กู้ตึก สตง.ใหม่ถล่มได้แล้วเกือบ 70% ลดความสูงซากได้ต่อเนื่อง

กรุงเทพฯ 23 เม.ย. – ผอ.สปภ. เผยคืบหน้าภารกิจกู้ซากอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ถล่ม ปฏิบัติการคืบหน้าเกือบร้อยละ 70 สามารถลดระดับความสูงของซากอาคารลงมาได้ต่อเนื่อง


บรรยากาศบริเวณอาคาร สตง.ถล่ม เช้านี้ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการรื้อถอนซากอาคาร พร้อมกับค้นหาร่างผู้สูญหายอย่างต่อเนื่อง ทั้งเครื่องจักรหนัก และกำลังคน ยังคงสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำงานพร้อมทั้งฉีดพ่นละอองน้ำ เพื่อลดการฟุ้งกระจายของฝุ่น โดยวันนี้มีการประชุมความคืบหน้าปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายและรื้อถอนซากอาคาร สตง.ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว ที่กองอำนวยการร่วม นำโดย รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร และส่วนที่เกี่ยวข้อง

นายสุริยชัย เปิดเผยถึงความคืบหน้าภารกิจกู้ซากอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ถล่ม ว่า การลดความสูงของซากอาคารในภาพรวม เฉลี่ยแล้ว ลดลง 1.17 เมตร หากคงระดับนี้ได้จะอยู่ในระยะเวลาคาดว่าภายในสิ้นเดือนจะถึงชั้นที่ 1 ส่วนการทำงานจะมีการทำแผนของชั้นใต้ดินและมีการประชุมกับทางทีมงานแล้ว โดยเฉพาะฝ่ายช่าง ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะได้ไปดูหน้างาน ซึ่งตัวอาคารเดิมจะมีความกว้างยาวอยู่ที่ 40×40 เมตร ส่วนด้านข้างของซากอาคารด้านซ้ายซึ่งเป็นอาคารที่เชื่อมกันได้มีการรื้อออกและนำเศษปูนไปถมพื้นชั้นใต้ดินเพื่อจะนำรถเครื่องจักรหนักเข้าไปทำงาน จึงวางแผนเพื่อใช้พื้นที่ ในส่วนนี้มีการวางแผนจะนำเศษปูนออกเพื่อให้มีที่ว่างขุดด้านข้างของตัวชั้นใต้ดิน เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ระยะเวลาการทำงานไม่หายไปสามารถทำงานเสร็จสิ้นได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด


ส่วนการทำงานด้านล่างจะใช้การลดทอนความสูงจากด้านบน โดยที่บริเวณด้านบนจะมีการขุดแล้วนำเศษปูนออก จากนั้นจะตัดเหล็ก ที่ผ่านมามีการลดระดับลงเรื่อย ๆ ความสูงก็จะลดลงและความหนาก็จะหายไป หากดูจากหน้างาน ตัวด้านหน้าที่เคยบอกว่าเป็นโซน A กับ โซน D จะเหลือแค่ A4 กับ D1 ส่วนบริเวณโซน A1-A3 รวมถึงโซน D2-D4 ได้ลดลงหายไปแล้ว จึงยังเหลือพื้นที่ที่จะต้องดำเนินการบริเวณโซนด้านหน้าของโซน A และโซน D อีก 1 ใน 4 ส่วน สำหรับลดทอนความสูงที่โซน B และ โซน C จากความสูง 8.58 เมตร ลดเหลือ 7.41 เมตร ส่วนโซน A และโซน D จาก 9.78 เมตร ลดมาเหลือ 9.25 เมตร

ส่วนความยากของการค้นหา นายสุริยชัย บอกว่าความยากยังคงเหมือนเดิม คือตัวเหล็ก เพราะเครื่องมือ โดยเฉพาะเครื่องจักรหนักก็มีการเสีย เป็นระยะ เมื่อเสียก็จะมีการซ่อมแซม เมื่อวานนี้พบเสีย 8 เคส แต่เคสหนักๆ คือมีบูมหักของเครื่องจักรเบอร์ 18 ไม่สามารถซ่อมแซมได้ จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนตัวใหม่ ทำให้เครื่องจักรหนักหายไป 1 ตัว ส่วนเคสที่มีการซ่อมแซมไปเมื่อวานนี้เกี่ยวกับระบบไฮดรอลิกก็ได้มีการถอดเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอุปกรณ์ซ่อมแซมจะอยู่หน้างาน ช่วยให้การทำงานทำได้รวดเร็วขึ้น บางส่วนมีบุ้งกี๋แตกทำให้ต้องเสียเวลาในการเชื่อมโดยมีทีมช่างของกองอำนวยการช่างกลสำนักงานโยธา กรุงเทพมหานครจัดทีมช่างเข้ามาช่วยดำเนินการ

เมื่อถามถึงบริเวณช่องบันไดพบร่างผู้สูญหายเพิ่มเติมหรือไม่ นายสุริยชัย กล่าวว่า เมื่อวานนี้เวลาประมาณเที่ยงได้พบร่างจำนวน 2 ร่างบริเวณช่องบันได หลังจากนั้นยังไม่ได้พบเพิ่มเติมแต่จะมีพบชิ้นส่วนบางชิ้นส่วน ทั้งชิ้นส่วนเนื้อและชิ้นส่วนกระดูกจำนวน 4 เคส ทั้งนี้ผู้สูญหายที่เหลือคาดว่าน่าจะอยู่บริเวณชั้นล่างเพราะพฤติกรรมของคนจะวิ่งหนี ตามที่มีการคำนวณจะมีชั้นที่ต่ำกว่าชั้น 15 ลงไปจากข้อมูลมีคนทำงานอยู่ประมาณ 40 คน ซึ่งสอดรับกับข้อมูลที่คนจะวิ่งลงมาตามช่องบันไดเพื่อลงมายังชั้นล่าง ขณะนี้พบตัวช่องบันไดและป้ายของชั้น 11 แต่จัดการวิเคราะห์ตัวลิฟท์และตัวบันไดหนีไฟมีความแข็งจึงไม่แตกละเอียด การพบตัวเลขบอกบันไดเป็นส่วนหนึ่งในการนำมาวิเคราะห์แต่ยังไม่ยืนยันว่าระดับที่เจอเป็นระดับนั้นจริงๆ ทั้งหมดหากคิดจากความสูงกว่า 130 เมตร จากพื้นที่ความสูงของซากอาคารที่ลงมาที่ 26.8 เมตร รวมกับชั้นใต้ดินด้วยประมาณกว่า 31 เมตร ทำให้เฉลี่ยแล้ว 1 เมตรมีประมาณ 4 ชั้น แต่ขณะนี้ความสูงอยู่ที่ 7.41 เมตร บวกกับชั้นใต้ดินลึก 4 เมตร รวมเป็น 11 เมตร


ส่วนเครื่องมือหนักในขณะนี้มี 30 ตัว การวางแผนเมื่อวานนี้ การทำงานในช่วงกลางวันเนื่องจากตัวอาคารเริ่มแคบลง ทำให้การทำงานในช่วงกลางวันจะใช้เครื่องจักร 15 ตัว ส่วนกลางคืนจะทำงาน 1 ตัว ส่วนการมาช่วยของเอกชนจะมีการทำงานเพียง 1 ผลัด ส่วนของทหารและทางราชการทำงานได้ต่อเนื่องเพราะมีการสับเปลี่ยนกำลัง จัดการพูดคุยกับทีมอาสาสมัคร ยังคง สู้ และมีเป้าหมายเดียวกันคืออยากให้นำร่างออกมาให้ครบ และอยู่ด้วยกันจนจบงาน

ส่วนเช้าวันนี้เวลา 05.00 น. ใช้กำลังพล 107 คน K-9 จำนวน 3 ตัว ซึ่งจะมีการปูพรมค้นหาในเวลานี้ การค้นหาจะต้องทำด้วยความละเอียดรอบคอบในการนำร่างผู้ประสบภัยมาคืนให้กับญาติ เพราะยังมีการพบร่างและชิ้นส่วนบริเวณกองปูนอยู่เป็นระยะ ส่วนการขนย้ายซากอาคารทั้งเศษปูนและเหล็กได้มีการประเมินกับพื้นที่ที่รองรับไว้อยู่ว่าเพียงพอหรือไม่ ซึ่งทีมช่างยืนยันว่าเพียงพอจะมีการบริหารจัดการบีบอัดเหล็กให้แน่นขึ้นและยกขึ้นซ้อนกัน

นายสุริยชัย มองว่าการทำงานคืบหน้าประมาณ 70% การทำงานจะต้องเคลียร์พื้นที่รื้อออกทั้งหมด เพื่อให้ชัดเจนไม่มีอะไรตกค้าง เนื่องจากมีการมาแจ้งเพิ่มเติมกับทางพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับตัวเลขผู้ประสบภัย แต่จะต้องมีกระบวนการตรวจสอบให้ชัดเจนว่าเป็นจริงหรือไม่ ซึ่งจากข้อมูลขณะนี้ยังยืนยันยอดผู้สูญหายที่ 103 ราย โดยได้มีการหารือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่ากระบวนการสอบสวนยืนยันข้อมูล จะต้องเสร็จพร้อมกับการรื้อถอนอาคาร ทั้งนี้จำนวนผู้สูญหายจากเหตุอาคารสตง.ถล่ม ยังคงข้อมูลเดิม คือส่วนใหญ่เป็นแรงงานชาวไทย ตามมาด้วยแรงงานเมียนมา และสัญชาติอื่น

ขณะที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์สำนักงานเขตจตุจักร สรุปยอดผู้ประสบเหตุ 103 คน ในช่วง 10.00 น. ยืนยันผู้เสียชีวิตคงเดิม 53 ราย บาดเจ็บ 9 คน และผู้สูญหายอยู่ระหว่างค้นหา 41 คน โดยตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวันนี้ จนถึงเวลา 10.00 น. ทีมค้นหาสามารถเก็บกู้ชิ้นส่วนอวัยวะ ผู้สูญหายได้เพิ่มเติม อีก 3 เคส และที่บริเวณ การรถไฟฯ ที่นำซากอาคารไปทิ้ง พบชิ้นส่วนอวัยวะอีก 1 เคส โดยอวัยวะส่วนใหญ่ที่พบเป็นกระดูกและชิ้นเนื้อ ได้นำส่งสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ เพื่อทำการพิสูจน์อัตลักษณ์ยืนยันตัวบุคคลอีกครั้ง.-419-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” บอกตั้ง “บุ๋ม ปนัดดา” สมน้ำสมเนื้อกับ “มาลี”

กทม. 9 ส.ค. – “ภูมิธรรม” บอกตั้ง “บุ๋ม ปนัดดา” เป็นโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา สมน้ำสมเนื้อกับ “มาลี” ชี้กองทัพพร้อมประสานข้อมูลเต็มที่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีตั้ง น.ส.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี เป็นโฆษกจิตอาสา ศูนย์บริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีความไม่เหมาะสมเรื่องของข้อมูล และความน่าเชื่อถือ ว่า น.ส.ปนัดดา เป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก และมีความสนใจในเรื่องบ้านเมือง ซึ่งข้อมูลด้านการทหารอาจจะรู้ไม่เยอะเท่ากับเจ้าหน้าที่ทหาร แต่มีความตั้งใจ อีกทั้งการเข้ามารับตำแหน่งก็เป็นการเสนอจากผู้บัญชาการเหล่าทัพ ซึ่งต้นคิดว่าเรื่องของการได้ข้อมูล เมื่อทางทหารสนับสนุนก็จะสามารถทำงานได้ดี นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า พลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกลาโหมกัมพูชาเป็นผู้หญิง เราไม่อยากให้รู้สึกเหมือนว่าใช้โฆษกทหารที่เป็นผู้ชายไปโต้แย้ง เราอาจจะเสียเปรียบกว่า ซึ่งเห็นว่า น.ส.ปนัดดา มีความเหมาะสมอยู่แล้ว ส่วนเรื่องข้อมูลก็ให้ประสานกับกองทัพอย่างเต็มที่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ตรงนี้ตนคิดว่าสมน้ำสมเนื้อ เมื่อถามย้ำว่า ข้อมูลที่ น.ส.ปนัดดา จะพูดออกมา เป็นการกลั่นกรองมาจากทางกองทัพใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็ประมาณนั้น […]

ไทยฝนเพิ่มขึ้น ตกหนักบางแห่ง

กทม. 9 ส.ค.-กรมอุตุฯ รายงาาน 10-15 ส.ค. ไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น ตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 30% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ในบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง ในช่วงวันที่ 10 – 15 ส.ค. ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก เนื่องจากจะมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06:00 น. วันนี้ ถึง 06:00 น. […]

“วัดพระบาทน้ำพุ” แจงเงินวัด เข้าแล้วออกไปไหน

ลพบุรี 8 ส.ค. – หลังจากมีกระแสข่าวเกี่ยวกับวัดพระบาทน้ำพุ ก็มีเสียงสะท้อนออกมาหลายแง่มุม ขณะที่บางส่วนตั้งคำถามเกี่ยวกับเงินวัดที่มีการเปิดรับบริจาค และการดูแลผู้ป่วยเอชไอวี ว่ายังมีความจำเป็นหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

บุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.-กำนัน ทุจริตที่ดินเอื้อนายทุน

สระบุรี 8 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” นำกำลังบุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.สระบุรี-กำนัน ร่วมกันทุจริตออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 600-700 ไร่ เอื้อประโยชน์นายทุนสร้างบ้านพักหรู พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำกำลังเข้าจับกุมนายวิชยุตม์ อายุ 42 ปี นายช่างสำรวจชำนาญงาน ขณะกำลังนั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในห้องทำงาน ที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี และนายสิปปกร อายุ 57 ปี กำนัน ต.หนองย่างเสือ อ.หมวกเหล็ก ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันปฏิบัติหรือเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานแต่กลับร่วมกันกระทำการรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ หลังพบใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนเข้าบุกรุกหรือครอบครองที่ป่าไม้ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบพบคาเฟ่ รีสอร์ตหรูแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ก่อสร้างบุกรุกผืนป่า จึงเร่งขยายตรวจสอบที่ไปที่มาของการเข้าครอบครองที่ดินดังกล่าว กระทั่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ด้วยการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 เพื่อใช้อ้างสิทธิเข้าครอบครอง […]