ผอ.สปภ.กทม.เผยอีก 1 ม. ถึงผู้ติดค้างในโซน B-วันนี้ยังไร้เสียงตอบรับ

กรุงเทพฯ 3 เม.ย. – ผอ.สปภ.กทม. เผยอีก 1 เมตร ถึงผู้ติดค้างในโซน B ด้านรองผู้ว่าฯ กทม. เผยยอดผู้ติดค้างและการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบภัย


รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, นางสาวภัทร์กร สินสุข ผู้อำนวยการการสำนักงานเขตจตุจักร, พ.ต.ท.วรภัทร สุขไทย รองผู้กำกับการป้องกันและปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ (รอง ผกก.ป.สน.บางซื่อ) ร่วมกันแถลงความคืบหน้าของปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุอาคารในโครงการก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ เขตจตุจักร ถล่ม ขณะเกิดแผ่นดินไหว โดยใช้เวลาในการแถลงประมาณ 1 ชั่วโมง

นายสุริยชัย กล่าวว่า สถานการณ์ความคืบหน้าจากช่วงเช้ายังคงทำงานอยู่ในพื้นที่โซนบีและโซนซี โดยโซนบีอยู่ใต้พื้นไปประมาณ 3 เมตร ปัจจุบันใช้เครื่องจักรที่หนักขึ้น ดำเนินการไปได้ 2 เมตรกว่า จากเครื่องสแกนคาดว่าจะถึงตัวผู้ที่ติดค้างอยู่ด้านใน มีการตรวจสอบการตอบโต้การตอบรับของผู้ที่ติดค้างอยู่ และล่าสุดยังไม่ได้รับการตอบรับกลับมาเหมือนเมื่อวานนี้


ส่วนในโซนซี ใกล้เคียงโซนดี ซึ่งเป็นบริเวณช่องลิฟต์และเป็นส่วนที่แข็งแรงที่สุดของโครงสร้างที่พังถล่มลงมา และคาดว่ามีผู้ติดค้างอยู่ภายใน และเป็นจุดที่สุนัข K-9 มีปฏิกิริยาที่ต้องสงสัยว่าพบผู้ติดค้าง ตลอดทั้งวันได้ระดมกำลังค้นหา สุนัข K-9 และทีมกู้ภัยนานาชาติเข้าไปค้นหา ปัจจุบันได้เจาะและเคลื่อนย้าย ซากอาคารและขุดเจาะเข้าไปถึงผนังช่องลิฟท์แล้ว และกำลังจะดำเนินการเจาะผนังช่องลิฟท์ เข้าไปถึงโพรงด้านใน ที่ยังคงมีความหวังอยู่ว่าจะพบผู้ติดค้างอยู่บริเวณนี้ ส่วนปัญหาและอุปสรรค คือพื้นคอนกรีตที่กดทับลงมาหลายชั้น มีความหนา ยากที่จะขุดเจาะช่องให้คนเข้าไปได้ ซึ่งต้องกว้างพอสมควร

ด้าน รศ.ทวิดา กล่าวว่า มีการเปลี่ยนแปลงยอดผู้ติดค้างภายใน เนื่องจากได้ประสานกับทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบเพิ่มเติม แล้วพบว่ายอดผู้สูญหายจาก 96 คน เปลี่ยนแปลงเป็น 103 คน ส่วนจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บ มีอยู่จำนวน 8 คน ที่ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล มีพนักงานในเขตก่อสร้างมารายงานตัว 1 คน ยอดผู้เสียชีวิตยังคงเดิมอยู่ที่ 15 คน ส่วน 10 คน มีรายชื่อเป็นผู้รับบาดเจ็บจากการตรวจสอบแล้วเป็นประชาชนทั่วไปได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยืนยันว่าไม่มีประชาชนเสียชีวิต ซึ่งหากบวกลบแล้วขณะนี้ยังมีผู้สูญหายคงเหลือที่ 79 คน ไม่นับรวมยอดผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 10 คน ที่เป็นประชาชนทั่วไป

จากการรายงานผ่านทราฟฟี่ฟองดูว์ (Traffy fondue) มีประชาชนรายงานและส่งหลักฐานเข้ามา ให้ตรวจสภาพอาคารจำนวน 17,112 เคส สามารถเข้าอยู่อาศัยได้ (สีเขียว) 13,570 เคส ยังอยู่อาศัยได้ แต่ต้องตรวจซ้ำอีกครั้ง (สีเหลือง) 387 เคส อยู่อาศัยไม่ได้ (สีแดง) 2 เคส


ส่วนการเยียวยาและการช่วยเหลือผู้ประสบภัย มีการขอที่พักอาศัยผ่าน Airbnb และได้เปิดศูนย์พักพิงและศูนย์พักคอยญาติ 3 แห่ง นอกจากนี้ยังมีรายการที่ ปภ. และ กทม. ดำเนินการให้ความช่วยเหลือ ดังนี้ ค่าวัสดุซ่อมแซมที่อยู่อาศัยประจำซึ่งผู้ประสบภัยเป็นเจ้าของที่ได้รับความเสียหายเท่าที่จ่ายจริง หลังละไม่เกิน 49,500 บาท, ค่าที่พักอาศัยชั่วคราวหรือค่าเช่าบ้านจ่ายเฉพาะอาคารที่ กทม.ประกาศระงับการใช้และไม่ได้เข้าไปอยู่ในส่วนพักพิงที่ กทม.จัดสรรเป็นเงินค่าเช่าบ้านเดือนละ 3,000 บาท ไม่เกิน 2 เดือน เป็นเงินไม่เกิน 6,000 บาท, ค่าจัดงานศพผู้เสียชีวิตรายละ 29,700 บาท และกรณีผู้ประสบภัยเสียชีวิตเป็นหัวหน้าครอบครัวหรือผู้หารายได้หลักของครอบครัว ได้เพิ่มครอบครัวละไม่เกิน 29,700 บาท, ค่าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ กรณีบาดเจ็บสาหัสช่วยเหลือเบื้องต้นเป็นเงิน 4,000 บาท กรณีบาดเจ็บถึงขั้นพิการช่วยเหลือเบื้องต้นเป็นเงิน 13,300 บาท, เงินปลอบขวัญกรณีรับบาดเจ็บจากเหตุสาธารณภัยรายละ 2,300 บาท, เงินทุนประกอบอาชีพครอบครัวละไม่เกิน 11,400 บาท ทั้งนี้ เป็นไปตามการประเมินของคณะกรรมการระดับเขตพื้นที่ ซึ่งเป็นหน่วยที่ดำเนินการสำรวจและประเมินความเสียหายโดยรายงานไปยัง ทสกภ.กทม. เพื่อขอรับเงินช่วยเหลือมายัง ปภ.ต่อไป

ส่วนขั้นตอนการขอรับเงินช่วยเหลือกรณีการเกิดแผ่นดินไหว สามารถดาวน์โหลดแบบคำร้องขอรับความช่วยเหลือได้ที่เว็บไซต์สำนักงานเขตหรือเว็บไซต์ของ กทม. ผู้ร้องต้องยื่นเอกสารคำร้องและหลักฐานที่ฝ่ายปกครองสำนักงานเขตพร้อมให้ข้อเท็จจริง เอกสารหลักฐานประกอบด้วยแบบสอบข้อเท็จจริงผู้ประสบภัย, สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน กรณีผู้ไม่มีสัญชาติไทยใช้สำเนาพาสปอร์ต, สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาโฉนดที่ดิน, สำเนาใบ อช.2 (ฉโนดคอนโด), สำเนาบันทึกประจำวัน, หนังสือรับรองผู้ประสบภัยและบัญชีความเสียหายแนบท้ายฯ, บันทึก (ป.ค.14) ใช้ในกรณีที่เอกสารที่ยื่นยังไม่ชัดเจน, เอกสารประกอบการขอรับความช่วยเหลือค่าวัสดุซ่อมแซมที่พักอาศัยฯ และรูปภาพความเสียหาย

ขณะที่ พ.ต.ท.วรภัทร กล่าวว่า ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ประชุมหารือสั่งการให้สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ให้อำนวยความสะดวกกับญาติผู้ประสบภัย ให้ไปเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอได้ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อพบบุคคลที่ค้นหาแล้วจะได้ทำการพิสูจน์ทราบว่าตรงกันหรือไม่ เพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลได้อย่างรวดเร็ว ยืนยันไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ศูนย์อำนวยการร่วมอยู่ 2 แห่ง คือ บริเวณจุดเกิดเหตุ และศูนย์อำนวยการที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ

สำหรับสถานการณ์จากศูนย์เอราวัณกรณีเหตุแผ่นดินไหวในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 35 ราย แบ่งเป็น นอนโรงพยาบาล 11 ราย กลับบ้าน 24 ราย มีผู้เสียชีวิต 22 ราย โดยเสียชีวิตที่เกิดเหตุ 19 ราย เสียชีวิตที่โรงพยาบาล 3 ราย. -419- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]