สว.สำรอง มอบแจกันดอกไม้เป็นกำลังใจดีเอสไอ หลังรับเป็นคดีพิเศษ

ดีเอสไอ 12 มี.ค. – สว.สำรอง มอบแจกันดอกไม้เป็นกำลังใจให้ดีเอสไอ หลังรับเป็นคดีพิเศษ พร้อมเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้ดีเอสไอทำหน้าที่ตรวจสอบความจริง


พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้นำกลุ่ม สว.สำรอง พร้อมด้วยเพื่อนสมาชิก สว.สำรอง เดินทางมาให้กำลังใจ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษทั้ง 41 รายชื่อ รวมถึงให้กำลังใจ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ภายหลังถูก พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. พร้อม สว. รวม 81 คน นำรายชื่อ สว. 105 คน มายื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผ่านนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการ ป.ป.ช.ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีรับคดีฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษ ในความผิดฟอกเงิน โดยมีนายสมเกียรติ เพชรประดับ ผอ.ส่วนพิจารณาสำนวนร้องทุกข์ กองบริหารคดีพิเศษ เป็นผู้แทนรับเรื่อง

พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา คณะของเราได้ไปยื่นเรื่องที่ กกต. เพื่อติดตามทวงถามความคืบหน้า แต่เนื่องด้วยมีสถานการณ์พิเศษบางอย่างจึงต้องมาที่ดีเอสไอ วัตถุประสงค์หลักคือมาให้กำลังใจกระทรวงยุติธรรมและเจ้าหน้ากรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่ทราบว่าวันนี้ทางผู้บริหารของกรมฯ และกระทรวงฯ ไปประชุมผู้บริหารระดับสูงนอกสถานที่ จึงขอโอกาสนี้ได้มอบช่อดอกไม้และกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม ที่ผ่านมายังได้ปรากฏกลุ่มคนที่สร้างกระแสอย่างต่อเนื่อง จึงต้องมาให้กำลังใจ เพื่อทำเรื่องนี้ต่อไปได้อย่างมั่นคง มุ่งมั่นให้ความจริงปรากฏเพื่อประชาชน และเพื่อประเทศชาติ และพร้อมจะเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้ดีเอสไอ


สำหรับคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษของอธิบดีดีเอสไอ ที่ได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอถึง 41 ราย มาเป็นพนักงานสอบสวนในคดีฮั้ว สว.67 นั้น พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า เท่าที่เห็นรายชื่อ ตัวเองมั่นใจ เพราะส่วนหนึ่งในรายชื่อตามที่ปรากฏนั้น ตอนที่เป็นเรื่องสืบสวนก็ได้มีโอกาสทำงานและได้นำข้อมูลไปให้ทางเจ้าหน้าที่เหล่านี้ที่ได้ดำเนินการสืบสวนจนปะติดปะต่อเรื่องมาถึงขั้นตอนนี้ได้ ต้องชื่นชมเพราะคดีนี้ใหญ่มาก ดังนั้นการที่ท่านได้รับรู้ข้อมูลในชั้นสืบสวน และได้เข้าไปร่วมสอบสวนด้วย ยิ่งทำให้เชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้จะถือเป็นข้อมูลที่ได้รับการจัดวางเข้าไปในระบบอย่างชัดเจน ซึ่งจะนำไปสู่การสืบสาวราวเรื่องไปถึงกลุ่มขบวนการได้แน่นอน อย่างไรก็ตามข้อมูลต่างๆ ของบุคคลที่เกี่ยวข้องคงมีการเห็นแล้วบางส่วนในระหว่างการสืบสวน แต่เมื่อเห็นแล้ว แต่หากเข้าสู่กระบวนการสอบสวน ก็คงสามารถไปเอาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาปะติดปะต่อเพื่อยืนยันให้เป็นข้อมูลที่มีคุณภาพมาใช้ประกอบในการสอบสวนในคดีอาญาได้ ดูแล้วไม่น่ามีปัญหา เพราะจริงๆ แล้วถ้าว่าตามจริงคดีนี้ไม่ได้ซับซ้อน แล้วคนที่มาทำก็เป็นคนใหญ่ เลยดูเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ แต่เมื่อตรวจสอบก็เห็นเส้นทาง เห็นความโยงใยต่างๆ คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่ดีเอสไอจะทำเรื่องนี้ให้ความจริงปรากฎ คิดว่าประชาชนน่าจะเชื่อมั่น มั่นใจได้ว่าเรื่องนี้ท้ายสุดจะถูกคลี่คลาย

ส่วนกรณีที่จะต้องมีพนักงานอัยการมาร่วมสอบสวนกับดีเอสไอด้วยนั้น พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า เรื่องนี้ยิ่งทำให้มั่นใจ เพราะอย่างน้อยพนักงานอัยการเมื่อมาร่วมสอบสวน พนักงานอัยการก็จะสามารถชี้แนะในแง่มุมกฎหมาย ทำให้สำนวนมีความรัดกุมและชัดเจนมากยิ่งขึ้น ดังนั้นโอกาสที่สำนวนเมื่อพ้นจากชั้นสอบสวน ก็จะเข้าสู่ชั้นอัยการ โอกาสที่จะถูกสอบสวนเพิ่มเติม หรือสั่งเพิ่มเติมหรือถูกสั่งไม่ฟ้องน่าจะน้อยลง

สำหรับประเด็นที่มีสมาชิกวุฒิสภาบางส่วนได้รวบรวมรายชื่อไปยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาในความผิดมาตรา 157 ต่อ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นั้น พล.ต.ท.คำรบ บอกว่า ในเรื่องดังกล่าวยังทบทวนอยู่ว่าที่ไปร้อง ไปร้องในฐานะอะไร เพราะถ้าหากไปในฐานะที่เป็นสมาชิกวุฒิสภา มีเรื่องบัญญัติเกี่ยวกับจริยธรรมของนักการเมือง 10 ข้อ หากใช้สถานะของท่านไปดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งที่เข้าไปแทรกแซงทำให้เกิดผลประโยชน์ส่วนตนหรือส่วนอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ และการที่ไปกล่าวว่าเขาอย่างนั้นเป็นการที่ท่านไปบิดเบือนข้อมูลข้อเท็จจริงที่ทำให้ประชาชนสับสนหรือไม่ เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้ต้องไปดูในประมวลจริยธรรมของนักการเมือง ซึ่งสุ่มเสี่ยงหลายข้อ แต่หากไปยื่นในฐานะที่เป็นผู้เสียหาย ก็มองว่าคดีนี้ดีเอสไอเพิ่งจะรับเป็นคดีพิเศษและมีการออกเลขคดีพิเศษ ถึงแม้เจ้าหน้าที่จะมีข้อมูลบางส่วนแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้มีการตั้งข้อกล่าวหาผู้ใด แบบนี้จะถือเป็นการร้อนตัวไปก่อนหรือไม่


พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า สำหรับการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ในความผิดมาตรา 157 แม้จะเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นการไปกล่าวหาใครได้โดยง่าย เพราะในคดีอาญา คนแจ้งมีสิทธิ์แจ้ง แต่ถ้าแจ้งไปแล้วไม่ใช่ คดีมีการยกฟ้องหรือหรือไม่รับฟ้อง ท่านก็มีโอกาสถูกแจ้งกลับ อยากฝากเรื่องนี้ไปยัง ป.ป.ช.เช่นเดียวกันว่าในช่วงที่จะรับไต่สวนมูลฟ้องหรือไต่สวนคำร้อง อยากให้ ป.ป.ช. ได้พิจารณาในมูลคำร้องให้ดีว่ามีมูลอย่างที่มีการกล่าวหาหรือไม่ เพราะการที่ดีเอสไอหรือบอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษจะถูกกลุ่มคนฟ้องนั้น ทั้งดีเอสไอและบอร์ด กคพ. ได้กระทำการที่ผิดกฎหมายนอกเหนืออำนาจหน้าที่ใดหรือไม่ เพราะในเมื่อเขาได้ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของราชการทุกประการ ขณะเดียวกันอย่างที่ตนยังสงสัยในสถานะของผู้ร้อง ซึ่งถ้าหาก ป.ป.ช. จะวินิจฉัย ก็อยากให้ ป.ป.ช. ได้นำประเด็นนี้มาคำนึงด้วยว่าผู้ร้องมีสิทธิ์ร้องหรือไม่ในประเด็นเหล่านี้

ส่วนกลุ่มคณะ สว.สำรอง จะมีแนวทางอย่างไรต่อไป หากคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมีการไต่สวนคำร้องของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษตามที่ได้มีผู้ไปร้องนั้น พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ทางเรามีสถานะเป็นผู้ดู ส่วนจะมีการไปฟ้องกันอย่างไร หรือดีเอสไอจะโต้ตอบอย่างไร เข้าใจว่าหากมีการประทับเรื่องฟ้อง ทางดีเอสไอคงจะต้องไปชี้แจงว่าที่มีการถูกฟ้องมานั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ อย่างไร มองว่าทางดีเอสไอคงไม่ลำบากใจ เพราะว่าได้ทำเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา และทำบนพยานหลักฐานข้อเท็จจริง ทั้งนี้ฝากข้อห่วงใยไปยังกลุ่มสมาชิกวุฒิสภาที่ได้ไปยื่นเรื่องว่าท่านกำลังสุ่มเสี่ยงในเรื่องจริยธรรมหรือไม่

เมื่อถามว่านับตั้งแต่ที่กลุ่มคณะ สว.สำรอง ได้มีการมายื่นเรื่อง หรือมอบข้อมูล รายละเอียดเอกสารพยานต่างๆ กับดีเอสไอ ได้ถูกสายโทรศัพท์โทรข่มขู่ หรือขอให้ยุติการดำเนินการบ้างหรือไม่ พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า การที่ตัวเองมาดำเนินการอยู่ในตอนนี้ ก็เพื่อประเทศชาติเป็นหลัก จริงอยู่ที่พวกผมเป็นตัวสำรองอาจมีส่วนได้เสียจากการเคลื่อนไหวเรียกร้องในครั้งนี้ แต่เรื่องเหล่านี้เป็นผลพลอยได้ หลังจากได้สืบสวนทำให้ทราบว่าขบวนการนี้ใหญ่มาก อาจมีผู้ที่เกี่ยวข้องที่มีหน้าตาในสังคมปัจจุบัน ซึ่งพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นมองว่าเป็นการกินบ้านกินเมือง เป็นการปล้นชาติปล้นแผ่นดิน เมื่อเห็นถึงขบวนการเหล่านี้ ผมคิดว่าจะไม่หยุด อย่างน้อยตัวเองก็เป็นข้าราชการตำรวจเกษียณแล้วยังเหลือเวลาอีกไม่มาก จะต้องทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องสุดท้ายของชีวิต

ส่วนเรื่องเอกสารรายชื่อพยาน 7,000 รายชื่อที่มีหลุดออกมา ซึ่งอยู่ในกลุ่มพยานที่ดีเอสไอจะต้องเรียกสอบสวนปากคำนั้น พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า เท่าที่ได้ดูก็รู้จักบางคน ทางดีเอสไอคงจะตรวจสอบ จากข้อมูลที่มีพบว่ากระบวนการเหล่านี้จะมาเคลื่อนไหวหรือติดต่อสัมพันธ์กันในช่วงวันที่ 23-25 พ.ค.67 โดยเริ่มต้นจากระดับอำเภอ ตั้งแต่มีการสมัครในช่วงเดือน พ.ค.67 ความผิดเริ่มปรากฎในช่วงนั้น การสมัครระดับอำเภอ มีเงินทอน เงินจ้าง ค่ารถ ฯลฯ ซึ่งบุคคลที่มีรายชื่อปรากฏต้องไปสำรวจตัวเองว่ามีรายการค่าใช้จ่ายอย่างไร จะได้ชี้แจงได้ หากมีการเรียกมาให้การ

ส่วนประเด็นการยื่นหนังสือของนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อต้องการให้การเลือก สว. เป็นโมฆะทั้งชุดตัวจริงและ สว.สำรอง นั้น พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า มองว่าโอกาสที่จะเป็นโมฆะ ไม่น่าจะมีโอกาสมากนัก เพราะกฎหมายเขียนไว้ว่า หากเกิดความผิดใดปรากฏกับบุคคลใดก็จัดการคนนั้นไป และผลของการกระทำของบุคคลดังกล่าวไม่ส่งผลต่ออดีตที่ทำมา ตามข้อเท็จจริงมี สว.ตัวจริง 200 คน มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่อยู่ในข่าย 130-140 คน ส่วนที่เหลือไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หากจะต้องล้มหรือโมฆะคงไม่เป็นธรรมที่จะให้เขามารับผลในส่วนนี้ด้วย ใครผิดก็จะต้องจัดการคนนั้นไป และกฎหมายเรื่องเลือกตั้งได้เขียนไว้ชัดเจนว่าหากจัดการไปแล้วให้นำ สว.สำรอง ขึ้นมาแทน หากรวมกันแล้วไม่ถึงกึ่งหนึ่งก็ให้ไปเลือกซ่อมส่วนที่เหลือ กฎหมายเขียนไว้แล้ว มีช่องทางเดินก็ให้เดินตามช่อง จึงมองว่าไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องโมฆะ

ด้านนายสมเกียรติ กล่าวว่า ในฐานะผู้แทนรับเรื่องของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยในส่วนของคดี ตอนนี้ได้รับเป็นคดีพิเศษที่ 24/2568 ส่วนรายละเอียดทางคดีและความคืบหน้าจะขอให้เป็นอำนาจหน้าที่ของโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เป็นผู้แถลงต่อไป. -419-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รับชันสูตรศพ “ผกก.โจ้” ยาก เหตุศพไม่อยู่สภาพเดิม

ผู้ช่วย ผบ.ตร. รับชันสูตรศพ ผกก.โจ้ ยาก เพราะศพไม่อยู่ในสภาพเดิม ยันดูวงจรปิดไม่พบพิรุธ ยังยิ้มแย้มทักทายผู้ต้องขัง ยกมือไหว้ผู้คุม แต่พบเลือดหยดข้างศพ และแขนซ้ายมีรอยกัดของสัตว์ขนาดเล็ก

โผล่อีก 2 ราย! เหยื่อสาวแบงก์แอบถอนเงินลูกค้า

กรณีสาวแบงก์ แอบถอนเงินลูกค้า 8 ล้านบาท สารภาพเอาไปซื้อบ้าน-รถ และส่งลูกเรียนต่างประเทศ ล่าสุด เหยื่อโผล่แจ้งความเพิ่มอีก 2 ราย วงเงิน 2 ล้าน ยอดรวมเสียหายถึง 10 ล้านบาท

ผบ.ทบ. สั่งระดมทหารช่วยเหตุเพลิงไหม้ รพ.รามาธิบดี

ผบ.ทบ. สั่งระดมทหาร พร้อมกำลังพลจิตอาสากองทัพบก เข้าช่วยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และอพยพผู้ป่วย จากเหตุเพลิงไหม้ รพ.รามาธิบดี

ข่าวแนะนำ

เปิดโปง สร้างคดีอุบัติเหตุเป็นฆาตกรรมหวังเงินประกัน

คดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ อำพรางเพื่อหวังเงินประกัน 14 ล้านบาท ที่ จ.สกลนคร เมื่อคดีพลิกจากอุบัติเหตุ เป็นการลวงผู้เสียชีวิตไปฆ่า ซึ่งบริษัทประกันภัยพบข้อพิรุธหลายอย่าง จนนำไปสู่การร้องให้ตำรวจรื้อฟื้นคดีจนจับกุมผู้ก่อเหตุทั้งหมดพร้อมขยายผลไปถึงเจ้าของสำนวน ความซับซ้อนของคดีนี้เป็นอย่างไร ติดตามจากรายงาน

สภาฯ หมื่นล้าน ‘ท่อน้ำฝ้าเพดาน’ แตก

สภาฯ หมื่นล้านแตกอีกแล้ว! รอบนี้ ‘ท่อน้ำฝ้าเพดาน’ แตก น้ำไหลเจิ่งนองลงมายังอาคารจอดรถชั้นใต้ดินบี 1 ระดมแม่บ้านทำความสะอาด-จัดระเบียบอำนวยความสะดวก จนท.รุดซ่อมแซม

รพ.รามาธิบดี แถลงบุคลากรบาดเจ็บ 1 คน เหตุเพลิงไหม้

รพ.รามาธิบดี แถลงเหตุเพลิงไหม้ ผู้ป่วยทุกคนปลอดภัย มีบุคลากร 1 คน บาดเจ็บสูดเขม่าควัน รักษาตัวอยู่ไอซียู คาดกลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้งภายใน 1 สัปดาห์ ด้านอุปนายกวิศวกรรมสถานฯ ตรวจสอบเบื้องต้นอาคารยังอยู่ในสภาพปกติ ขณะที่ พฐ. คาดไฟฟ้าลัดวงจร

“บิ๊กอ๊อด” พร้อมสู้คดีในชั้นศาล ย้ำทุกอย่างทำเพื่อสมาคม-สโมสร

“บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ พร้อมสู้คดีในชั้นศาล หาก “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ฟ้อง ย้ำทุกอย่างทำเพื่อสมาคมและสโมสร