตำแหน่ง “บิ๊กเต่า” แห้ว “นพศิลป์” ได้ขึ้น พล.ต.ท. เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 31 สิงหาคม 2568 ที่ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (รองประธาน ก.ตร.) เป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 8/2568 วาระแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ระดับผู้บังคับการ (ผบก.) ถึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ประจำปี 2568 โดยแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น และโยกย้ายสับเปลี่ยน กว่า 250 ตำแหน่ง ทั้งนี้ ก.ตร.ครบองค์ประชุม ขาดเพียงนายภูมิธรรม […]

ฤทธิ์พายุหนองฟ้าทำหลายจังหวัดอ่วม ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก

31 ส.ค. – พายุหนองฟ้าทำพิษ สุโขทัยเจอน้ำท่วมไหลเชี่ยวกรากหลายอำเภอ ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก ขณะที่ จ.พิษณุโลก น้ำป่าหลากท่วมหลายจุด ต้นพะยอม 100 ปี โค่นขวางถนนกลางเมือง ส่วน จ.สกลนคร พายุกระหน่ำกระทบงานไหว้สาพญาเต่างอย พายุหนองฟ้าทำพิษ จ.สุโขทัย น้ำท่วมหลายอำเภอ โดยพื้นที่ที่กระทบหนักคือ อ.ศรีสัชนาลัย อ.สวรรคโลก อ.ศรีสำโรง อ.เมือง อ.กงไกรลาศ อ.บ้านด่านลานหอย และ อ.คีรีมาศ ซึ่งเช้าวันนี้ ปภ.แจ้งเตือนผ่าน Cell Broadcast ไปยังโทรศัพท์มือถือของประชาชนให้รับมือ นอกจากนี้พบว่าพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว อ.เมือง มวลน้ำล้นตลิ่งจากแม่น้ำยม ไหลบ่าเข้าท่วมอย่างรุนแรงและเชี่ยวกราก บ้านเรือนได้รับผลกระทบเกือบ 100 หลัง น้ำป่าเข้าท่วมหลายจุดในพิษณุโลกที่ จ.พิษณุโลก น้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ลงสู่ อ.วังทอง และ อ.เนินมะปราง หลังเกิดฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชน พื้นที่การเกษตรเสียหาย โดยถนนทางหลวงช่วงบ้านกกไม้แดง ต.ดินทอง […]

ปชป.ยังไม่มีมติร่วมรัฐบาล กก.บห.มอบหัวหน้าพรรคตัดสินใจ

ปชป. 31 ส.ค. – “เฉลิมชัย” บอก​ ปชป. ยังไม่มีมติเข้าร่วมรัฐบาล ที่ประชุม กก.บห. มอบอำนาจหัวหน้าพรรคตัดสินใจ แจง​จับมือแถลงร่วมเพื่อไทย​ เป็นมารยาท​ เหตุยังร่วม ครม.​ ลั่นสถานการณ์​ปัจจุบัน​ยังไม่มีใครตัดสินใจได้​ ต้องรอฝุ่นจางจะเห็นภาพชัด​ ถ้าด่วนตัดสินใจอาจพลาด​ ย้ำทุกอย่างต้องผ่านมติพรรค ไม่เช่นนั้นเป็นของเถื่อน​ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม​ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรค โดยใช้เวลากว่า​ 1 ชั่วโมง​ ว่า ต้องบอกว่าวันนี้การเมืองยังไม่มีข้อยุติ ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรค เพื่อพูดคุยสถานการณ์การเมืองทั้งหมด และกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนตามข้อบังคับพรรค ซึ่งเมื่อ น.ส.แพทองธาร​ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พ้นจากตำแหน่ง เท่ากับว่ารัฐบาลได้หมดสิ้นไป การดำเนินการของพรรคประชาธิปัตย์จะต้องมาเริ่มกระบวนการใหม่ทั้งหมดตามข้อบังคับพรรค เพื่อให้สามารถบริหารงานได้ทันการ ซึ่งที่ประชุมมีมติ ใช้ข้อบังคับ 1 3 และ 4 ยกเว้นการใช้ข้อบังคับพรรค โดยใช้เสียงไม่เกิน 3 ใน 5 ของกรรมการบริหารพรรคที่เข้าร่วมประชุม […]