ดีเอสไอ-อัยการ เรียกสอบพยาน คดี 7 ตร.จับผิดตัวซ้อมคนขับมาสด้าแดง

กทม. 7 มี.ค.-ดีเอสไอ-อัยการ มีมติเรียกสอบพยาน คดี 7 ตำรวจจับผิดตัว ซ้อมคนขับมาสด้าแดงน่วม คาด่วนตรวจแอลกอฮอลล์ ย่านเลียบด่วน พร้อมชี้เข้าข่าย พ.ร.บ.ป้องกันการซ้อมทรมานฯ

นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสอบสวน ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานสอบสวนคดีพิเศษ และนายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผอ.กองกิจการอำนวยความยุติธรรม ได้ประชุมร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณี 7 ตำรวจจราจร สังกัดกองกำกับ 1 บก.จร. ทำร้ายร่างกาย นายธนานพ เกิดศรี คนขับรถมาสด้าสีแดง ได้รับบาดเจ็บสาหัส เพราะเข้าใจผิดว่าเป็นคนร้ายที่ขับรถแหกด่านตรวจ เหตุเกิดเมื่อเดือนกันยายน 2567 บริเวณใกล้ด่านตรวจบริเวณซอยประเสริฐมนูกิจ 21 แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กทม.


นายวัชรินทร์ บอกว่า วันนี้เป็นการประชุมคดีพิเศษ หลังจากที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ทำหน้าที่การสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งเป็นการสอบสวนตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ โดยมี2ส่วนที่ต้องรับผิดชอบในการสอบสวนคือ บช.น. และดีเอสไอ โดยจะมีอัยการสูงสุดชี้ขาดว่าใครจะเป็นผู้สอบสวน โดย ตาม ม.31 อัยการสูงสุดใช้อำนาจชี้ขาด โดยให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอสอบสวนคดีนี้ โดยพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ กำหนดไว้ชัดเจนไม่ว่าหน่วยงานใดสอบสวน จะต้องมีอัยการเข้ามากำกับการสอบสวน ซึ่งมี ตนเองเป็นหัวหน้าคณะทำงาน ซึ่งวันนี้เป็นการประชุมนัดแรก ทั้งนี้หากมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. และมี ความผิด ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ ตามกฎหมายเพียงแค่แจ้งให้ ป.ป.ช.ทราบ และไม่ได้มีอำนาจในการไต่สวนเหมือนคดีทั่วไป ซึ่งวันนี้ทางคดีนั้น ดีเอสไอได้ไปสอบปากคำผู้เสียหายไว้แล้วทั้งหมด5ปาก ผู้เสียหาย พ่อ พี่สาว/น้องสาวและแฟน ซึ่งเป็นการสอบสวนเบื้องต้น และวันนี้ที่ประชุม มีมติให้กำหนดการสอบพยานใหม่ ว่าจะมีการสอบใครบ้าง รวมถึงบุคคลที่ให้กล้องวงจรปิด คือสำนักงานเขตจตุกจักร ที่รับผิดชอบ ซึ่งเป็นหน่วยงานกลาง และได้ตั้งประเด็นที่จะไปสอบสวนพยานทั้งหมด นอกจากผู้เสียหายแล้ว ยังมีการตั้งประเด็นการสอบสวนตำรวจที่อยู่ในด่านว่าใครทำอะไรบ้าง ซึ่งจากวงจรปิดที่เห็นชัดเจนโดยจะทำการสอบสวนเพื่อให้เห็นพฤติการณ์กระทำความผิดว่ามีใครเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดนอกจากผู้ค้องหา 7นาย คือ ร้อยตำรวจเอก 1ราย สิบตำรวจเอก 5ราย สิบตำรวจโท 1ราย ทั้งนี้จะต้องดูว่ามีผู้บังคับบัญชาคนไหนเกี่ยวข้องหรือไม่ด้วย รวมถึงจะต้องดูถึงการแจ้งการจับกุมด้วย เพราะบางทีตำรวจอาจจะไม่ได้แจ้งการจับกุมทุกเรื่อง ดังนั้นจึงขอประชาสัมพันธ์ว่า ไม่ว่าหน่วยงานใด ถ้ามีการจับกุมและควบคุมตัวจะต้องแจ้งมาที่อัยการ และกรมการปกครองทุกกรณี ซึ่งจะต้องแจ้งทั้ง2หน่วยเพราะถ้าไม่แจ้งจะถือว่าเป็นความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งที่ผ่านมาถ้าตำรวจจับกุมแล้วไม่ได้แจ้งอัยการกับฝ่ายปกครองทราบ ก็จะต้องพิจารณาว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่

“และวันนี้ มีมติจะออกหมายเรียกพยานมาสอบปากคำ และตั้งไทม์ไลน์ไว้ว่าจะทำสำนวนให้เสร็จภายในเดือน เม.ย. ส่วนตำรวจ 7นายจะยังไม่เรียกมาสอบ เพราะอยู่ในเครือข่ายที่ต้องดำเนินคดี แต่จะเรียกพยานฝั่งผู้เสียหาย 5ราย /ตำรวจหัวหน้าด่าน บุคคลที่อยู่ในด่าน และขอเอกสารทางการแพทย์ และสอบปากคำแพทย์ และพยานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ”


ส่วนมีการทำร้ายผิดคันหรือไม่นั้น นายวัชรินทร์ จะเห็นว่า ผู้เสียหายไม่ได้ทำผิดอะไรเลย ขับรถเข้าด่านตามปกติ และไม่ได้เมา รวมถึงตำรวจชุดจับกุม7นายตามไป และมีการทำร้ายร่างกายเกิดขึ้น ซึ่งไม่ว่าจะผิดคันหรือถูกคันก็ไม่มีสิทธิทำร้ายร่างกายใคร เพราะถ้ามีการซ้อมทรมานจะต้องถูกดำเนินคดี และเมื่อดูกล้องวงจรปิด จะเข้า ม.5 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ เพราะมีการถูกทำร้ายอย่างรุนแรง

ส่วนสำนวนที่ พนักงานสอบสวนสน.บางเขน ทำส่งไปยัง ป.ป.ช. ดังนั้นดีเอสไอ ก็จะทำหนังสือไปถึง ป.ป.ช.เพื่อขอสำนวนกลับคืนมา เพราะเป็นอำนาจการสอบสวนของดีเอสไอ ทั้งนี้ไม่ได้มีปัญหาแม้ตอนนี้จะยังไม่ได้สำนวนจาก ป.ป.ช.กลับมา เพราะดีเอสไอเดินหน้าทางคดีไปค่อนข้างมากแล้ว และมีการสอบพยานไปแล้วในการสืบสวน แต่เมื่อเป็นคดีพิเศษหลังจากนี้จะทำการสอบสวนใหม่อีกครั้ง โดยมีอัยการจากสำนักงานอัยการสอบสวน มากำกับการสอบสวน

และคดีนี้ นายวัชรินทร์ ยังบอกอีกว่า ได้มีการแจ้งอัยการ เพียงอย่างเดียว ไม่ได้แจ้งฝ่ายปกครอง แต่เป็นการแจ้งอัยการหลังเกิดเหตุ 3วัน โดยยังไม่ได้ให้เหตุผล ดังนั้นจะต้องไปตรวจสอบว่า การแจ้งดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่อย่างไรตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ ทั้งนี้ยังตอบไม่ได้ว่าไม่มีการรายงานเพราะอะไร ต้องการปกปิดหรือไม่ ซึ่งหลักเกณฑ์ในมาตรา 42 หากตรวจสอบแล้วเข้าข่านก็สามารถดำเนินคดีได้


นายวัชรินทร์ ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ได้เงียบหายไป ซึ่งตำรวจ 7นาย เท่าที่ทราบคือให้ออกจากราชการไว้ก่อนที่เป็นโทษทางวินัย ส่วนการดำเนินคดีอาญายังคงอยู่ และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ มีอัตราโทษสูงถึง 15 ปี

ขณะที่ นายอังศุเกติ์ บอกว่า การเยียวยาผู้เสียกาย ได้การการเสนอไปแล้ว ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงการคลังก่อน เพราะกระทรวงยุติธรรมได้มีการพิจารณาไปแล้ว ส่วนตัวเลขจะต้องเยียวยาเท่าไร รอให้กระทรวงการคลังพิจารณาก่อนเพราะต้องเป็นตัวเลขอย่างเป็นทางการ ส่วนการข่มขู่คุกคาม ขณะนี้ยังไม่ได้มีการข่มขู่คุกคามผู้เสียหายเกิดขึ้น.-415.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ผู้ค้าทองคำเสนอตั้งเคลียริ่งเฮาส์ ค้านเก็บภาษีเทรดทอง

กรุงเทพฯ 16 ก.ย. – ราคาทองคำนิวไฮตามตลาดโลก การค้าทองคึกคัก ผู้ค้าทองคำค้านแนวคิดภาครัฐเก็บภาษีเทรดทองคำออนไลน์ เพื่อป้องกันบาทแข็งค่า ระบุถอยหลังเข้าคลอง ทำลายการค้า เสนอ ธปท. “ตั้งเคลียริ่งเฮาส์-ปรับสูตรดูแลค่าเงิน” นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) กล่าวว่า ในการประชุมระหว่างผู้ค้าทองคำและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วานนี้ ทาง ธปท.มีการสอบถามความเห็นเรื่อง การที่กระทรวงการคลังอาจออกมาตรการเก็บภาษีในการซื้อ-ขายทองคำ โดยเฉพาะธุรกรรมออนไลน์และมีการชำระเป็นเงินบาท เพื่อลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท ซึ่งทางผู้ค้าทองคำ คัดค้านเพราะจะกระทบต่อการค้าทองคำในองค์รวมของทั้งในและต่างประเทศ ทำลายระบบเศรษฐกิจ โดยในขณะนี้การค้าทองคำทั้งในและต่างประเทศแต่ละปีมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท/ปี และความนิยมเทรดระบบออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัล ตอบสนองนพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเทรดออนไลน์ทั้งผ่านแอปฯ ต่างๆ และเทรดผ่าน Gold Futures ตลาด TFEX ซึ่งเป็นการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำภายในประเทศ โดยยอดเทรดเติบโตอย่างมากราว 9-20 ตัน/วัน หรือ 20,000-35,000 สัญญาต่อวัน […]

รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้

พรรคภูมิใจไทย 16 ก.ย.-รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้ หลังนายกฯ ลั่นเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีอนุทิน 1 คาดว่าจะมีความชัดเจนเร็วสุดในเย็นวันนี้ (16 ก.ย.) หรืออย่างช้าวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.) ซึ่งต้องรอความชัดเจนจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ขณะที่บรรยากาศพรรคภูมิใจไทยในช่วงเช้าวันนี้ยังคงเงียบเหงา มีแกนนำพรรคเดินทางเข้าที่ทำการพรรค อาทิ นายทรงศักดิ์ ทองศรี ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เบื้องต้นยังไม่มีกำหนดการเดินทางเข้าพรรคในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายอนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ไว้ว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งจะสามารถทูลเกล้าฯ ถลายได้ภายในสัปดาห์นี้.-สำนักข่าวไทย

เตือนภาวะน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.

กรุงเทพฯ 16 ก.ย.-สทนช. ออกประกาศเตือน เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.นี้ คาดระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงจะสูงกว่าจุดวิกฤติ 0.20 เมตร เสี่ยงน้ำเอ่อล้นริมเจ้าพระยา-ท่าจีน-แม่กลอง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศเตือน เรื่อง “เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง” เตือนประชาชนและหน่วยงานในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง ให้เฝ้าระวังระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ระหว่างวันที่ 17–22 กันยายน 2568 ในช่วงเวลา 16.00–19.00 น. ของแต่ละวัน โดยเฉพาะพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราว ซึ่งยังไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร หรือที่เรียกว่า “แนวฟันหลอ” นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสทนช. กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ร่วมกับกรมอุทกศาสตร์ คาดว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูง โดยระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงอาจสูงถึง 1.70–1.90 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำวิกฤติประมาณ 0.20 เมตร ปัจจัยที่ส่งผลต่อการหนุนสูงของน้ำทะเลในช่วงนี้ได้แก่ ร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทย ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังปานกลาง ซึ่งยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยและบริเวณอ่าวไทย ส่งผลให้บางพื้นที่ยังคงมีฝนตก และเมื่อรวมกับปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุน จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำ พื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ […]

จับตาเวทีหารือปราบสแกมเมอร์

15 ก.ย. – พรุ่งนี้ (16 ก.ย.) ต้องเกาะติดการประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา วางแนวทางปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสแกมเมอร์ ที่ จ.สระแก้ว ต่อยอดการประชุม GBC ที่เกาะกง เมื่อ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย