ตำรวจแถลงรวบผู้ต้องหาทุจริตยาเถื่อนออกจาก รพ.ส่งต่อตลาดมืด

บช.ก. 26 มี.ค. – ตำรวจแถลงปฏิบัติการ “สยบนาคี” รวบผู้ต้องหา ทุจริตยาเถื่อนออกจาก รพ.ทหารผ่านศึก ส่งต่อตลาดมืด ขณะที่ผู้ต้องหาทั้งหมดปฏิเสธ ตำรวจพบพิรุธ 7 ปี “แพทย์หญิง” สั่งจ่ายยา 28.72% ของแพทย์ทั้งโรงบาล


พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำแถลงข่าวปฏิบัติการ “สยบนาคี” บุกจับแพทย์ พยาบาลทหาร พร้อมพวก ทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก โดยแถลงร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง หลังเมื่อเช้านี้มีปฏิบัติการเจ้าตรวจค้น 17 จุด จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 8 คน และยังเข้าตรวจค้นร้านยาที่ต้องสงสัยอีก 11 จุด

ก่อนเริ่มแถลงข่าว เจ้าหน้าที่ได้นำของกลางที่ตรวจยึดมาได้จากการเข้าตรวจค้นมาแสดง ประกอบด้วย กล่องลังที่ใช้บรรจุยา, เงินสดมูลค่า 10.9 ล้านบาท, โฉนดที่ดินที่พบในบ้านพัก ซอยแสงจันทร์ เขตคลองเตย, ถุงซิปล็อคใส่ยาที่มีการแกะฉลากชื่อออกแล้วจำนวนมาก, สมุดบัญชี, ถุงพลาสติกสีฟ้าที่ใช้บรรจุยาหลังนำมาพัก แล้วส่งต่อไปที่จังหวัดปราจีนบุรี, ยาป้องกันการเกิดลิ่มเลือดยี่ห้อ Pradaxa อีกหลายกล่อง


พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้ ต้องขอบคุณผู้แจ้งเบาะแส คือ คุณพัชนีย์ ที่พบเห็นการทุจริตแล้วไม่นิ่งดูดาย ใช้ความรู้และทรัพย์สินส่วนตัวเก็บข้อมูลภาพคลิปหลักฐานทุกอย่าง ซึ่งทางผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางจะมอบโล่ทำความดีเพื่อสังคมให้ สำหรับผู้ต้องหากลุ่มนี้ยังเป็นแค่กลุ่มแรก ซึ่งยังมีอีกหลายกลุ่มที่มีแผนประทุษกรรมแบบนี้ เป็นขบวนการใหญ่ ทำกันหลายที่ หลายโรงพยาบาล หลังจากนี้จะต้องไปตามเช็คบิล โดยตอนนี้ตำรวจได้รับข้อมูลจากกรมบัญชีกลางแล้ว กำลังตรวจสอบว่ามีใครเข้าข่ายความผิดอีก โดยหากใครรู้ตัวว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ขอให้รีบเข้ามาพบเจ้าหน้าที่ ถ้าช้าจะถูกออกหมายจับ

พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ กล่าวว่า หลังมีการเปิดประเด็นเรื่องนี้ทางโซเชียลเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตำรวจได้ประสานรับข้อมูลและทำการสืบสวน จนสามารถระบุตัวผู้กระทำผิดได้ทั้งหมด 12 ราย และได้ขอออกหมายจับ 8 ราย ส่วนอีก 4 ราย ได้เรียกมารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว

พ.ต.อ.เพิ่มวุฒิ ประทุมราช ผู้กำกับการ 1 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ อธิบายขบวนการทุจริตยานี้ว่า เริ่มขึ้นเมื่อประมาณปี 2561 โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ ได้แก่ แพทย์หญิงที่สั่งจ่ายยา และกลุ่มผู้สนับสนุน คือ พ.อ.หญิง ที่ดำเนินการเกณฑ์คนผ่านแม่ทีม จากจังหวัดลพบุรี 6 ทีม รวมกว่า 600 คน ขึ้นรถตู้มาพบแพทย์หญิงที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึก โดยทุกคนมีสิทธิเบิกจ่ายตรงจากกรมบัญชีกลาง ซึ่งจะได้รับค่าตอบแทนหัวละ 1,000 บาทในครั้งแรก หลังจากนั้นได้หัวละ 500 บาท และได้เปอร์เซ็นต์อีก 10% จากค่ายาที่เบิกได้ ส่วนแม่ทีมได้ค่าตอบแทนหัวละ 1,500 บาท


จากนั้นจะมารวมยากันที่ปั๊มน้ำมันข้างโรงพยาบาลและนัดหมายนำยาไปส่งในที่ต่าง ๆ ทั้งที่พักย่านเกียกกาย และคอนโดย่านพระราม 4 ของ พ.อ.หญิง ซึ่งใน 1 สัปดาห์แพทย์หญิงรายนี้จะลงตรวจทั้งหมด 3 วัน ดังนั้น ทุกวันอาทิตย์จะมีรถแท็กซี่มารับยาจากที่พักนำไปส่งให้ นายสมปราช ที่จังหวัดปราจีนบุรี ก่อนจะส่งกลับมาที่กรุงเทพมหานคร ให้นางสาวสุรีย์ และนายสมพงศ์ ซึ่งจะกระจายยาไปตามร้านขายยา จากการตรวจค้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ได้พบถุงสีฟ้าที่ใช้บรรจุยาตรงกันกับที่พบในคอนโดย่านพระโขนงและพระราม 4 ด้วย

เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ระบุถึงการเข้าตรวจสอบร้านยา 11 ร้านว่า พบ 5 ร้าน ที่ดำเนินการอย่างถูกต้อง แต่อีก 6 ร้าน พบว่ามีความสุ่มเสี่ยงที่จะรับยามาจากแหล่งไม่ถูกต้อง และมีการขายยาโดยที่เภสัชกรไม่อยู่ อีกทั้งยังขายยาในกลุ่มที่เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท โดย 1 ใน 6 ร้าน พบสภาพไม่ได้เป็นร้านขายยา เป็นตึกปิดมิดชิด และไม่มีใบอนุญาตขายยาด้วย ซึ่งจะต้องไปตรวจสอบต่อด้วยว่ายาในกลุ่มวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทนั้นมีการนำมาจากที่ใด

นางแพตริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า กรมบัญชีกลางเป็นหน่วยงานกลางที่ดูแลค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการและครอบครัว ซึ่งที่ผ่านมามีการเข้าไปตรวจสอบสถานพยาบาลต่าง ๆ ว่ามีการเบิกจ่ายยาอย่างถูกต้องหรือไม่ ซึ่งก็มีการเรียกเงินคืนอยู่บ้าง แต่กรณีเหล่านั้นเกิดจากการเบิกจ่ายที่ใช้เกิน หรือใช้สิทธิผิดประเภท รวมถึงมีบางกรณีที่คนไข้คนเดียวไปเบิกจ่ายยาจากหลายโรงพยาบาลในวันเดียวกัน ก็จะถูกระงับสิทธิและตรวจสอบ แต่ขบวนการที่จับกุมในวันนี้มีความแตกต่าง คือมีการตั้งต้นจากตัวแพทย์เอง และมีคนใช้สิทธิมาเป็นลูกข่าย ซึ่งแพทย์หญิงคนนี้มีการสั่งจ่ายยาเป็นจำนวนมากที่สุดในโรงพยาบาลระหว่างปี 2560-2567 มีมูลค่าการสั่งจ่ายยา 84.7 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 28.72% ของแพทย์ทั้งหมดในโรงพยาบาลประมาณ 100 คน ดังนั้น หลังจากนี้จะต้องร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการไปไล่ตรวจสอบว่ามีขบวนการที่มีลักษณะเดียวกันนี้ เกิดขึ้นที่ไหนบ้าง

พล.อ.เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก กล่าวว่า ตั้งแต่ตนเข้ามารับตำแหน่ง ก็เห็นความผิดปกติของงบการเงินของโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และพบความผิดปกติของกลุ่มคนที่มารับบริการที่มีชื่อซ้ำๆ กัน ในช่วงเวลาเดียวกันที่มีแพทย์เพียงคนเดียวเป็นผู้ตรวจ ในปีงบประมาณ 2567 จึงได้เข้มงวดกับเงื่อนไขการเบิกจ่ายยา ส่งผลให้งบการเงินกลับมาเป็นบวก มีกำไร 70 ล้านบาท จึงขอยืนยันว่าจะให้ความร่วมมือ ควบคุมระเบียบร่วมกับกรมบัญชีกลาง ไม่ให้เงินภาษีประชาชนรั่วไหลอีก แม้แต่บาทเดียว

นายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. กล่าวว่า ที่ผ่านมาแผนประทุษกรรมในการทุจริตการเบิกจ่ายยา ส่วนใหญ่จะพบผู้กระทำความผิดไม่เกินสองคนคือผู้จ่ายและผู้รับ แต่ครั้งนี้ทำกันเป็นขบวนการใหญ่ ถือเป็นประวัติศาสตร์ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น โดยทาง ป.ป.ท.จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญาต่อไป

ขณะที่ทาง นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการ ปปง. กล่าวว่า หลังจากนี้จะเสนอต่อคณะกรรมการธุรกรรม ให้มีมติมอบหมายในการตรวจสอบเชิงลึกอย่างเร่งด่วน ซึ่งนอกจากการยึดทรัพย์ จะทำการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินทั้งหมด โดยเฉพาะของแพทย์หญิงที่สั่งจ่ายยา ซึ่งหากพบว่าเกี่ยวข้องกับข้อหาฟอกเงิน ก็จะต้องดำเนินคดีต่อไป

พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรม ป.ป.ท. ตอบคำถามสื่อมวลชนเพิ่มเติม โดยยืนยันว่า วันนี้ถือเป็นดำเนินคดีเครือข่ายทั้งหมด 12 คนแล้ว ครบทั้งขบวนการไม่เหลือใครตกขบวนแล้ว ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมด 12 คน ให้การปฏิเสธในข้อกล่าวหาทั้งหมด ส่วนนายสมปราช ที่เป็นคนรับยามาจาก พ.อ.หญิง และถูกจับกุมในจังหวัดปราจีนบุรีนั้น ยอมรับแค่ในพฤติการณ์ที่ทำ แต่ปฏิเสธข้อกล่าวหา ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า นายสมปราช หลังจากรับยามาแล้ว จากนั้นนางสาวสุรีย์ ได้ซื้อต่อมา แล้วนำมากระขายส่งต่อที่ร้านขายยา นายสมปราช กับ นางสาวสุรีย์ รู้จักกันผ่านทางโซเชียล และค้าขายยากันมา 6-7 ปีแล้ว

พ.ต.ท.สิริพงษ์ ยังอธิบายถึงการได้ผลประโยชน์ของขบวนการนี้ด้วยว่า ยามี 2 ชนิด คือ ยาในบัญชีที่ผลิตในประเทศไทย ส่วนยานอกบัญชีคือยาที่นำเข้ามาจากประเทศ มีราคาแพง ซึ่งจากการพบในเคสนี้ เป็นยานอกบัญชี 90% ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นห่างกัน 2-10 เท่าตัว และเคสนี้ยาไม่มีต้นทุน เพราะทุกบัตรประชาชนที่ถือมาคนที่จ่ายเงินคือกรมบัญชีกลาง และจากการตรวจสอบก็พบเป็นยาในกลุ่มเรื้อรัง ยาเบาหวาน ความดัน และยาที่พบมากที่สุดในขบวนการนี้ คือ ยาลดไขมันในเลือด ซึ่งมีราคาเกือบ 1,000 บาทต่อกล่อง ต้นทุนอาจจะ 3 บาทต่อเม็ด แต่พอไปถึงร้านขายยาเพิ่มขึ้นเป็น 20-21 บาทต่อเม็ด ซึ่งจากขบวนการนี้ สร้างความเสียหายต่อรัฐทั้งหมด 50-60 ล้านบาท

ส่วนพยานหลักฐานในคดี ที่สามารถเอาผิดได้นั้น เริ่มจากการใช้ดุลพินิจที่ผิดปกติ จากการไปตรวจสอบเวชระเบียน พบการกรอกเอกสารเท็จ นอกจากนี้ยังมีพยานหลักฐานที่เข้ามายืนยันเรื่องการรับประโยชน์ เส้นทางการเงิน รวมถึงการตรวจสอบการทำหน้าที่ของแพทย์หญิง ซึ่งได้ตรวจสอบไป 5 ปีย้อนหลัง พบว่าแพทย์หญิงท่านนี้มีคนไข้ที่อยู่ในความดูแล 2,000 กว่าคน และเครือข่ายพวกนี้ จะแวะมาโรงพยาบาล 4 ครั้งต่อปี เท่ากับจะรักษาคนไข้และจ่ายให้หมื่นกว่าครั้งต่อปี จึงเป็นความผิดปกติทั้งหมด.-414-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ ข่าว สส.ดังนครศรีฯ ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา

กทม. 30 พ.ค.-“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ-ไม่รู้ ข่าว สส.ดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมากลางงานบวช ยืนยันไม่เป็นความจริง นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าว สส.ชื่อดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา กลางงานบวชลูกชายของนายก อบต. ต่อหน้าชาวบ้านนับร้อยคน โดยนายชัยชนะ ได้ปฏิเสธข่าวบอก ไม่รู้ ไม่ทราบข่าว พร้อมบอกผู้สื่อข่าวว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อถามว่า เป็นคนรู้จัก หรือคนใกล้ชิดหรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนไม่ทราบเหมือนกัน เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบข่าวเลย ก่อนย้ำอีกครั้งว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ตอบว่า “ครับผม” เมื่อถามว่า ไม่ได้เข้าไปในพื้นที่เลยใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนลงพื้นที่วันละหลายงาน และเมื่อถามทิ้งท้ายว่า ไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ยืนยันว่า “ไม่มี“.-315.-สำนักข่าวไทย

รวบพระเอกลิเกทุบหัวลูกเลี้ยงออทิสติกดับ

นครราชสีมา 30 พ.ค. – รวบแล้ว พระเอกลิเกทุบหัวลูกเลี้ยงออทิสติกเสียชีวิต และล่วงละเมิดลูกเลี้ยงผู้หญิงคนเล็กอายุ 11 ขวบ เจ้าตัวยังปากแข็ง แต่จำนนด้วยหลักฐาน ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา บุกรวบตัว นายกิติทัช อายุ 48 ปี พระเอกลิเก “ลักยิ้มทับทิมสยาม” ได้คาบ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ โดยขณะนี้คุมตัวอยู่ในห้องขัง สภ.เมืองนครราชสีมา ขณะจับกุมตัวผู้ต้องหากำลังเตรียมหลบหนีไปประเทศกัมพูชา เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา” และ “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี” ขณะนี้กำลังเค้นสอบปากคำ เนื่องจากผู้ต้องหายังปากแข็ง แต่จำนวนด้วยหลักฐาน ก่อนเตรียมนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ คาดว่าเป็นช่วงบ่ายวันนี้ คดีนี้สืบเนื่องจาก น.ส.หมิว อายุ 46 ปี นางเอกลิเก พาลูกสาวอายุ 11 ปี เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี หลังลูกชายคนโต อายุ 18 ปี ซึ่งป่วยออทิสติก […]

“สมศักดิ์” วีโต้แล้ว! มติแพทยสภาให้ลงโทษ 3 หมอ คดีชั้น 14

สธ. 29 พ.ค. – “สมศักดิ์” วีโต้แล้ว! ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เผย “สมศักดิ์” สภานายกพิเศษ ส่งคำตอบให้มติแพทยสภาให้ลงโทษ 3 แพทย์ กรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจเมื่อวานนี้ ขออย่าใช้คำว่า วีโต้ ให้ใช้คำว่าเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย นายกองตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณาตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ได้ยื่นรายงานความเห็นจากคณะกรรมการฯ ต่อมติแพทยสภาให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ แพทยสภา เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) สภานายกพิเศษฯ ได้ทำหนังสือตอบกลับไปยังแพทยสภาแล้ว เมื่อเวลา 16.00 น. โดยที่ตนเองก็ยังไม่ทราบว่า มีเนื้อหาบ้าง แต่ขออย่าใช้คำว่า วีโต้ ขอให้ใช้คำว่ามีส่วนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เบื้องต้นเป็นความส่งความเห็นกลับต่อมติของแพทยสภา ซึ่งมีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนแพทย์จำนวน 4 […]

จับแล้ว! “สามีภรรยา” คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง

29 พ.ค.- จับแล้ว! สองสามีภรรยา คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง มือคุมบัญชีประมูลร้านค้างานประจำปี – ร้านค้าสวัสดิการ หลังศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับ วันนี้ ( 29 พ.ค.68) เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุม สองสามีภรรยา คนสนิทนายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับ ในความผิดฐาน ข้อหาฟอกเงิน และ เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อหรือการรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบังหรือทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตน, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” โดยสามารถจับกุมตัวทั้งสองได้ภายในค่ายลูกเสือพระพุทธศาสนา มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มาสอบปากคำยัง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ขณะเดียวมีรายงานว่า นอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับอดีตพระลูกวัดคนสนิท ทิดแย้ม ซึ่งถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดย พนักงานสอบสวน เตรียมประสานไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ […]

ข่าวแนะนำ

ฝนตกหนักบางแห่ง ภาคเหนือ-อีสานตอนบน

กทม. 1 มิ.ย.-กรมอุตุฯ รายงานฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ และอีสานตอนบน ส่วนภาคใต้ฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06.00 น. วันนี้ ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดตาก พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส […]

ภูมิต้านภัย : จับตาทุจริตงบซ่อม ฮ.ตำรวจ

กรุงเทพฯ 31 พ.ค. – คอลัมน์ “ภูมิต้านภัย” ตรวจสอบหาสาเหตุเฮลิคอปเตอร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตก 2 เหตุการณ์ในรอบ 1 เดือน หลังถูกตั้งข้อสังเกตถึงการนำ ฮ.ที่เสีย มาตั้งงบซ่อมแบบไม่ได้มาตรฐาน ทำให้นักบินต้องเสี่ยงชีวิตทุกครั้งที่ยก ฮ.ขึ้นน่านฟ้า. – สำนักข่าวไทย

นายกฯ บอกวันนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยน ลั่นปรับ ครม. อะไรก็เกิดขึ้นได้

รัฐสภา 31 พ.ค.-นายกฯ บอกวันนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยน ลั่นปรับ ครม. อะไรก็เกิดขึ้นได้ ส่วนโยกกระทรวงให้ถาม “ทักษิณ” คนพูด ปมดึง มท. มาดูเอง ย้ำครอบงำไม่ได้ แต่พ่อให้คำปรึกษา ลูกรับไว้พิจารณา เผยยกหูหากลางห้องประชุมแล้ว นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ว่า วันนี้ยังเหมือนเดิมไม่มีอะไร ถ้าจะมีการปรับเปลี่ยนอะไร หากเป็นรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเดี๋ยวตนจะคุยเอง เห็นเป็นกระแสข่าวออกไปหลายอย่างมาก ทำให้รัฐมนตรีทุกคนรู้สึกหวั่นไหวและท้อใจ ซึ่งตนไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น ซึ่งตนพยายามสื่อสารในพรรคเพื่อไทยว่าอย่างไรเดี๋ยวจะคุยเอง ส่วนคำพูดของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้บั่นทอนจิตใจพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น นายกฯ กล่าวว่า ไม่ เมื่อสักครู่ก็นั่งอยู่ข้างๆ กันไม่ได้มีอะไร ไม่มีใครถามถึงเรื่องนี้เลย เมื่อถามว่ากระทรวงมหาดไทยทำงานไม่ดีจริงหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นั่นเป็นความคิดเห็นของนายทักษิณ แต่ตนยังไม่ได้ประเมินอะไร เดี๋ยวก็รอดู ส่วนมีการพูดคุยกับนายทักษิณ หรือไม่ว่าเหตุใดจึงให้สัมภาษณ์ นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า คุยกันทุกวัน หากถ่ายรูปมา เมื่อสักครู่ได้ตนก็คุยโทรศัพท์กับคุณพ่อ ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่าตอนนี้ถูกมองว่าเป็นการครอบงำพรรคเพื่อไทย นายกรัฐมนตรี […]

สภาผ่านฉลุย รับหลักการงบฯ 69 นายกฯ เชื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย

รัฐสภา 31 พ.ค.-สภาผ่านฉลุย รับหลักการงบฯ 69 วาระแรก เสียงท่วม 322 เสียง ตั้ง กมธ. 73 คน พบ “อนุดิษฐ์” โผล่เป็น กมธ.โควตารัฐบาล ด้านนายกฯ ขอบคุณสภาฯ ยันรัฐบาลจัดลำดับความสำคัญงบฯ ตามสถานการณ์ เชื่องบประมาณที่เสนอไปจะยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนคนไทยทุกคน ตั้งใจใช้เป็นเครื่องมือสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันสุดท้ายของการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม โดยหลังจากใช้เวลากว่า 3 วัน รวม 41 ชั่วโมง ที่ประชุมมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ด้วยคะแนน 322 ต่อ 158 เสียง ไม่ลงคะแนน 2 เสียง และตั้งคณะกรรมาธิการ จำนวน 73 คน ทั้งนี้ เป็นที่สังเกตว่า มีชื่อ […]