ดีเอสไอ 18 ก.พ. – ผู้เชี่ยวชาญยืนยันไม่ได้แก้ไข GPS เรือ ย้ำชัดเป็นข้อมูลเดิมที่เคยให้กับตำรวจไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว
พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ได้เรียกพยาน 3 ราย เพื่อให้ข้อมูลกับดีเอสไอ หลังรับเป็นเลขสืบสวนที่ 20/2568
โดยวันนี้ในช่วงเช้ามีพยาน 2 ราย เดินทางเข้าให้ข้อมูลกับกรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว ประกอบด้วย พ.ต.ต.ปภิณวิช รอดบางยาง ซึ่งเป็นผู้ที่ขายเรือให้กับนายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือ ปอ แล้วนำไปขับในคืนวันเกิดเหตุที่ แตงโม เสียชีวิต โดยวันนี้ได้นำหลักฐานเป็นข้อความการสนทนาการที่คุยกับนายตนุภัทร หรือ ปอ เกี่ยวกับการซื้อขายเรือในช่วงเดือนสิงหาคม 2564 มามอบให้คณะพนักงานสืบสวน
ส่วนนายกิตติภัฎ หรือ “อู๊ด” อายุ 54 ปี พยานเกี่ยวกับ GPS เรือลำเกิดเหตุ ที่ให้การผ่านรายการโหนกระแสเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ได้เดินทางมาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษในฐานะพยาน และนำหลักฐานซึ่งเป็นเอกสารเป็นใบรับรองว่าตัวเองมีความเชี่ยวชาญในด้าน GPS เรือนานกว่า 30 ปี มายืนยัน
ต่อมาภายหลังให้ข้อมูลเสร็จสิ้น นายกิตติภัฎ กล่าวว่า ข้อมูลการเดินเรือ การติดตั้ง GPS เรือในวันที่เกิดเหตุได้มอบให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอแล้ว โดยยืนยันว่าตัวเองไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง GPS เรือ และหลักฐานที่นำไปให้กับทางพนักงานสอบสวนดีเอสไอในวันนี้ก็เป็นหลักฐานเดียวกันกับที่เคยยื่นไว้แล้วกับตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี เมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งหลักฐานที่นำมามอบให้นั้นจะสามารถทำให้รู้ว่า วันเกิดเหตุเรือมีการเดินทางไปในทิศทางใด และสามารถดูพิกัดได้ว่าหัวเรือนั้นหันไปในทิศทางไหน และจอดหยุดนิ่งอยู่บริเวณไหนในแม่น้ำ และอยู่ที่ความลึกของแม่น้ำเท่าไหร่ เวลาไหน รวมถึงความเร็วในการแล่นเรือ โดยการตรวจสอบในครั้งนั้นได้ทำงานร่วมกันกับบริษัทแนฟเกียร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่นำเข้าเกี่ยวกับระบบ GPS เรือ
สำหรับข้อมูล GPS ที่มอบให้พนักงานสอบสวนในครั้งนี้ ต่างกับข้อมูล GPS ของนายเอกราช นามโภคิน โปรแกรมเมอร์ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ และวิเคราะห์ระบบ GPS นายกิตติภัฎ ระบุว่า เนื่องจากข้อมูลของตัวเองเป็น GPS การเดินเรือ แต่ข้อมูลของนายเอกราช เป็น GPS การเดินทางบนบก
เมื่อถามถึงเซ็นเซอร์เรือ หากใบพัดเรือโดนวัตถุบางอย่างก็จะหยุดทำงาน จากนั้นก็จะทำให้เรือหยุด นายกิตติภัฎ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้ให้ข้อมูลไปแล้ว และก็อยู่ในสำนวนคดีไม่สามารถเปิดเผยได้
ด้านนายวิชชุพันธ์ จิตภักดี อายุ 34 ปี ทนายความของนายกิตติภัฎ กล่าวว่า วันนี้นายกิตติภัฎ มาให้ปากคำเพิ่มเติมเนื่องจากมีสื่อไปพาดพิงว่าพยานไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ จึงมาให้การเป็นประโยชน์ต่อคดีและชี้แจงความบริสุทธิ์ของตัวเองว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญโดยมีความเชี่ยวชาญเรื่องเรือ และ GPS มานานกว่า 30 ปี และมาพิสูจน์ต่อคดียืนยันไม่มีการแก้ไข GPS ตามที่มีการเสนอข่าวไป ทั้งนี้มาให้ปากคำกับทางดีเอสไอเป็นครั้งแรก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในระหว่างที่กำลังสัมภาษณ์นายกิตติภัฏ ปรากฏว่า พ.ต.ต.ปภิณวิช ซึ่งเป็นผู้ที่ขายเรือให้กับนายปอ ได้เดินออกจากห้องสอบสวนไปโดยที่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแต่อย่างใด หลังจากที่ใช้เวลาให้ข้อมูลกับหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนนาน 5 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ในเวลา 15.30 น. นายแพทย์ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า จะเดินทางเข้าให้ข้อมูลในประเด็นโทรศัพท์ที่รับมาจากบังแจ็ค.-419- สำนักข่าวไทย