ตร. 24 ก.พ.-“ปวีณา” พาครอบครัว “น้องมายด์” พบตำรวจสากล เร่งตรวจสอบเสียชีวิตแล้วจริงหรือไม่ ด้านพ่อเผยอยากรู้ลูกตายจริงหรือไม่ และใครเป็นคนทำ ระบุ 6 ปีที่ผ่านมาไม่ได้พบลูกเลย หากเสียชีวิตจริงก็อยากนำกระดูกกลับมาทำพิธีที่บ้านเกิด
นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พาพ่อแม่ของนางสาวอธิติญา หรือ น้องมายด์ และเพื่อนลูกสาวไปพบและประชุมกับ พล.ต.ต.สุระพันธุ์ ไทยประเสริฐ ผบก.กองการต่างประเทศ และทีมงานตำรวจสากลไทย เพื่อให้ข้อมูลการหายตัวไปหลังน้องมายด์ อายุ 29 ปี ไปอยู่กินกับสามีชาวบังกลาเทศที่ประเทศโอมานถูกทำร้ายร่างกายสาหัสก่อนจะหายตัวไปนานกว่า 3 เดือน โดยพ่อแม่และเพื่อนๆ ไม่สามารถติดต่อน้องมายด์ได้ จึงร้องทุกข์มายังมูลนิธิปวีณาฯ ขอให้ช่วยตามหาลูกสาว ขณะนี้สามีของน้องมายด์ถูกตำรวจจับกุมในคดียาเสพติด จึงขอให้ทางตำรวจช่วยประสานตำรวจโอมาน ตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังเพื่อนน้องมายด์ให้ข้อมูลการเสียชีวิตของน้องมายด์ ถูกนำร่างไปเผาที่ภูเขาซาบาย่า และสามีให้การรับสารภาพกับตำรวจโอมานแล้ว
นางปวีณา กล่าวว่า น้องมายด์ หรือรีม เดินทางไปอยู่ที่บังกลาเทศตั้งแต่ปี 2563 และกลับมาประเทศไทยในระยะสั้น ๆ เมื่อปี 2567 ก่อนจะไปอยู่กับสามีที่ชื่อคาเร็ก ทางเพื่อนได้ข่าวมาตลอดว่าน้องมายด์ถูกทำร้ายร่างกาย จน 3 เดือนสุดท้ายไม่พบน้องมายด์หรือน้องรีม ต่อมานายคาเร็กถูกตำรวจจับกุมในคดียาเสพติด โดยคาเร็กให้การปฏิเสธว่าไม่รู้ว่าน้องมายด์อยู่ที่ไหน ซึ่งเพื่อนของน้องมายด์ได้กลับมาจากต่างประเทศเมื่อวานนี้ให้ข้อมูลว่าน้องมายด์อาจจะเสียชีวิตแล้ว ซึ่งขณะนี้ยังไม่ยืนยันในข้อเท็จจริงจึงอยากให้ตำรวจกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ช่วยประสานกับตำรวจสากล เพื่อขอทราบข้อเท็จจริง น้องมายด์ถูกทำร้ายร่างกายโดยมีหลักฐานการทำร้ายร่างกายจนไม่สามารถเดินได้ ทั้งนี้ได้ประสานตำรวจสากลไทย และกระทรวงต่างประเทศเพื่อ ดำเนินการช่วยเหลือในขั้นตอนต่อไป
เพื่อนผู้เสียหาย เปิดเผยว่า น้องมายด์ ซึ่งเป็นผู้เสียหายได้คบหากับสามีชาวบังกลาเทศคนนี้มานานกว่า 5 ปี ตลอดระยะเวลาทุกคนทราบว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายร่างกายมาโดยตลอด โดยเมื่อปีที่แล้ว ผู้เสียหายได้เดินทางกลับมาที่ประเทศไทย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ก่อนจะเดินทางกลับไปอีกครั้ง ซึ่งระหว่างที่เดินทางกลับไปรอบที่ 2 ก็ได้ประสานให้ตัวเองซื้อของจากประเทศไทยและนำไปให้ที่ห้องพัก เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 โดยระหว่างที่ตัวเองนำของไปให้ผู้เสียหาย ก็สังเกตเห็นว่าร่างกายของผู้เสียหายถูกทำร้ายมีสภาพซูมผอม หน้าตาบวมปูด ตาปิด กรามยุบ มือและนิ้วบิดผิดรูป และมีร่องรอยฟกช้ำตามร่างกายทั้งแผลใหม่แผลเก่า ก่อนที่เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจะทราบว่าสามีของผู้เสียหายถูกตำรวจจับในคดียาเสพติด ซึ่งทางตำรวจได้สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับผู้เสียหาย แต่สามีของมายด์ ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล ประกอบกับในช่วงระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ญาติไม่สามารถติดต่อผู้เสียหายได้ จึงรู้สึกเป็นห่วง และเกรงว่าผู้เสียหายจะได้รับอันตราย จึงประสานตำรวจให้ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงและติดตามหาตัวนางสาวอธิติญา ขณะเดียวกันเพื่อนผู้เสียหายยังระบุว่ากรณีของนางสาวอธิติญา ไม่ใช่เคสแรกที่ถูกทำร้ายโดยก่อนหน้านี้สามีของผู้เสียหายเคยคบหากับหญิงชาวไทย ซึ่งก็มีพฤติกรรมทำร้ายร่างกายเช่นกัน
เพื่อนของน้องมายด์อีกคน เล่าว่า ตัวเองได้ติดต่อกับเพื่อนชาวบังกลาเทศที่อยู่โอมาน ซึ่งรู้จักกับสามีน้องมายด์บอกว่า น้องมายด์ เสียชีวิตแล้วโดยถูกนำร่างใส่โซฟาขนออกจากอาคารที่พักไปเผาเพื่ออำพรางที่ภูเขาซาบาย่า เมืองซาลาลาห์ ประเทศโอมาน และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เมืองซาลาลาห์ได้สอบปากคำสามีของน้องมายด์ก็ให้การรับสารภาพ ซึ่งข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร ขอให้ตำรวจสากลไทยประสานกับตำรวจสากลโอมานตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ หากกรณีพบร่างที่ถูกเผาขอให้พิสูจน์ตัวบุคคล ว่าเป็นใคร และใครเป็นผู้กระทำ เพื่อจะได้มีความชัดเจน
นางปวีณา ได้โทรศัพท์ไปหาเพื่อนของมายด์ที่อยู่ในประเทศโอมาน โดยเพื่อนของน้องมายด์เปิดเผยผ่านโทรศัพท์ว่า ทางตำรวจเจอร่างน้องมายด์เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการชันสูตรศพอยู่ โดยยืนยันอย่างไม่เป็นทางการว่าเป็นศพของน้องมายด์
ด้าน พ.ต.อ.ศิลา ตันตระกูล ผกก.กองการต่างประเทศ ฝ่ายตำรวจสากลและประสานงานภูมิภาค 3 กล่าวว่า ทางตำรวจสากลมีสมาชิกอยู่ 195 ประเทศ โดยตำรวจโอมานก็เป็นสมาชิกของตำรวจสากล การขอความร่วมมือในเรื่องทางคดีเป็นเรื่องปกติของตำรวจสากลที่จะดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไรที่ซับซ้อนในการช่วยเหลือ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการติดต่อประสานข้อมูลกันกับทางตำรวจสากลฝั่งต่างประเทศโอมาน ส่วนเรื่องของกระบวนการติดตามศพ หรือคนที่ก่อเหตุตอนนี้ยังไม่สามารถสืบทราบได้ทันที ทำได้แค่ประสานร้องขอข้อมูลให้ได้มากที่สุด ซึ่งข้อมูลหลักตอนนี้ต้องอยู่กับทางประเทศโอมาน ส่วนในเรื่องของการสืบสวนสอบสวน หรือเรื่องระยะเวลายังไม่สามารถแจ้งได้ แต่ทางตำรวจสากลไทยของกรุงเทพฯ ยืนยันว่าจะทำการติดตามอย่างดีที่สุด
ด้านพ่อของน้องมายด์ กล่าวว่า อยากขอให้ตำรวจประสานงานให้ดี อยากรู้ว่าลูกตายจริงหรือไม่ และใครเป็นคนทำ ซึ่ง 6 ปี ไม่ได้พบลูกเลย ได้พูดคุยครั้งสุดท้ายผ่านทางโทรศัพท์เมื่อพฤษภาคม 2567 ลูกสาวไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังว่ามีแฟนหรือไม่มีแฟน ลูกไม่เคยพูดถึง ได้พูดคุยกับลูกโดยลูกบอกให้รักษาตัวให้ดี เพราะแม่ก็ตาไม่ดีทั้งสองข้าง หากมีเงินเมื่อไหร่จะโอนมาให้ แม่ก็พิการและตัวเองต้องเลี้ยงหลานที่เป็นเด็กพิเศษอีก 1 คน เพราะลูกเป็นเสาหลัก หากลูกตายไปแล้วอยากให้หน่วยงานเข้ามาช่วยดูแล ทั้งนี้ หากลูกเสียชีวิตแล้วจริงๆ ก็อยากนำกระดูกลูกกลับมาทำพิธี
จากสถิติมูลนิธิปวีณาฯ ปี 2567 ปัญหาล่อลวง/ค้าประเวณี/ค้ามนุษย์ สูงถึง 257 ราย แยกเป็น แจ้งเบาะแส ค้าประเวณีในประเทศ จำนวน 53 ราย และขอความช่วยเหลือค้าประเวณี/ค้ามนุษย์ ต่างประเทศ 204 ราย กรณีถูกหลอกค้ามนุษยต่างประเทศ มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือกลับมาแล้ว 152 ราย. -419- สำนักข่าวไทย