สว.สำรอง มอบแจกันดอกไม้เป็นกำลังใจดีเอสไอ หลังรับเป็นคดีพิเศษ

ดีเอสไอ 12 มี.ค. – สว.สำรอง มอบแจกันดอกไม้เป็นกำลังใจให้ดีเอสไอ หลังรับเป็นคดีพิเศษ พร้อมเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้ดีเอสไอทำหน้าที่ตรวจสอบความจริง


พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้นำกลุ่ม สว.สำรอง พร้อมด้วยเพื่อนสมาชิก สว.สำรอง เดินทางมาให้กำลังใจ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษทั้ง 41 รายชื่อ รวมถึงให้กำลังใจ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ภายหลังถูก พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. พร้อม สว. รวม 81 คน นำรายชื่อ สว. 105 คน มายื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผ่านนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการ ป.ป.ช.ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีรับคดีฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษ ในความผิดฟอกเงิน โดยมีนายสมเกียรติ เพชรประดับ ผอ.ส่วนพิจารณาสำนวนร้องทุกข์ กองบริหารคดีพิเศษ เป็นผู้แทนรับเรื่อง

พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา คณะของเราได้ไปยื่นเรื่องที่ กกต. เพื่อติดตามทวงถามความคืบหน้า แต่เนื่องด้วยมีสถานการณ์พิเศษบางอย่างจึงต้องมาที่ดีเอสไอ วัตถุประสงค์หลักคือมาให้กำลังใจกระทรวงยุติธรรมและเจ้าหน้ากรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่ทราบว่าวันนี้ทางผู้บริหารของกรมฯ และกระทรวงฯ ไปประชุมผู้บริหารระดับสูงนอกสถานที่ จึงขอโอกาสนี้ได้มอบช่อดอกไม้และกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม ที่ผ่านมายังได้ปรากฏกลุ่มคนที่สร้างกระแสอย่างต่อเนื่อง จึงต้องมาให้กำลังใจ เพื่อทำเรื่องนี้ต่อไปได้อย่างมั่นคง มุ่งมั่นให้ความจริงปรากฏเพื่อประชาชน และเพื่อประเทศชาติ และพร้อมจะเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้ดีเอสไอ


สำหรับคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษของอธิบดีดีเอสไอ ที่ได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอถึง 41 ราย มาเป็นพนักงานสอบสวนในคดีฮั้ว สว.67 นั้น พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า เท่าที่เห็นรายชื่อ ตัวเองมั่นใจ เพราะส่วนหนึ่งในรายชื่อตามที่ปรากฏนั้น ตอนที่เป็นเรื่องสืบสวนก็ได้มีโอกาสทำงานและได้นำข้อมูลไปให้ทางเจ้าหน้าที่เหล่านี้ที่ได้ดำเนินการสืบสวนจนปะติดปะต่อเรื่องมาถึงขั้นตอนนี้ได้ ต้องชื่นชมเพราะคดีนี้ใหญ่มาก ดังนั้นการที่ท่านได้รับรู้ข้อมูลในชั้นสืบสวน และได้เข้าไปร่วมสอบสวนด้วย ยิ่งทำให้เชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้จะถือเป็นข้อมูลที่ได้รับการจัดวางเข้าไปในระบบอย่างชัดเจน ซึ่งจะนำไปสู่การสืบสาวราวเรื่องไปถึงกลุ่มขบวนการได้แน่นอน อย่างไรก็ตามข้อมูลต่างๆ ของบุคคลที่เกี่ยวข้องคงมีการเห็นแล้วบางส่วนในระหว่างการสืบสวน แต่เมื่อเห็นแล้ว แต่หากเข้าสู่กระบวนการสอบสวน ก็คงสามารถไปเอาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาปะติดปะต่อเพื่อยืนยันให้เป็นข้อมูลที่มีคุณภาพมาใช้ประกอบในการสอบสวนในคดีอาญาได้ ดูแล้วไม่น่ามีปัญหา เพราะจริงๆ แล้วถ้าว่าตามจริงคดีนี้ไม่ได้ซับซ้อน แล้วคนที่มาทำก็เป็นคนใหญ่ เลยดูเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ แต่เมื่อตรวจสอบก็เห็นเส้นทาง เห็นความโยงใยต่างๆ คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่ดีเอสไอจะทำเรื่องนี้ให้ความจริงปรากฎ คิดว่าประชาชนน่าจะเชื่อมั่น มั่นใจได้ว่าเรื่องนี้ท้ายสุดจะถูกคลี่คลาย

ส่วนกรณีที่จะต้องมีพนักงานอัยการมาร่วมสอบสวนกับดีเอสไอด้วยนั้น พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า เรื่องนี้ยิ่งทำให้มั่นใจ เพราะอย่างน้อยพนักงานอัยการเมื่อมาร่วมสอบสวน พนักงานอัยการก็จะสามารถชี้แนะในแง่มุมกฎหมาย ทำให้สำนวนมีความรัดกุมและชัดเจนมากยิ่งขึ้น ดังนั้นโอกาสที่สำนวนเมื่อพ้นจากชั้นสอบสวน ก็จะเข้าสู่ชั้นอัยการ โอกาสที่จะถูกสอบสวนเพิ่มเติม หรือสั่งเพิ่มเติมหรือถูกสั่งไม่ฟ้องน่าจะน้อยลง

สำหรับประเด็นที่มีสมาชิกวุฒิสภาบางส่วนได้รวบรวมรายชื่อไปยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาในความผิดมาตรา 157 ต่อ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นั้น พล.ต.ท.คำรบ บอกว่า ในเรื่องดังกล่าวยังทบทวนอยู่ว่าที่ไปร้อง ไปร้องในฐานะอะไร เพราะถ้าหากไปในฐานะที่เป็นสมาชิกวุฒิสภา มีเรื่องบัญญัติเกี่ยวกับจริยธรรมของนักการเมือง 10 ข้อ หากใช้สถานะของท่านไปดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งที่เข้าไปแทรกแซงทำให้เกิดผลประโยชน์ส่วนตนหรือส่วนอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ และการที่ไปกล่าวว่าเขาอย่างนั้นเป็นการที่ท่านไปบิดเบือนข้อมูลข้อเท็จจริงที่ทำให้ประชาชนสับสนหรือไม่ เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้ต้องไปดูในประมวลจริยธรรมของนักการเมือง ซึ่งสุ่มเสี่ยงหลายข้อ แต่หากไปยื่นในฐานะที่เป็นผู้เสียหาย ก็มองว่าคดีนี้ดีเอสไอเพิ่งจะรับเป็นคดีพิเศษและมีการออกเลขคดีพิเศษ ถึงแม้เจ้าหน้าที่จะมีข้อมูลบางส่วนแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้มีการตั้งข้อกล่าวหาผู้ใด แบบนี้จะถือเป็นการร้อนตัวไปก่อนหรือไม่


พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า สำหรับการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ในความผิดมาตรา 157 แม้จะเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นการไปกล่าวหาใครได้โดยง่าย เพราะในคดีอาญา คนแจ้งมีสิทธิ์แจ้ง แต่ถ้าแจ้งไปแล้วไม่ใช่ คดีมีการยกฟ้องหรือหรือไม่รับฟ้อง ท่านก็มีโอกาสถูกแจ้งกลับ อยากฝากเรื่องนี้ไปยัง ป.ป.ช.เช่นเดียวกันว่าในช่วงที่จะรับไต่สวนมูลฟ้องหรือไต่สวนคำร้อง อยากให้ ป.ป.ช. ได้พิจารณาในมูลคำร้องให้ดีว่ามีมูลอย่างที่มีการกล่าวหาหรือไม่ เพราะการที่ดีเอสไอหรือบอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษจะถูกกลุ่มคนฟ้องนั้น ทั้งดีเอสไอและบอร์ด กคพ. ได้กระทำการที่ผิดกฎหมายนอกเหนืออำนาจหน้าที่ใดหรือไม่ เพราะในเมื่อเขาได้ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของราชการทุกประการ ขณะเดียวกันอย่างที่ตนยังสงสัยในสถานะของผู้ร้อง ซึ่งถ้าหาก ป.ป.ช. จะวินิจฉัย ก็อยากให้ ป.ป.ช. ได้นำประเด็นนี้มาคำนึงด้วยว่าผู้ร้องมีสิทธิ์ร้องหรือไม่ในประเด็นเหล่านี้

ส่วนกลุ่มคณะ สว.สำรอง จะมีแนวทางอย่างไรต่อไป หากคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมีการไต่สวนคำร้องของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษตามที่ได้มีผู้ไปร้องนั้น พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ทางเรามีสถานะเป็นผู้ดู ส่วนจะมีการไปฟ้องกันอย่างไร หรือดีเอสไอจะโต้ตอบอย่างไร เข้าใจว่าหากมีการประทับเรื่องฟ้อง ทางดีเอสไอคงจะต้องไปชี้แจงว่าที่มีการถูกฟ้องมานั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ อย่างไร มองว่าทางดีเอสไอคงไม่ลำบากใจ เพราะว่าได้ทำเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา และทำบนพยานหลักฐานข้อเท็จจริง ทั้งนี้ฝากข้อห่วงใยไปยังกลุ่มสมาชิกวุฒิสภาที่ได้ไปยื่นเรื่องว่าท่านกำลังสุ่มเสี่ยงในเรื่องจริยธรรมหรือไม่

เมื่อถามว่านับตั้งแต่ที่กลุ่มคณะ สว.สำรอง ได้มีการมายื่นเรื่อง หรือมอบข้อมูล รายละเอียดเอกสารพยานต่างๆ กับดีเอสไอ ได้ถูกสายโทรศัพท์โทรข่มขู่ หรือขอให้ยุติการดำเนินการบ้างหรือไม่ พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า การที่ตัวเองมาดำเนินการอยู่ในตอนนี้ ก็เพื่อประเทศชาติเป็นหลัก จริงอยู่ที่พวกผมเป็นตัวสำรองอาจมีส่วนได้เสียจากการเคลื่อนไหวเรียกร้องในครั้งนี้ แต่เรื่องเหล่านี้เป็นผลพลอยได้ หลังจากได้สืบสวนทำให้ทราบว่าขบวนการนี้ใหญ่มาก อาจมีผู้ที่เกี่ยวข้องที่มีหน้าตาในสังคมปัจจุบัน ซึ่งพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นมองว่าเป็นการกินบ้านกินเมือง เป็นการปล้นชาติปล้นแผ่นดิน เมื่อเห็นถึงขบวนการเหล่านี้ ผมคิดว่าจะไม่หยุด อย่างน้อยตัวเองก็เป็นข้าราชการตำรวจเกษียณแล้วยังเหลือเวลาอีกไม่มาก จะต้องทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องสุดท้ายของชีวิต

ส่วนเรื่องเอกสารรายชื่อพยาน 7,000 รายชื่อที่มีหลุดออกมา ซึ่งอยู่ในกลุ่มพยานที่ดีเอสไอจะต้องเรียกสอบสวนปากคำนั้น พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า เท่าที่ได้ดูก็รู้จักบางคน ทางดีเอสไอคงจะตรวจสอบ จากข้อมูลที่มีพบว่ากระบวนการเหล่านี้จะมาเคลื่อนไหวหรือติดต่อสัมพันธ์กันในช่วงวันที่ 23-25 พ.ค.67 โดยเริ่มต้นจากระดับอำเภอ ตั้งแต่มีการสมัครในช่วงเดือน พ.ค.67 ความผิดเริ่มปรากฎในช่วงนั้น การสมัครระดับอำเภอ มีเงินทอน เงินจ้าง ค่ารถ ฯลฯ ซึ่งบุคคลที่มีรายชื่อปรากฏต้องไปสำรวจตัวเองว่ามีรายการค่าใช้จ่ายอย่างไร จะได้ชี้แจงได้ หากมีการเรียกมาให้การ

ส่วนประเด็นการยื่นหนังสือของนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อต้องการให้การเลือก สว. เป็นโมฆะทั้งชุดตัวจริงและ สว.สำรอง นั้น พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า มองว่าโอกาสที่จะเป็นโมฆะ ไม่น่าจะมีโอกาสมากนัก เพราะกฎหมายเขียนไว้ว่า หากเกิดความผิดใดปรากฏกับบุคคลใดก็จัดการคนนั้นไป และผลของการกระทำของบุคคลดังกล่าวไม่ส่งผลต่ออดีตที่ทำมา ตามข้อเท็จจริงมี สว.ตัวจริง 200 คน มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่อยู่ในข่าย 130-140 คน ส่วนที่เหลือไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หากจะต้องล้มหรือโมฆะคงไม่เป็นธรรมที่จะให้เขามารับผลในส่วนนี้ด้วย ใครผิดก็จะต้องจัดการคนนั้นไป และกฎหมายเรื่องเลือกตั้งได้เขียนไว้ชัดเจนว่าหากจัดการไปแล้วให้นำ สว.สำรอง ขึ้นมาแทน หากรวมกันแล้วไม่ถึงกึ่งหนึ่งก็ให้ไปเลือกซ่อมส่วนที่เหลือ กฎหมายเขียนไว้แล้ว มีช่องทางเดินก็ให้เดินตามช่อง จึงมองว่าไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องโมฆะ

ด้านนายสมเกียรติ กล่าวว่า ในฐานะผู้แทนรับเรื่องของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยในส่วนของคดี ตอนนี้ได้รับเป็นคดีพิเศษที่ 24/2568 ส่วนรายละเอียดทางคดีและความคืบหน้าจะขอให้เป็นอำนาจหน้าที่ของโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เป็นผู้แถลงต่อไป. -419-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย