ผู้ว่าฯ กทม. นำทีมแถลงเร่งช่วยชีวิตผู้ติดใต้ตึกถล่ม

กรุงเทพฯ 1 เม.ย. – ผู้ว่าฯ กทม. นำทีมแถลงเร่งช่วย 73 ชีวิตติดใต้ตึกถล่ม เผยทีมผู้เชี่ยวชาญระดับโลกยังคงมีหวังพบผู้รอดชีวิต


เมื่อเวลา 16.50 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, นางสาวภัทร์กร สินสุข ผู้อำนวยการการสำนักงานเขตจตุจักร ร่วมกันแถลงความคืบหน้าของปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุอาคารในโครงการก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ จตุจักร ถล่ม ขณะแผ่นดินไหว

นายชัชชาติ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ขั้นตอนค้นหาผู้ประสบภัยต่อ โดยมีการรื้อถอนสิ่งหักพังขนาดใหญ่ออก โดยเริ่มเมื่อคืนนี้ด้วยทีมกู้ภัยนานาชาติเป็นทีมที่ดีที่สุดในโลก ได้ติดตั้งเครนขนาดใหญ่ 4 ตัว แบ่งเป็น ด้านซ้าย ขนาด 600 ตัน 1 ตัว/ ตรงกลางขนาด 500 ตัน และอีก 200 ตัน จำนวน 2 ตัว และมีการมาร์คจุดโดยผู้เชี่ยวชาญ โดยเริ่มยกตั้งแต่เช้ามีชาร์ปขวางอยู่ 4 จุด และกำลังทยอยยกอีก 6-7 ชิ้น จะทำให้เข้าสู่โพรงด้านในได้มากขึ้น ขณะนี้ยังไม่พบสัญญาณชีพ พบแล้ว 12 ร่างอยู่ด้านในแต่ยังไม่ได้เอาออกมา ซึ่งขณะนี้การนำร่างออกมาไม่ได้สำคัญที่สุด ส่วนไหนที่พอจะนำออกมาได้ก็จะนำออกมา อย่างเช่นเมื่อสักครู่นำออกมาได้ 1 ร่าง จะเน้นค้นหาผู้รอดชีวิตก่อน โดยจะค่อยๆ ยกของหนักไปทีละชั้น และให้หน่วยเดินเท้าเข้า เพราะทีมผู้เชี่ยวชาญต่างชาติบอกว่ายังมีความหวัง วันนี้มีหลายหน่วยงานเข้ามาเก็บหลักฐานต่างๆ ซึ่งเราจะให้ความร่วมมือ เช่น กรมโยธาธิการเข้ามาเก็บหลักฐานต่างๆ จะต้องมีการประสานเวลาในการเข้า-ออก


“เรามีความหวัง และไปด้วยความหวัง และประสบการณ์ของทีมต่างชาติบอกมีเคสที่รอดได้ ก็จะต้องลุยต่อ” นายชัชชาติ กล่าว

นายชัชชาติ กล่าวถึงการคาดการณ์จำนวนผู้รอดชีวิตว่า ไม่สามารถระบุเป็นเปอร์เซ็นต์ได้ แต่ทีมงานยังคงมีความหวังและปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ โดยจากการสำรวจภายใน พบว่าอุณหภูมิไม่สูงมากและมีโพรงอากาศอยู่ ซึ่งอาจทำให้ผู้ที่ติดอยู่สามารถรอดชีวิตได้หากไม่ถูกทับถมโดยตรง อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่มีการเผยแพร่เกี่ยวกับจำนวนผู้สูญหายที่สแกนพบ 50-60 คนนั้น เป็นเพียงการประมาณการของเครื่องมือ ซึ่งอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดและการประเมินสถานการณ์ที่ไม่ถูกต้อง จึงขอความร่วมมือทุกฝ่ายให้ติดตามข้อมูลจากการแถลงข่าวของหน่วยงานหลัก

สำหรับร่างผู้เสียชีวิต 12 ร่าง ที่ตรวจพบนั้น เป็นจุดที่มีการสำรวจและพบชิ้นส่วน เช่น มือหรือขา แต่ยังไม่สามารถนำออกมาได้ทันที โดยจุดที่พบร่างจำนวนมากคือโซน B และโซน C ซึ่งเป็นบริเวณบันไดหนีไฟและเชื่อมต่อกับอาคารจอดรถด้านหลัง ส่วนโซน A และโซน D มีโอกาสรอดชีวิตน้อย เนื่องจากโครงสร้างมีการทับซ้อนกันในลักษณะแพนเค้ก และการเข้าช่วยเหลือเป็นไปด้วยความยากลำบาก ผู้เชี่ยวชาญจึงจำเป็นต้องสอบถามข้อมูลจากผู้รอดชีวิตเพื่อระบุจุดที่มีผู้คนหนีภัยมามากที่สุด ซึ่งข้อมูลเบื้องต้นระบุว่าเป็นโซน B และโซน C


อุปสรรคในการปฏิบัติงานคือความไม่มั่นคงของซากปรักหักพังที่มีขนาดใหญ่ ทำให้รถยกอาจมีกำลังไม่เพียงพอ จึงต้องมีการตัดแยกชิ้นส่วนให้เล็กลงก่อนทำการยก การช่วยเหลือจะนำกำลังคนลงไปที่โซนดังกล่าวโดยใช้เทคนิคเหมือนหอม คือค่อยๆ ปลอกไปทีละชั้น หากพบคนก็จะเช็คสัญญาณชีพ แล้วจะมาร์คจุด จากนั้นก็จะกู้ร่าง การปฏิบัติงานจะคัดเลือกเจ้าหน้าที่ให้ตรงกับภารกิจ โดยจะใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้นหาในการค้นหาผู้สูญหาย และใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านการกู้ร่างในการนำร่างออกมา

นายชัชชาติ กล่าวว่า ขณะนี้มีการระดมกำลังและทรัพยากรเพียงพอแล้ว หากมีสิ่งใดขาดแคลนจะมีการร้องขออย่างแน่นอน เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญจากนานาชาติได้รวมตัวอยู่ที่นี่แล้ว นอกจากนี้ ได้มีการย้ายกองบัญชาการส่วนหน้า จากพื้นดินไปอยู่ที่ชั้น 5 ของลานจอดรถ เพื่อให้สามารถมองเห็นพื้นที่โซน B และ C ได้ทั้งหมด และยืนยันว่าจะร้องขอความช่วยเหลือหากมีความจำเป็น โดยอุปกรณ์ที่ต้องการในขณะนี้คืออุปกรณ์ตัด ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนเพียงพอแล้ว ส่วนประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับการขนย้ายเศษซากอาคาร ได้มีการนำไปไว้ที่บริเวณทางรถไฟใกล้ศาลเยาวชนแล้ว สำหรับเรื่องหลักฐาน ทางกรมโยธาธิการได้เข้ามาพูดคุยแล้ว แต่ในขณะนี้เน้นการช่วยเหลือผู้สูญหายเป็นอันดับแรก การเก็บหลักฐานสามารถดำเนินการเพิ่มเติมภายหลังได้ และยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่ ส่วนเรื่องการตรวจสอบเหล็กนั้น ขอสงวนความเห็นเนื่องจากมีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง

“ขณะนี้เป็นกระบวนการกู้ชีพในการค้นหาผู้รอดชีวิต หากจะเลิกค้นหาจะต้องมีคำตอบให้ญาติได้” ผู้ว่าฯ กทม. กล่าว

ล่าสุดเวลา 16.20 น. มีผู้ประสบเหตุ 96 คน เสียชีวิต 14 คน เป็น ชาย 8 คน หญิง 6 คน ผู้บาดเจ็บ 9 คน อยู่ระหว่างติดตาม 73 คน

ด้านอธิบดีกรมโยธาเก็บตัวอย่างคอนกรีตและโครงเหล็กซากอาคาร สตง. ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว

นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นำทีมเก็บตัวอย่าง โครงเหล็ก และคอนกรีต เพื่อนำไปตรวจสอบคุณภาพ หลักจากที่อาคารสตง.หลังใหม่ถล่มลงมาจากเหตุแผ่นดินไหว โดยการเข้าไปตรวจสอบครั้งนี้จะใช้ คอริ่งที่เป็นเครื่องความหนาแน่นของปูน จำนวน 4 เครื่อง และเครื่องมือตัดเหล็ก อีก 3 ชุด 4 จุด แบ่งตามโซน A,B,C,D ควบคู่กันไปเพื่อเจาะและตัดคอนกรีตและเหล็กส่งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานส่งไปตรวจสอบมาตรฐานต่อไป

โดยบริเวณด้านในได้มีการมาร์กจุดที่จะทำการขุดเจาะ ซึ่งลักษณะของตัวอย่างจะต้องเป็นเหล็กที่มีความสมบูรณ์ ไม่บิดงอ ส่วนคอนกรีตต้องเป็นตัวอย่าง คอนกรีตที่ไม่มีรอยแตกร้าว เพื่อให้เกิดการพิสูจน์หลักฐานที่มีความแม่นยำถูกต้องมากที่สุด. -419- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ยิงกำนันเล้น

ออกหมายจับ “ไอ้ ด.” มือปืนขาเป๋ ยิงถล่มกำนันเล้น ตร.ไล่ล่ากระชั้นชิด

ตรัง 8 ส.ค. – ออกหมายจับ ไอ้ ด. มือปืนขาเป๋ ยิง M16 ถล่มดับกำนันเล้น จ.ตรัง เผยปมสังหารจากคนเคยช่วยเหลือกลับขัดแย้ง-ขู่ฆ่า ผู้การตรังเผยแกะรอยเบาะแสไล่ล่าเป็นประโยชน์ ติดตามตัวแบบหายใจรดต้นคอ ลั่นต้องจับให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ว่า จากกรณีคนร้ายชายในชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธสงคราม M16 ยิงถล่มนายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด จนเสียชีวิต กระสุนเจาะประตูรถฝั่งคนขับพรุน 15 นัด ปลอกกระสุนขนาด 5.56 ตกกระจายเกลื่อน เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านของนายบัณฑิต พื้นที่หมู่ 9 ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่นายบัณฑิตเดินทางกลับจากงานเลี้ยงงานแต่งงาน […]

“บุ๋ม ปนัดดา” พร้อมชน “มาลี”

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับการแต่งตั้ง “ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” นั่งโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา ด้าน “บุ๋ม” เปิดใจ เป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา พร้อมชน “มาลี” ลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์.-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้าน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กลับบ้านพร้อมหน้า

อุบลราชธานี 8 ส.ค. – ฝนชะล้างความเศร้า ชาวบ้าน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กลับเข้าบ้านเรือนเกือบหมดแล้ว ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งในรอบกว่า 2 สัปดาห์ นับตั้งแต่เกิดเหตุไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา .-สำนักข่าวไทย

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]