“กัน จอมพลัง” ล่าแก๊งดอลลาร์ปลอม-เคลียร์ปมถูกโยง “ดิว อริสรา”

กรุงเทพฯ 21 มี.ค. – “กัน จอมพลัง” เดือด! ประกาศล่าแก๊งดอลลาร์ปลอม หลังถูกอ้างชื่อโยง “ดิว อริสรา” ด้าน “เท็ดดี้” รับแล้วอ้างชื่อ “กัน-ภรรยา” เพราะถูกกดดัน


จากกรณี กัน จอมพลัง โพสต์ว่า “เงินดอลลาร์จำนวนมากในโรงแรมหรูที่ ด อ ส ร เปิดให้พวกหลายคน หนึ่งในนั้นอ้างปล่อยอาวุธสงคราม ปล่อยดอลลาร์ เอาชื่อตนไปอ้างกับคนไปทั่วทั้งที่ไม่รู้จักถ้า ขยายผลไปน่าเจอขบวนการแบงก์ปลอม”

ล่าสุด กัน จอมพลัง โพสต์อีกว่า “มี 2 คนติดต่อมาหาตน 1 การ์ด (มนัส) ที่ถูกแจ้งความว่าขังและทำร้ายคนในห้องที่มีแบงก์ดอลลาร์ปลอม กับ 2 คนที่อ้างชื่อตน (เท็ดดี้) และจะขอมาอธิบาย ตนพร้อมรับฟัง เจอกัน 10.20 น.”


พอถึงเวลานัดหมาย เวลา 10.20 น. กัน จอมพลัง บอกว่าทั้ง 2 ฝั่งพูดข้อมูลไม่ตรงกัน ฝั่งหนึ่ง(เท็ดดี้) บอกว่ามีการกักขังและทำร้าย ส่วนอีกฝั่ง (มนัส) บอกว่าไม่ได้กักขังและไม่มีการทำร้ายร่างกายกัน ส่วนตัวไม่ค่อยให้ความสนใจตรงนั้น แต่สนใจว่าเรื่องดังกล่าวมันเกี่ยวข้องกับขบวนการขายธนบัตรดอลลาร์ปลอม และมีหนึ่งในกลุ่มนี้มีการอ้างชื่อของตนและภรรยา อีกทั้งยังบอกว่าตนเกี่ยวข้องกับการค้าอาวุธเถื่อน อาวุธสงคราม จึงยอมไม่ได้

หลังจากได้โพสต์เรื่องราวออกไป “เท็ดดี้” ซึ่งอ้างชื่อตน ได้ติดต่อมาอธิบายต่างๆ นานา เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ วันนี้จึงให้โอกาสเท็ดดี้ออกมาอธิบายกับสังคมด้วย ส่วนเรื่องของภรรยา ยอมรับว่าเคยพูดคุยกับ “ดิว อริสรา”เรื่องนี้ เนื่องจากทางดิวโทรศัพท์มาสอบถามภรรยาหลังจากเท็ดดี้อ้างว่ารู้จักกับภรรยา แต่ตนไม่เกี่ยวข้องกับการค้าอาวุธเถื่อน อาวุธสงคราม ดิวจึงโทรศัพท์มาพูดคุยกับภรรยาของตนว่ามีคนชื่อเท็ดดี้กล่าวอ้างแบบนี้ ยืนยันว่าตนไม่ได้สนิทหรือรู้จักกับดิวเป็นการส่วนตัว รวมถึง “เซป” สามีของดิว ด้วย

ด้านเท็ดดี้ หรือจ๋อม ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์วันแลกเปลี่ยนเงินแล้วมารู้ทีหลังว่าเป็นดอลลาร์ปลอม เปิดใจต่อหน้าสื่อมวลชนและกัน จอมพลัง ถึงสาเหตุที่อ้างชื่อกันและภรรยา เนื่องจากตอนนั้นทางดิวกดดันให้หาเงินมาชดใช้คืนตนไม่รู้จะทำอย่างไรจึงติดต่อไปหา “คุณหมิว” ซึ่งเป็นภรรยาของกัน จอมพลัง เพราะเคยรู้จักกันมาก่อน เพื่อขอให้ช่วยคุยกับดิว กรณีพูดถึงเรื่องค้าอาวุธเถื่อนนั้น ตนได้ยินมาอีกทีว่ากัน จอมพลัง และภรรยา สามารถเคลียร์ปัญหาเรื่องค้าอาวุธเถื่อนได้ และเป็นการพูดคุยสนุกสนาน ไม่ได้จริงจัง


ส่วนเรื่องแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์ ยอมรับว่าตนรู้จักกับลูกค้าชายชาวจีนชื่อชาน ที่ต้องการนำเงินจำนวน 3 ล้านดอลลาร์ มาแลกเปลี่ยนเป็นเงินไทย ตนเห็นว่ามีโปรเจกต์งานนี้มานานเป็นปีแล้ว แต่ไม่มีใครรับทำ กระทั่งได้พูดคุยกับ“เกด” ซึ่งเป็นนายหน้ารับขายฝากที่ดิน บอกว่ามีช่องทางและสามารถทำงานนี้ได้ จึงตอบตกลงกับชาวจีนที่ชื่อชาน จนนำไปสู่วันแลกเปลี่ยนเงิน ส่วนตัวยอมรับว่ามันแปลกๆ ตั้งแต่แรก เพราะเงินดอลลาร์มูลค่าถึง 99 ล้านบาท แต่กลับนำมาแลกกับเงินไทยเพียง 3,200,000 บาท พร้อมยอมรับว่ารู้อยู่ลึกๆ ว่าเป็นเงินดอลลาร์เทาจากการทำผิดกฎหมาย แต่ทางเกดอ้างว่าสามารถทำได้ จึงตอบตกลงกับชายชาวจีน แต่ปรากฏว่าได้แบงก์ดอลลาร์ปลอมกลับมาแทน

ขณะที่นายโอ๊ต หรือมนัส การ์ดที่ดิว อริสรา ว่าจ้างให้รักษาความปลอดภัย 5 คน ประกอบด้วย “เท็ดดี้ เกด ชิน บอส และแมน” ในการนำเงิน 3.2 ล้านบาท ไปแลกกับเงิน 3 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 99 ล้านบาท เล่าว่า วันที่ไปรับเงินมีการ์ดไปดูแล 4-5คน โดยตนได้ค่าจ้างเป็นรายเดือนจาก ดิว อริสรา ส่วนการ์ดที่เหลือได้รับเงินรายวันๆ ละ 2,000 บาท เมื่อการทำธุรกรรมล้มเหลว การ์ดที่เหลือก็แยกย้ายกลับ เหลือเพียงตนที่ได้รับมอบหมายให้เคลียร์เรื่องเงิน 3.2 ล้านบาท กับทั้ง 5 คน

ในการเคลียร์เงิน ดิว อริสรา เปิดห้องพักโรงแรมให้ทั้ง 5 คนอยู่รวม 5 วัน ตกวันละกว่า 20,000 บาท ยืนยันว่าเป็นลักษณะของการอยู่ร่วมกันเพื่อพูดคุยหาทางออกเรื่องเงิน ไม่ได้มีการกักขังข่มขู่ ทุกคนมีอิสระใช้ชีวิตส่วนตัว สามารถออกจากห้องและกลับบ้านได้ตามปกติ อีกทั้งระหว่างที่อยู่ด้วยกันก็มีสังสรรค์ปาร์ตี้ บางครั้งตนต้องรับบทเด็กเอนเตอร์เทนต์ให้คนกลุ่มนี้ด้วย ซึ่งตนมีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอขณะชนแก้วแชมเปญโดยใช้แบงก์พัน พันรอบแก้ว และมีเสียงเชียร์ให้ชนแก้วด้วย

กรณีกล่าวอ้างว่าตนทำร้ายร่างกายหนึ่งในบุคคลที่อยู่ในห้อง คือชิน ซึ่งแอบโทรหาเพื่อนชื่อแบงค์ ซึ่งรู้จักกับแมน และแมนรายงานดิว ดิวบอกแล้วแต่จะจัดการ ตามข่าว ยอมรับว่าระหว่างอยู่ด้วยกันตนทะเลาะกับคนชื่อชิน เนื่องจากไม่พอใจเรื่องคำพูดจนชกต่อยกันบนรถ ขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับการเคลียร์เงินหรือทวงหนี้ หลังจากทะเลาะกันได้เคลียร์ใจกันแล้วกลับมากินข้าวพูดคุยกันปกติ

กรณีครอบครัวคนชื่อเกด แจ้งความดำเนินคดีตน ฐานกักขังหน่วงเหนี่ยวและกรรโชกทรัพย์ ก็เกิดจากความเข้าใจผิด โดยขณะอยู่ด้วยกันมีอยู่วันหนึ่งตน เกด เท็ดดี้ ชิน ลงไปซื้อเบียร์แล้วเจอกับตำรวจ ตำรวจจึงเข้ามาสอบถามแล้วพาไป สน. เพื่อสอบปากคำ พอตำรวจสอบถามทุกคนก็บอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดจึงปล่อยตัวออกมา ซึ่งหากตนกักขังจริงคงถูกจับไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว

หลังเกิดเหตุตนได้พูดคุยกับ ดิว อริสร เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งทางดิวได้ขอโทษตนที่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น และตนไม่ได้ติดใจอะไร เพราะถือเป็นหน้าที่ และตอนนี้ตนได้ลาออกจากการทำงานให้กับ ดิว อริสรา เรียบร้อยแล้ว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่เสียหาย จ.สุรินทร์

สุรินทร์ 9 ส.ค.- “มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ สำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา เตรียมใช้เป็นข้อชี้แจงนานาชาติ กัมพูชาใช้อาวุธระยะไกลโจมตีพื้นที่พลเรือน ยันพร้อมประสานให้ ICRC – UN มาดูพื้นที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่จังหวัดสุรินทร์ จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎสหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว เมื่อวันนี้ได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล ก็เป็นภาพที่เห็นชัดเจน รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน ซึ่งตนเองใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ และองค์กรสหประชาชาติว่าการใช้ประเภทอาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชาจะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปราถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน นายมาริษ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราทำตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลก […]

ทหารเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน เจ็บ 3 นาย

ศรีสะเกษ 9 ส.ค. – กำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน บาดเจ็บ 3 นาย โดย “จ.ส.อ.ธานี” หัวหน้าชุด ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 11.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ร้อย.ร.111 ได้นำกำลังพลลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่ บริเวณรอยต่อ โดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ โดยมี จ.ส.อ.ธานี พาหา เป็นหัวหน้าชุด และกำลังพล 2 นาย โดยระหว่างตรวจสอบเส้นทางได้เหยียบกับระเบิด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย (ส.1 […]

“ภูมิธรรม” เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานนำผู้อพยพกลับบ้าน

สุรินทร์ 9 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานคมนาคม นำผู้อพยพกลับบ้านโดยเร็วที่สุด สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ให้ใช้งบเต็มที่ พร้อมประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ละเว้นค่าไฟ ค่าน้ำ ในช่วงที่เกิดการปะทะ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจุดแรกเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยเมื่อเดินทางถึง นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย มาให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามาด้วยความห่วงใย และทราบดีว่าประชาชนทุกคนมีความยากลำบากในสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของเราเลย เป็นเรื่องที่ส่วนอื่นนอกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นคู่ขัดแย้งของเราทำขึ้น สร้างขึ้น และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ในขั้นต้น พวกเราทุกคนหน่วยหลัง ได้ทำการดูแลแผนพิทักษ์ส่วนหลังทั้งหมด พยายามดูแลทุกส่วนอย่างเต็มที่ […]

รถไฟด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค.-รถไฟขบวนรถด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ช่วงเช้ามืดวันนี้ จนท.นำผู้โดยสารที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ แต่ล่าช้า เฟซบุ๊กทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานวันนี้ (9 สิงหาคม 2568) เวลา 05.15 น. เกิดเหตุขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวนที่ 38/46 (สุไหงโก-ลก – กรุงเทพอภิวัฒน์) คันที่ 10-12 ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ – เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่งโรงพยาบาล– ขนถ่ายผู้โดยสาร คันที่ 10-12 ทางรถยนต์– นำตู้โดยสารที่ไม่ได้ตกราง ทำขบวนต่อถึงสถานีปลายทาง ทั้งนี้ ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ (ล่าช้า) การรถไฟฯ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1690 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บ 9 ราย เป็นพระภิกษุ 1 รูป เด็กหญิง […]