กรุงเทพฯ 10 เม.ย. – เครนยักษ์ K1000 ถึงแล้ว สนับสนุนค้นหาร่างผู้สูญหายจากตึก สตง.ถล่ม ด้านทีมกู้ภัยเผยบริเวณโซน B พบอีก 1 ร่าง สามารถนำออกมาได้เรียบร้อย ขณะ กทม. เผยปฏิบัติการเดินหน้ายกซากลดความสูง เปิดฐานสู่โถงเก็บของ คาดอาจเป็นจุดรวมผู้ติดค้าง
ช่วงค่ำวานนี้ (9 เม.ย.) รถเครน K1000 ที่ใหญ่สุดในประเทศไทย เดินทางมาสนับสนุนภารกิจค้นหาร่างผู้สูญหายจากตึก สตง. ถล่ม มาถึงแล้ว
นายอัญวุฒิ โพธิ์อําไพ อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู บอกว่าคาดสามารถใช้งานได้คืนที่ผ่านมา (9 เม.ย.) และมีการนำคีมตัวหนีบยกมาด้วย สามารถยกแผ่นปูนขนาดใหญ่ที่มีน้ำมากได้ง่ายขึ้น ขณะนี้สามารถส่องกล้องได้ลึกมากขึ้น หลังจากเครื่องจักรหนักเข้าไปโซน B ที่เป็นโพรงเก่าด้านบนทะลุถึงโซน C ได้แล้ว อยู่ระหว่างขยายโพรงเจาะให้กว้างขึ้น ตัดเจาะแผ่นพื้นคอนกรีตและเสาขนาดใหญ่ออก จากการประเมินหน้างานคาดว่าจะเจอจุดที่ผู้ประสบภัยหรือสูญหายเพิ่มขึ้น
ส่วนผู้เสียชีวิตที่พบเบื้องต้น เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานอยู่ระหว่างเข้าไปตรวจสอบ โดยค่ำวานนี้ (9 เม.ย.) พยายามเร่งทำ เพราะเครื่องมือที่มาพร้อมปฏิบัติมาก โดยเฉพาะโซน B เจ้าหน้าที่มีการตักช่วงบริเวณอื่นไม่เป็นไร แต่เมื่อมาโซน B ซึ่งเป็นจุดที่มีการวางเครื่องเซ่นไหว้จำนวนมาก รถตักกลับไฮดรอลิกแตกบ่อย จึงจุดธูปขอทีมเครื่องจักรหนักเตรียมสายมาพร้อมเปลี่ยนเพื่อทำงานต่อเนื่อง
สำหรับรถเครน K1000 ที่มาช่วยภารกิจมีแรงยกน้ำหนักที่มีมากที่สุด เป็นตัวใหญ่ที่สุดของประเทศไทยในตอนนี้ โดยมีการนำตัวหนีบเพื่อมาหยิบชิ้นปูนชิ้นใหญ่ๆ ออกได้ทันที
ส่วนความคืบหน้าการค้นหาผู้สูญหายภายในซากอาคารตั้งแต่เช้าวานนี้ (9 เม.ย.) เครื่องจักรหนักทำการเปิดพื้นที่เข้าไปลึกจนถึงโพรงเหนือโซน C และ B ด้านบนทะลุถึงกันแล้ว จากนั้นทีมกู้ภัยเข้าค้นหา หลังเครื่องจักรหยุดพัก กระทั่งเวลา 18.00 น. ทีมกู้ภัยปักหมุดไว้ก่อนหน้าว่าบริเวณโซน B มีพบผู้ติดค้างด้านใน 1 ราย จนวันนี้เปิดเข้าไปพบบันไดติดกับโถงลิฟต์ และสามารถนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาได้ 1 ราย เรียบร้อย
ด้านนายสิริโรจน์ สิริพลากรกิจ หรือโจ้ ทุบตึก เปิดเผยแนวทางการทำงานว่า ส่วนของการเน้นใช้เครื่องจักรขนาดเล็กจะดำเนินการตัดและรื้อถอนเศษซากอาคารในบริเวณโซน A ซึ่งผู้รอดชีวิตให้ข้อมูลว่ามีลิฟต์ บันไดหนีไฟ เพราะตอนเกิดเหตุมีคนงานวิ่งลงมาจำนวนมาก ส่วนรถแบ็กโฮขนาดใหญ่ ทีมงานใช้รถที่มีช่วงแขนยาว 30 เมตร จะทำการประกอบเพื่อนำรถแบ็กโฮประกอบกับหัวตัดและตัดแผ่นคอนกรีตและเหล็กดึงออกมาจากยอดตึกหรือโซน E ที่ยังไม่สามารถขึ้นไปตรงกลางซาก งานนี้เป็นการรื้อปูนออกจากคน แม้จะไม่มีชีวิตแต่จะต้องให้เกียรติและจะทำให้ดีที่สุด หากทำได้จะสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ แต่ปัจจุบันยังมีซากเหล็กและคอนกรีตขวางอยู่
เดินหน้ายกซากเปิดฐานสู่โถงเก็บของ คาดอาจเป็นจุดรวมผู้ติดค้าง
วานนี้ (9 เม.ย.) นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงความคืบหน้าสถานการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเหตุแผ่นดินไหวในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ณ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ เขตจตุจักร ว่าการปฏิบัติงานขณะนี้คือเครื่องจักรเปิดหน้างานพื้นที่ B3 และ C2 เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นโถงสำหรับคนงานรับประทานอาหาร และเก็บของใช้ส่วนตัว ประเมินว่าขณะเกิดเหตุแผ่นดินไหวคนงานอาจกลับไปเก็บสิ่งของใช้ส่วนตัว และมีการใช้เครื่องจักรใหญ่ขึ้นที่จุด A และ D ทำการเคลื่นย้ายวัสดุเพื่อลดความสูงที่จุด E ทีม USAR จัดเจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมประจำพื้นที่ หากพบร่างผู้เสียชีวิตจะเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ หรือหากพบสิ่งผิดปกติ จะดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ต่อไป
นอกจากนี้มีการใช้ K9 สะกดรอย (ทำการค้นหาร่างผู้เสียชีวิต) ส่วนการดำเนินงานรื้อถอนซากอาคาร สตง. ถล่ม ต่อจากนี้ว่า การดำเนินการเป็นไปอย่างต่อเนื่องจากเป้าหมายภารกิจ คือการเอาแผ่นปูนและเศษปูนที่อยู่โซน E ซึ่งอยู่ยอดบน ลงมาให้ได้มากที่สุด ซึ่งเครื่องจักรหนักทำงานเต็มที่ ตอนนี้ขนย้ายเศษซากออกมาได้ประมาณ 26,000 ลูกบาศก์เมตร ใช้รถบรรทุกนำออก 21 คัน คาดว่าประมาณปลายเดือนเมษายน จะสามารถเคลียร์ในส่วนของด้านบนออกได้
ส่วนเมื่อคืนนี้ (10 เม.ย.) เวลา 01.30 น. ฝนตกลงมายังในพื้นที่ ทำให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก จึดหยุดการทำงานของเครื่องจักรกลชั่วคราว และหลังจากฝนหยุดตกเจ้าหน้าที่รีบกลับมาทำหน้าที่ต่อในทันที สำหรับยอดผู้ประสบเหตุ 103 ราย เสียชีวิต 22 ราย บาดเจ็บ 9 ราย อยู่ระหว่างค้นหา 72 ราย.-สำนักข่าวไทย