27 ก.พ. – ตำรวจกองบังคับปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรม หรือ บก.ปอศ. แถลงผลการจับกุม นางสาวเริงฤดี อายุ 45 ปี และนางสาวพรพิมล อายุ 30 ปี สองน้าหลาน ที่เป็นกรรมการบริษัทปันสุข 555 จำกัด และบริษัทเคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด ทั้งสองคนมีพฤติกรรมชักชวนให้มาร่วมลงทุนธุรกิจซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือที่ได้รับอนุญาตจาก กสทช. ในนามซิมการ์ดโทรศัพท์ระบบเติมเงินชื่อ “Sim K4” และตู้เติมเงินชื่อ “ตู้เคธี่ปันสุข” โดยลงทุน 50,000 บาท แล้วจะได้รับผลตอบแทนภายใน 500 วัน เป็นเงิน 150,000 บาท แล้วถ้าหากมีการชักชวนดีลเลอร์มาร่วมลงทุน จะได้รับส่วนแบ่งสูงสุดถึงร้อยละ 50% ผู้ที่สนใจลงทุนต้องสมัครสมาชิกผ่านเว็บไซต์ของบริษัท และโอนเงินลงทุนผ่าน QR code
ในช่วงแรกผู้เสียหายได้รับค่าตอบแทนจริง ทำให้หลายคนเริ่มมีการบอกปากต่อปากชักชวนคนอื่นมาร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก ต่อมาเดือนตุลาคม 2567 ผู้เสียหายไม่ได้เงินค่าตอบแทน จึงได้พยายามทวงถามแต่ผู้ต้องหาทั้งสองคนอ้างว่า ตู้เติมเงินมีปัญหา จึงทำให้ตัวแทนผู้เสียหาย 61 คน จากทั้งหมดเกือบ 300 คน รวมตัวกันมาแจ้งความที่ บก.ปอศ. เมื่อวันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มูลค่าความเสียหายกว่า 27 ล้านบาท
ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวน และได้แฝงตัวว่าสนใจ ผู้ต้องหาทั้งสองคนจึงได้เชิญไปอบรมที่บริษัทย่านคันนายาว ในบริษัทมีพนักงาน 15 คน ก่อนจะอ่านหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองคน พร้อมกับตรวจยึดของกลางเป็น รถยนต์หรู 11 คัน, ตู้เติมเงิน 258 ตู้, กระเป๋าแบรนด์เนม 4 ใบ และทรัพย์สินอื่น ๆ รวมแล้วกว่า 50 ล้านบาท จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหาได้มีการสั่งตู้เติมเงินมาจากบริษัทในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน และไม่ได้มีการขออนุญาต กสทช. ในการประกอบกิจการ รวมทั้งผู้ต้องหา 2 คน มีการยักยอกถ่ายโอนแปลงสภาพทรัพย์สินต่าง ๆ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ และตู้เติมเงินบางตู้ไม่สามารถใช้งานได้จริง
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. แจ้งข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา.-420- สำนักข่าวไทย