ดีเอสไอ 11 เม.ย. – ภายหลังจากที่ DSI รับคดี นอมินี หรือความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้ก่อสร้างอาคาร สตง.แห่งใหม่ ความสูง 30 ชั้นถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว เป็นคดีพิเศษ และส่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอลงพื้นที่สืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน โดยกรณีที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ส่งหนังสือถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอความอนุเคราะห์ร่วมสืบสวนกรณี บริษัท ซินเคอ หยวน สตีล จำกัด
พนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ได้รับมอบหมาย เปิดเผยว่า หากกรมโรงงานอุตสาหกรรม มีหนังสือขอความอนุเคราะห์ให้ดีเอสไอไปร่วมสืบสวน พนักงานสอบสวนจากกองคดีคุ้มครองผู้บริโภคจะได้ไปร่วมบูรณาการ ร่วมประชุมพิจารณาได้ อย่างไรก็ตาม หากดีเอสไอจะต้องพิจารณารับเรื่องมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้เป็นคดีพิเศษ หากมีพยานหลักฐานว่าวัสดุไม่ได้มาตรฐาน หรือมีรายละเอียดพฤติการณ์เป็นไปตามกฎหมายผลิตภัณฑ์มาตรฐานอุตสาหกรรม อาทิ เป็นกรณีที่มีมูลเชื่อว่า มีมูลค่าผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป หรือกรณีมีผู้เสียหายตั้งแต่ 100 รายขึ้นไป หรือมีจำนวนผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับความปลอดภัย หรือเป็นอันตรายต่อประชาชน จำนวน 50,000 หน่วยขึ้นไปตามชนิดผลิตภัณฑ์ เป็นต้น ดีเอสไอสามารถรับดำเนินการเป็นคดีพิเศษได้ แต่ตอนนี้กระบวนการอาจอยู่ระหว่างที่สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) กำลังพิจารณาข้อมูลทั้งหมด ซึ่งถ้า สมอ. พบการกระทำความผิดตามพยานหลักฐานจริง สมอ. สามารถเข้ามาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อดีเอสไอ เพื่อให้ดำเนินคดีบุคคล/นิติบุคคลได้ ทั้งนี้ หากมีการเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษของ สมอ. จะถือว่าได้มีการตรวจสอบมาประมาณหนึ่งแล้วว่าบุคคลใดเข้าไปเกี่ยวข้อง เกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง
คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า กรณีที่ดีเอสไอจะต้องพิจารณาเรื่องมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือเรื่องเหล็กจะสามารถรวบรวมเข้ามาพิจารณาเป็นคดีพิเศษเดียวกับคดีนอมินี หรือแยกสำนวนคดีพิเศษออกไปนั้น เบื้องต้นมีความเป็นไปได้ว่าอาจแยกทำคนละสำนวน คือ สำนวนคดีนอมินี บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ และสำนวนคดีเหล็กไม่ได้มาตรฐาน ถ้าต้องแยกสำนวนเรื่องตรวจสอบเหล็ก ดีเอสไอจะเน้นสอบสวนตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 เนื่องด้วยในคดีนอมินีและคดีเหล็กไม่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม อาจปรากฏกลุ่มผู้กระทำผิด หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นคนละกลุ่มกัน.-119-สำนักข่าวไทย